xs
xsm
sm
md
lg

AI ตามไม่ทัน ‘Apple’ วนใช้ดีไซน์ใหม่ดึงฐานผู้ใช้ (Cyber Weekend)

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ท่ามกลางความคาดหวังของผู้ใช้ในการเปิดตัวซอฟต์แวร์รุ่นใหม่ประจำปีของแอปเปิล (Apple) ภายในงาน WWDC 2025 ซึ่งในปีที่ผ่านมาได้เปิดตัว Apple Intelligence ออกสู่ตลาด แต่จนแล้วจนรอดผ่านมา 1 ปี AI ของ Apple ก็ยังคงตามหลังคู่แข่งในตลาดอยู่เช่นเดิม

ประกอบกับหลังจากเปิดตัวระบบปฏิบัติการใหม่ กลายเป็นว่า Apple Intelligence ก็ยังไม่ได้มีความน่าสนใจเพิ่มเติม โดยเฉพาะกับคนไทย ที่ยังไม่รองรับภาษาไทย แม้ว่าจะมีการประกาศเพิ่มภาษาที่รองรับเพิ่มเติม ที่ใกล้ๆ ประเทศไทย คือเวียดนาม ในเร็วๆ แล้วก็ตาม

เมื่อสิ่งที่ผู้ใช้คาดหวัง สวนทางกับความจริง ทำให้กลายเป็นว่าในปีนี้ ผู้ใช้ iPhone iPad และเครื่อง Mac จะยังไม่ได้เข้าถึง AI ที่มีความล้ำหน้ามากกว่าคู่แข่ง ได้เพียงในเรื่องของความปลอดภัยข้อมูล ที่ Apple เน้นย้ำในเรื่องของการประมวลผล AI ในตัวเครื่อง และเซิร์ฟเวอร์ที่มีการเข้ารหัสเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ในมุมของนักพัฒนา นับเป็นครั้งแรกที่ Apple เปิดส่วนขยายสำหรับการเชื่อมต่อแอปพลิเคชัน (Foundation Model ) เพื่อเข้าถึงความสามารถของ Apple Intelligence ที่ เครก เฟดเดอริกี้ รองประธานอาวุโสฝ่ายวิศวกรรม Apple คาดว่าจะเป็นประตูที่ทำให้การใช้งานระบบอัจฉริยะเข้าถึงผู้ใช้ในชีวิตประจำวันมากขึ้น

***ชูงานออกแบบ แต่ฟีเจอร์ยังตามหลัง

เมื่อหมดมุขในแง่การนำเสนอฟีเจอร์ AI ทำให้ในปีนี้ Apple เลือกปัดฝุ่นสิ่งที่ถนัดที่สุด คือเรื่องของ ‘การออกแบบ’ กลับมาทำให้ระบบปฏิบัติการทั้งหมดในอีโคซิสเตมส์กลับมาดูว้าว และเรียกเสียงตอบรับที่ดีจากผู้ใช้งานอีกครั้งแทน


เครก ระบุว่า การปรับดีไซน์ครั้งนี้ นับเป็นการเปลี่ยนแปลงดีไซน์ครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 12 ปี หรือนับย้อนไปในยุคของ iOS 7 ที่ใช้งานต่อเนื่องมาถึง iOS 18 ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็น iOS 26 ซึ่งจะเปิดให้ผู้บริโภคทั่วไป ได้เข้าถึงและใช้งานปลายปีนี้

สำหรับเหตุผลหลักที่ Apple เลือกเปลี่ยนวิธีการนับชื่อรุ่นต่อเนื่อง มาเป็นตัวเลข 26 ในปีนี้ ส่วนหนึ่งคือเพื่อให้เข้าใจได้ง่าย เพราะ iOS 26 iPadOS 26 watchOS 26 macOS Tahoe 26 รวมถึง tvOS 26 และ visionOS 26 จะกลายเป็นระบบปฏิบัติการหลักของผู้ใช้ในปี 2026 ที่จะถึงนี้


สิ่งที่ทำให้ Apple มั่นใจคือข้อมูลการอัปเดตระบบปฏิบัติการที่ของอุปกรณ์ที่ใช้งานอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งกว่า 88% ของผู้ใช้งาน iPhone รุ่นที่เพิ่งเปิดตัวในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา มีการอัปเดตมาใช้ iOS 18 เรียบร้อยแล้ว และถ้านับรวม iPhone ทุกรุ่นที่ใช้งานอยู่ในปัจจุบันผู้ที่ใช้งาน iOS 18 มีสัดส่วนสูงถึง 82%

ตามมาด้วยในส่วนของ iPadOS 18 ที่ปัจจุบัน 81% ของ iPad ที่วางจำหน่ายในช่วง 4 ปีทีผ่านมาอัปเกรดมาใช้ระบบปฏิบัติการปัจจุบันแล้ว และมี iPad ถึง 71% จากจำนวนทั้งหมดที่อัปมาเป็น iPadOS 18 แม้ว่าสินค้าอย่าง iPad จะเป็นอุปกรณ์ที่ใช้งานได้ยาวนานมากก็ตาม

เมื่อดูถึงรุ่นอุปกรณ์ที่รองรับการอัปเกรดซอฟต์แวร์ของปีนี้ ผู้ใช้งาน iPhone 11 และรุ่นที่ใหม่กว่า ยังสามารถใช้งาน iOS 26 ได้ นั่นหมายถึง iPhone 11 ได้รับการอัปเกรดระบบปฏิบัติการต่อเนื่องถึง 7 ปี

ขณะที่ iPadOS 26 จะรองรับในเครื่องรุ่นที่ใช้ชิป A16 Bionic ขึ้นไป ส่วน macOS 26 อาจจะเป็นซอฟต์แวร์รุ่นท้ายๆ ของเครื่องที่ใช้ชิปรุ่นเก่าอย่าง Intel ก่อนที่ในปีหน้า จะรองรับการอัปเกรดเฉพาะรุ่นที่ใช้ Apple Silicon หรือชิป Apple M1 ขึ้นไปแทน


ทั้งนี้ ซอฟต์แวร์ใหม่ทั้งหมดที่ Apple เปิดตัวนี้ ได้เปิดให้นักพัฒนาดาวน์โหลดไปทดสอบใช้งานแล้ว แต่ยังไม่แนะนำให้ผู้ใช้ทั่วไปติดตั้งใช้งาน เนื่องจากยังเป็นเวอร์ชันทดสอบอยู่ จึงไม่เหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวันตอนนี้

โดยฟีเจอร์ที่ Apple เลือกนำเสนอในงานเปิดตัวปีนี้ หลายอย่างคู่แข่งมีการนำไปใช้แล้วบนสมาร์ทโฟน Android ไม่ว่าจะเป็น ระบบกรองสายเรียกเข้า ที่ใช้ AI รับสายแทนเพื่อดูว่าเป็นมิจฉาชีพหรือไม่ การแปลภาษาแบบเรียลไทม์ขณะโทรศัพท์ หรือใช้กล้องเพื่อส่องไปยังภาพ หรือวัตถุต่างๆ เพื่อให้ AI อธิบายข้อมูลออกมา

จึงกลายเป็นว่าในภาพรวม AI ของ Apple ในตอนนี้ ยังตามหลัง Gemini หรือ OpenAI อยู่พอสมควร และอาจเป็นเหตุผลที่เปิดทางให้ผู้ใช้งาน iPhone สามารถติดตั้งแอปฯ Gemini หรือ ChatGPT ใช้งานได้ภายในอีโคซิสเตมส์ของ Apple

***งัดดีไซน์ ขายอีโคซิสเตมส์


เบื้องหลังการออกแบบดีไซน์ใหม่ของแอปเปิล คือการนำแนวคิดแบบ Liquid Glass มาใช้ ในลักษณะของความโปร่งแสงที่เล่นกับแสงและเงาของพื้นหลัง ซึ่งประยุกต์ใช้ไปในทุกระบบปฏิบัติการ ดังนั้นไม่ว่าจะใช้ iPhone iPad Apple Watch หรือ Mac ก็จะได้รูปลักษณ์ที่ใกล้เคียงกัน

พร้อมกันนี้ ยังเปิดทางให้ผู้ใช้สามารถปรับแต่งโทนสี เลือกสลับใช้งานโหมดมืด โหมดสว่าง ทำให้ได้ลุคใหม่แบบโปร่งใส เรียบง่ายแต่มีความดูดี รวมถึงแถบเมนูใหม่ที่มีความโปร่งใสทำให้รู้สึกว่าจอภาพใหญ่ขึ้นด้วย

นอกจากนี้ ยังมีการนำเสนอเรื่องของการเชื่อมต่อใช้งานระหว่าง Mac และ iPhone ที่คราวนี้ เครื่อง Mac มีแอปฯ โทรศัพท์ เพิ่มมาทำให้สามารถกดรับสายเรียกเข้าได้จากคอมพิวเตอร์ ไม่ต้องคอยสลับไปรับสายจาก iPhone แทนก็ได้

ขณะที่ใน iPhone และ iPad จะได้รับแอปฯ Preview ที่ไว้ใช้เปิดดู และแก้ไขเอกสาร จากที่เดิมอยู่เฉพาะใน Mac มาให้ใช้งานกันบนอุปกรณ์พกพาแล้ว พร้อมกับปรับปรุงให้ iPad รองรับการทำงานแบบมัลติทาสก์มากขึ้น สามารถย่อ ขยายหน้าต่างแอปฯ ทำให้การใช้งาน iPad ไม่ต่างจาก Mac ด้วย

ทำให้ท้ายที่สุดแล้ว การเปิดตัวซอฟต์แวร์ใหม่ที่จะทยอยให้ผู้ใช้งานอัปเดตกันในช่วงปลายปีนี้ จะเน้นไปที่การทำให้อุปกรณ์เดิมที่ใช้งานกันอยู่สวยงามขึ้น โดยที่ยังไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงสำคัญในเรื่องของ Apple Intelligence อยู่เช่นเดิม


กำลังโหลดความคิดเห็น