เอปสัน (Epson) เขย่าตลาดพรินเตอร์ หรือเครื่องพิมพ์สำหรับองค์กรรอบใหม่ ล่าสุดรัว 3 หมัดเพื่อดันเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทเป็นแกนหลักใจกลางตลาดแทนเครื่องพิมพ์เลเซอร์ขาวดำที่ยังมีสัดส่วนสำคัญ ทุกหมัดมีอิมแพกต์เสริมแกร่งอีโคซิสเต็มแวดล้อมเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทเพื่อธุรกิจอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน โดย 1 ในหมัดนั้นช่วยปูทางให้เอปสันทำรายได้มากขึ้นจากบริการสมาชิกรายปี รวมถึงมีคลังข้อมูลการใช้งานพรินเตอร์ที่สามารถนำไปพัฒนาต่อ หรือจัดระเบียบต้นทุนเพื่อให้พันธมิตรสามารถทำกำไรจากบริการเช่าเครื่องพิมพ์สำหรับ SME ได้มากขึ้นอีก
มูฟเมนต์ล่าสุดของเอปสันรอบนี้เกิดขึ้นเพื่อก่อร่างโซลูชันสร้างระบบนิเวศด้านการพิมพ์ของเอปสันสำหรับองค์กรธุรกิจทุกขนาด ซึ่งในอีกด้าน เอปสันได้ออกแรงหมุนเพิ่มไปอีก 2 กลไก นั่นคือการเปิดตัวสินค้าใหม่ให้ทั้งไลน์อัปเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทเพื่อธุรกิจของเอปสันมีจำนวนรุ่นมากที่สุดในตลาด ขณะเดียวกัน ก็มุ่งที่การจัดแพกเกจให้บริการเช่าเครื่องที่ตอบรับเทรนด์ตลาดที่กำลังขยายตัว กลายเป็น 3 ด้านหลักที่เอปสันจะโฟกัสในการอัดฉีดตลาดเครื่องพิมพ์ธุรกิจทั่วประเทศไทยช่วงปีนี้
***ลมเปลี่ยนทิศ ‘เครื่องพิมพ์ธุรกิจ’
ยรรยง มุนีมงคลทร ผู้อำนวยการบริหาร บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึง 3 งานหลักนี้ว่านอกเหนือจากการรักษาตำแหน่งการเป็นผู้นำในตลาดเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทของประเทศไทย เอปสันยังมีเป้าหมายในการนำเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทเอปสันเข้าไปแทนที่เครื่องพิมพ์เลเซอร์และเครื่องถ่ายเอกสารในองค์กรต่างๆ ให้ได้เพิ่มมากขึ้น เพื่อขยายฐานลูกค้าใหม่และเพิ่มจำนวนผู้ใช้เทคโนโลยีการพิมพ์ที่ไม่ใช้ความร้อนให้เติบโตยิ่งขึ้น โดยเอปสันวงพื้นที่เป้าหมายทั้งในภาคธุรกิจและราชการที่มีการกำหนดเป้าหมายด้านความยั่งยืนไว้
“ทิศทางการทำตลาดปีนี้คือต้องหาสินค้าใหม่ขึ้นมาให้ได้ นิวเอสเคิร์ฟจะช่วยเรื่องสินค้าที่อิ่มตัว ตอนนี้สแกนเนอร์ตัวขนาดเล็กและบิสสิเนสอิงค์เจ็ทเป็นเอสเคิร์ฟ” ยรรยงระบุ “แต่จะเด่นแค่เรื่องพิมพ์อย่างเดียวไม่ได้ ต้องมีระบบจัดการเอกสารที่ปลอดภัย เทรนด์เปเปอร์เลสที่ใช้กระดาษน้อยลงไม่ได้เติบโตมาก แต่ที่โตคือระบบจัดการงานพิมพ์ทั้งหมดขององค์กร จากบริการเครื่องถ่ายเอกสารที่คิดค่าเช่า หรือคิดค่าบริการตามจำนวนแผ่นที่พิมพ์ ระบบ Managed Print Services (MPS) ที่มีการจัดการลูกค้าได้แบบนี้มีการเติบโตมากใน APAC โดยเฉพาะในองค์กรขนาดกลาง ถือเป็นตลาดที่มีศักยภาพ”
แนวโน้มตลาดที่เห็นทำให้เอปสันต้องการปั้นโซลูชันที่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพด้านการพิมพ์ภายในสำนักงานของลูกค้าและการให้บริการของพาร์ตเนอร์ทั้งในกลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านโซลูชันระบบสำนักงาน (Office Automation) และผู้ให้บริการเช่าเครื่อง
***2 รุ่นใหม่พิมพ์เร็วรักษ์โลก
องค์ประกอบแรกที่เอปสันออกตัวเพื่ออัดฉีดตลาดช่วงครึ่งหลังปี 2024 คือการทำให้ไลน์อัปเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทเพื่อธุรกิจของเอปสันครบถ้วนและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ครอบคลุมที่สุด จากก่อนหน้านี้ เอปสันมีสินค้าเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทเพื่อธุรกิจในตลาด 18 รุ่น แบ่งเป็นกลุ่ม EcoTank, WorkForce Pro และ WorkForce Enterprise มีทั้งเครื่องซิงเกิลฟังก์ชันและมัลติฟังก์ชัน ทั้งพิมพ์สีและขาวดำ รองรับความเร็วในการพิมพ์ตั้งแต่ 24-100 หน้าต่อนาที ล่าสุด เอปสันได้เปิดตัว WorkForce Enterprise AM-C400 และ AM-C550 ทำให้ไลน์อัปถูกเพิ่มเป็น 20 รุ่น ส่งให้เอปสันเป็นแบรนด์เจ้าตลาดเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทที่มีสินค้าให้ลูกค้าองค์กรเลือกใช้มากที่สุด
เอปสันภูมิใจการันตีตัวเองว่าเป็นแบรนด์แรกและแบรนด์เดียวที่สามารถพัฒนาเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทให้มีความเร็วสูงทัดเทียมกับเครื่องพิมพ์เลเซอร์และเครื่องถ่ายเอกสารแต่ให้ความคุ้มค่ามากกว่า
สำหรับ AM-C400 และ AM-C550 เป็นเครื่องพิมพ์มัลติฟังก์ชันสี่สี ขนาด A4 ที่มีความเร็วในการพิมพ์ 40 และ 55 หน้าต่อนาทีไม่ว่าจะพิมพ์ด้านเดียวหรือสองด้าน และแทนที่จะให้หมึกเป็นฝ่ายวิ่งไปมาระหว่างพิมพ์ เทคโนโลยี Line Head รุ่นใหม่จะใช้การพ่นน้ำหมึกลงบนกระดาษที่วิ่งผ่านหัวพิมพ์ไปด้วยความเร็วสูงอย่างแม่นยำ ทำให้พิมพ์ได้เร็วขึ้นและจำนวนมากขึ้น ให้คุณภาพงานที่ดีขึ้น ทั้งยังประหยัดต้นทุนการพิมพ์ต่อแผ่น
เอปสันยังไฮไลต์หัวพิมพ์ในเครื่องรุ่นใหม่ที่มีความโดดเด่นมากเมื่อเทียบกับรุ่นอื่นในตลาด นั่นคือการใช้ Heat-Free Technology ที่ลดการปล่อยคาร์บอน ประหยัดไฟ-ลดเวลา เริ่มพิมพ์งานได้ทันทีไม่ต้องรอวอร์มเครื่อง ทางเดินกระดาษภายในเครื่องยังถูกออกแบบให้เรียบง่ายและมีระยะสั้น ผู้ใช้จึงจัดการกับปัญหากระดาษติดได้ง่าย มีชุดหมึกเป็นแบบความจุสูง สามารถพิมพ์ขาวดำได้มากกว่า 31,000 แผ่น และพิมพ์สีได้ 28,000 แผ่น ผู้ใช้สามารถเพิ่มถาดใส่กระดาษได้มากสุด 4 ถาด บรรจุกระดาษได้ถึง 2,000 แผ่น ช่วยให้พิมพ์งานติดต่อกันได้นาน หรือเลือกใส่กระดาษที่มีขนาดต่างกัน เช่น A4 และ A5 สำหรับการใช้งานที่ต่างกันของแต่ละแผนกในองค์กร
การเปิดตัวเครื่องพิมพ์ 2 รุ่นใหม่นี้เป็นการขยายพอร์ตเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทเพื่อธุรกิจที่เอปสันวางเป้าหมายเพื่อเข้าถึงความต้องการขององค์กรที่เลือกใช้เครื่องพิมพ์ที่แตกต่างกันตามลักษณะการใช้งานของแต่ละแผนกให้ได้มากที่สุด โดยยรรยงเชื่อว่าทุกวันนี้องค์กรทั้งภาคเอกชนและราชการยังคงลงทุนอย่างต่อเนื่องกับเครือข่ายการพิมพ์ภายในสำนักงานให้มีความทันสมัย พิมพ์งานได้ในปริมาณมากและมีความหลากหลายจากหลายแผนก และต้องมีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพิ่มขึ้น
ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายของเครื่อง AM-C400 และ AM-C550 ที่จะบุกตลาดครึ่งหลังปีนี้จึงมีเป้าหมายที่ลูกค้าบริษัทธุรกิจ หน่วยงานราชการ โรงพยาบาล ศูนย์การค้า และสถาบันศึกษาที่มีแผนกต่างๆ มากมายที่ต้องการใช้เครื่องพิมพ์มัลติฟังก์ชัน เน้นที่ความเร็วตั้งแต่ 31 หน้าต่อนาทีขึ้นไป และเน้นพิมพ์งานขนาด A4 และ A5 ปริมาณมาก ซึ่งแยกจากแผนกที่ต้องใช้เครื่องพิมพ์ขนาด A3 อย่างชัดเจน
***ครั้งแรกของอิงค์เจ็ท
นอกจากสินค้าเครื่องพิมพ์รุ่นใหม่แล้ว องค์ประกอบที่ 2 ซึ่งเอปสันออกลีลาคือการพัฒนาซอฟต์แวร์จัดการงานพิมพ์แบบครบวงจรสำหรับลูกค้า และงานแบ็กออฟฟิศของพาร์ตเนอร์ โดยตั้งชื่อว่า EcoFleet Management ซอฟต์แวร์จัดการเครือข่ายเครื่องพิมพ์เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่พาร์ตเนอร์ Office Automation ซึ่งได้รับการพัฒนาขึ้นโดยเอปสัน ประเทศไทยเอง
ยรรยงเล่าว่าเอปสันไม่เคยฝังบริการลักษณะนี้ และไม่เคยทำบริการที่ครบทั้งต้นน้ำและปลายน้ำกับสินค้ากลุ่มบิสสิเนสอิงค์เจ็ท ถือเป็นครั้งแรกที่ทำ และเอปสันประเทศไทยเป็นผู้เริ่ม เบื้องต้นเชื่อว่าจะช่วยขยายตลาดเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทเพื่อธุรกิจให้เติบโตชัดเจนในกลุ่มผู้ใช้ที่เป็นเอสเอ็มอี คาดว่าปีนี้อิงค์เจ็ทจะโตไม่น้อยกว่า 25%
วันนี้ เครื่องพิมพ์เพื่อธุรกิจเป็นแหล่งรายได้ราว 42% ของรายได้รวมในธุรกิจโซลูชันการพิมพ์ที่เอปสันทำได้ เป้าหมายของเอปสันคือการขยายเซกเมนต์จาก 42% เป็น 45% ให้ได้ หนึ่งในกลไกที่จะทำให้เอปสันทำได้ตามเป้า คือการเพิ่มความสามารถให้พันธมิตรสามารถบริการลูกค้าได้อย่างสะดวกและมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม จากที่ผ่านมา ลูกค้าองค์กรที่ใช้เครื่องพิมพ์ของเอปสันมักจะได้ใช้ชุดซอฟต์แวร์ ESS (Epson Solution Suite) อยู่แล้ว
ESS เป็นโซลูชันซอฟต์แวร์แบบไร้รอยต่อที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานเครื่องพิมพ์โดยจะมี 3 ฟังก์ชัน ได้แก่ การจัดการงานพิมพ์ (Print Management) และจัดการเอกสาร (Document Management) สำหรับองค์กรลูกค้า และฟังก์ชันจัดการเครื่องพิมพ์ (Fleet Management) สำหรับพาร์ตเนอร์ Office Automation ซึ่งซอฟต์แวร์ใหม่ EcoFleet Management ที่บริษัทได้พัฒนาขึ้นมาจะมาเสริมการทำงานในส่วนฟังก์ชันจัดการเครื่องพิมพ์ ทำให้ชุด ESS ของเอปสันมีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้นและแตกต่างจากซอฟต์แวร์ประเภทเดียวกันของคู่แข่งในตลาด
เอปสัน ประเทศไทยระบุว่า ใช้เวลา 2 ปีในการพัฒนา EcoFleet Management เริ่มจากการศึกษาปัญหาที่กลุ่มผู้ให้บริการเช่าเครื่องอย่าง Office Automation ต้องเผชิญ ซึ่งมีด้วยกัน 4 ด้าน ได้แก่ เรื่องการบริหารจัดการสัญญาเช่าที่ยังไม่ค่อยมีการทำและจัดเก็บแบบดิจิทัล ทำให้ค้นหาได้ยาก เรื่องการออกให้บริการตรวจอาการผิดปกติของเครื่องพิมพ์และปริมาณหมึก ที่ต้องส่งเจ้าหน้าที่ออกไปตรวจที่สำนักงานของลูกค้า ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ใช้กำลังคน กินเวลาและค่าใช้จ่าย ด้านการออกใบแจ้งหนี้ ซึ่งปัจจุบันยังใช้วิธีส่งเจ้าหน้าที่ออกไปจดมิเตอร์จากตัวเครื่องของลูกค้า เพื่อนำข้อมูลกลับมาคำนวณก่อนออกใบแจ้งหนี้ และเรื่องการทำรายงานประวัติการพิมพ์ของลูกค้าแต่ละรายที่ยังเป็นการทำแบบแมนนวล ใช้เวลาและมีโอกาสผิดพลาดในการกรอกข้อมูล
คาดว่า EcoFleet จะช่วยพันธมิตร 200 รายของเอปสันให้สามารถหั่นลดค่าใช้จ่ายในการส่งช่างไปดูแลเครื่องที่ไซต์ลูกค้า และประเทศไทยอาจจะขึ้นเป็นพื้นที่ต้นแบบด้านการจัดระเบียบต้นทุนให้บริการเช่าเครื่องพิมพ์สำหรับ SME ให้ต่ำลงทั่วอินโดจีนต่อไป
***แพกเกจต้องมา
องค์ประกอบที่ 3 ที่เอปสันเดินหน้าไม่รอใคร คือการออกแพกเกจบริการแบบสมาชิก (Subscription) ที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าแต่ละราย นัยของหมัดชุดนี้คือการช่วยให้เอปสันสามารถแข่งขันกับเครื่องพิมพ์เลเซอร์และเครื่องถ่ายเอกสารในตลาดองค์กรได้อย่างเต็มที่ยิ่งขึ้น
โปรแกรมบริการแบบสมาชิกใหม่จะเสริมให้เอปสันมอบทางเลือกให้ลูกค้าได้มากขึ้น จากเดิม เอปสันให้บริการโปรแกรม EasyCare 360 เหมา เหมา ที่ผู้ใช้สามารถเหมาจ่ายเป็นรายเดือนและรับเครื่องที่ใช้อยู่ไปฟรีหลังหมดสัญญา และโปรแกรม EasyCare 360 Click Charged ที่ให้ผู้ใช้จ่ายค่าใช้จ่ายตามการใช้งานจริงและสามารถเลือกทำสัญญาได้ทั้งแบบเช่าหรือเช่าซื้อ
ที่สุดแล้ว ทั้ง 3 หมัดล่าสุดของเอปสันจะไม่เพียงช่วยเพิ่มโอกาสให้เอปสันในการขยายตลาดให้กว้างขึ้น แต่ยังนำไปสู่การสร้างระบบนิเวศการพิมพ์ของเอปสันในองค์กรธุรกิจ ซึ่งอยู่ในแผนสร้าง S-curve ใหม่ของบริษัทที่ช่วยสร้างก้าวการเติบโตต่อไปและความโดดเด่นแตกต่างจากคู่แข่ง
“ระบบนิเวศการพิมพ์ดังกล่าวจะหมายถึงการที่ทุกแผนกทุกฝ่ายในองค์กรทำการพิมพ์ผ่านเครื่องพิมพ์ของเอปสันแบรนด์เดียว ซึ่งจะได้รับความสะดวกสบายในด้านการบริหารจัดการและจากบริการหลังการติดตั้ง และประหยัดค่าใช้จ่ายทุกด้านที่เกี่ยวกับกระบวนการพิมพ์ ทั้งยังมีส่วนช่วยให้องค์กรธุรกิจนั้นๆ ก้าวไปสู่การเป็น Green Office ได้เร็วยิ่งขึ้น” ยรรยง กล่าวสรุป