เมื่อโลกดิจิทัลเข้ามาปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์การชอปปิ้งของผู้คนพร้อมกับโควิด-19 ที่มาเป็นตัวเร่งพฤติกรรมการชอปออนไลน์ ทุกธุรกิจต้องปรับตัว ค้าปลีกก็เช่นกัน ต้องปรับเพื่อให้พร้อมการส่งมอบประสบการณ์ในการชอปปิ้งที่เชื่อมโลกคู่ขนานออนไลน์และออฟไลน์ได้อย่างสมบูรณ์ผ่าน Web 3.0, NFT, Metaverse, Blockchain และ AI
ชญาภา จูตระกูล ซีอีโอหญิงผู้ก่อตั้งบริษัท เดอะ พิงค์แล็บ จำกัด (The Pink Lab) และที่ปรึกษาธุรกิจด้านเทคโนโลยีและอินโนเวชั่น สยามพิวรรธน์ ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์และศูนย์การค้าชั้นนำระดับโลก สยามพารากอน และไอคอนสยาม มีวิสัยทัศน์ในการเปิดรับดิจิทัลให้เข้ามาเดินเกมรุกให้ธุรกิจได้เติบโตด้วยการนำความรู้ระดับปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย สหรัฐอเมริกา และปริญญาตรีด้าน Mass Media and Communication โดยการนำ Big Data มาวิเคราะห์ และปรับใช้ให้เหมาะกับธุรกิจที่หลากหลายสร้างแบรนด์ และนำเสนอประสบการณ์มิติใหม่ให้วงการ
ผู้บริหารพิงค์แล็บ เล่าว่า ก่อนมาตั้งบริษัท พิงค์แล็บได้ทำดิจิทัลมาร์เกตติ้ง เปิดตัวไอคอนสยาม ซึ่งเป็นความทรงจำที่ภาคภูมิใจ นับเป็นการตลาดที่สนุกแบบลงตัว นำมาซึ่งความเจริญ การค้าให้ธุรกิจแบบวินวิน
ชญาภา เรียนจบมาตรง และมีประสบการณ์ด้านนวัตกรรมมาก่อน ตระหนักว่าเทคโนโลยีมีส่วนสำคัญที่จะมาต่อยอดธุรกิจได้ เช่น กลยุทธ์ Go To market strategy การเพิ่มลูกค้าใหม่ หรือสร้างองค์กรใหม่ให้ธุรกิจเดิมและหาพันธมิตรที่เหมาะสมให้สตาร์ทอัป
พิงค์แล็บ มีบริการตลาดดิจิทัลที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล ทั้งการสร้างแบรนด์หรือการพัฒนาธุรกิจใหม่ เน้นการใช้กลยุทธ์ทำการตลาดเชิงลึกที่รวม MarTech ยุคใหม่ ยกระดับแผนการตลาดเชิงกลยุทธ์ของบริษัทให้มีประสิทธิภาพ การใช้ข้อมูลขนาดใหญ่เพื่อแบ่งกลุ่มลูกค้าเป้าหมายให้มีส่วนร่วม และเกิดการเปลี่ยนแปลงแบบออแกนิกโดยการออกแบบคอมมูนิตี และลอยัลตี้โปรแกรมให้เกิดความซื่อสัตย์ต่อแบรนด์ การทำอินโนเวชันที่มี ‘tech@heart’ ให้ทุกหัวใจสำคัญทำงานสอดคล้องกันได้ดี ขยายระบบนิเวศของคอมมูนิตีและเพิ่มคุณค่าของแบรนด์ รวมถึงการใช้ Web 3.0, NFT, Metaverse, Blockchain, Out of The box และ AI เป็นที่ปรึกษาธุรกิจที่นำไปปฏิบัติได้จริง รวมทั้งมีการปรับกลยุทธ์ในการขยายเข้าสู่ตลาดใหม่เพื่อดึงความสนใจของคนรุ่นใหม่ และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ขยายตลาดสร้างผลกำไรให้องค์กรอย่างยั่งยืน
***NFT การตลาดยุค Web 3.0
ชญาภา มองว่า เทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาสร้างผลกระทบมหาศาลต่อไลฟ์สไตล์ของลูกค้า โดยเฉพาะช่วงโควิด-19 เกิดปฏิสัมพันธ์ใหม่ให้ลูกค้าได้รู้สึกจดจำเมื่อเห็นสินค้าที่จำหน่ายในศูนย์การค้าจริงผ่านโลกดิจิทัล โดยธุรกิจรีเทลใช้เทคโนโลยี Web 3.0 สร้างประสบการณ์การชอปปิ้งที่หลากหลาย โดยเฉพาะ NFT ที่จะเชื่อมโยงโลกออนไลน์-ออฟไลน์ และโลกเสมือนจริง ซึ่งข้อมูลใช้ในการออกแบบ และวางแผนกลยุทธ์ที่จะเข้าถึงพฤติกรรมการชอปปิ้งของลูกค้า โดยเฉพาะการใช้ NFT ที่ช่วยบอกเล่าเรื่องราวของแบรนด์ในรูปแบบต่างๆ รวมถึงตอบสนองความต้องการเฉพาะบุคคลการสร้าง Loyalty Program รีวอร์ดที่แบรนด์ต่างๆ จะนำไปใช้มัดใจลูกค้าผ่านการเชื่อมโยงด้านอารมณ์ แบบ Emotional Engagement
“Web 3.0 เป็นปรากฏการณ์ระดับโลกที่สามารถต่อยอดธุรกิจ สร้างรายได้ และเป็นไลฟ์สไตล์แห่งโลกยุคใหม่ รวมถึงเทรนด์การใช้ชีวิตในอนาคตที่พลิกการใช้ Social media แบบเดิมๆ ไปอย่างสิ้นเชิง ทำให้แบรนด์เข้าถึงฐานลูกค้าใหม่ๆ”
จุดเด่นของ Web 3.0 คือการสื่อสารแบบ Decentralization ซึ่งผู้ใช้งานสื่อสารกันเองได้โดยตรงไม่ผ่านตัวกลางและมี Blockchain ที่ช่วยรักษาความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานต่างจาก Web 2.0ในปัจจุบัน ที่สื่อสารผ่านตัวกลางและการจัดเก็บแบบเห็นข้อมูลของผู้ใช้งานขณะที่ Metaverse จะช่วยผสานโลกจริงและโลกเสมือน เปลี่ยนประสบการณ์ชอปปิ้งให้กว้างไกลได้มากยิ่งขึ้น
NFT แจ้งเกิดในปี 2021 เป็นบลูมาร์เกตซึ่งเป็นเครื่องมือการตลาดยุคใหม่ที่จะ Engage กับลูกค้าแบบ Intensive Participation ที่สร้างปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าแบบเฉพาะราย โดยที่หัวใจของ NFT มีเทคโนโลยีเป็นรากฐาน เป็นซิสเต็ม Blockchain และใช้ได้หลายรูปแบบ เช่น การสะสม collectible NFT การใช้เป็น Utilities NFT สินทรัพย์ดิจิทัลที่ให้สิทธิประโยชน์พร้อมใช้ได้ทันที และ membership NFT ใช้ยืนยันตัวตนเพื่อเข้าถึงชุมชนกิจกรรมต่างๆ ที่จัดไว้เฉพาะสมาชิกเท่านั้น ทำให้ NFT กลายเป็นกระแสของคนทุกยุครวมถึง Luxury Brands ต่างๆ ที่นำ Web 3.0 มาใช้ให้เข้าถึงลูกค้าเจนใหม่ๆ
***แบรนด์หรูจับ NFT สร้างประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟ
เมื่อบรรดา Luxury Brand นำ NFT Collectible (สินทรัพย์ดิจิทัลประเภทหนึ่ง) มาเป็นตัวเลือกให้ลูกค้าได้ใช้จ่ายผ่านแบรนด์หรูอย่าง Tiffany & Co. ที่ใช้การตลาดแบบร่วมกันสร้างเป็น Collaborative marketing กับ NFT ให้คนที่มี CryptoPunk NFT ไปทำจี้ pendant ที่ร้าน Tiffany & Co. ซื้อออกมาได้ด้วย CryptoPunk ของตัวเอง สร้างสินทรัพย์ในโลกแห่งความจริง เป็นสินค้าใหม่ที่แสดงความเป็นตัวตนเฉพาะบุคคลจะสวมใส่ เก็บสะสมหรือขายต่อก็ทำได้ ทำให้ Tiffany & Co. ปรับตัวเองเป็นแบรนด์ everyday use ที่เข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ได้
นอกจากนี้ ยังมี Louis Vuitton ที่ launch soulbound NFT สามารถ trade ออกมาได้ในตลาด เป็น Digital Fund ที่ได้ Trunk จริงกลับมาด้วย ส่วนของลูกค้าพิงค์แล็บเองมีทาเลนท์ เอเยนซีระดับโลก ได้ใช้ NFT Membership มอบให้ลูกค้าทำคลับ Luxury อีเวนต์ให้ลูกค้าได้พบปะบุคคลสำคัญ ผ่านความร่วมมือกับแบรนด์ Luxury ต่างๆ
“การทำ NFT ไม่จำเป็นต้องลงทุนสูงแต่ต้องมีโมเดลเป็นของตนเอง โดยบริษัท Luxury สามารถสร้างประสบการณ์ออนไลน์ออฟไลน์ได้ และ Engage ไปกับลูกค้าทั่วทุกมุมโลกผ่านโลกเสมือน สร้างรายได้พร้อมสร้างลูกค้าใหม่ๆ”
ชญาภา ย้ำถึง Web 3.0 และ NFT ว่าไม่ได้เป็นเพียงแฟชั่นที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ซึ่งในตอนนี้บริษัทชั้นนำระดับโลกต่างเข้ามาลงทุน และเข้าซื้อกิจการเพื่อเข้าสู่เทคโนโลยีใหม่ หรือเอาต์ซอร์สเพื่อสร้างความสำเร็จให้ธุรกิจ บริษัทต่างๆ จำเป็นต้องเรียนรู้ศึกษาเข้าใจลูกค้า และไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนแปลงไป ควรมองให้เห็นถึงโอกาส และไม่ใช่ทุกองค์กรจะเหมาะกับการเข้าสู่โลกของ Web 3.0 ต้องพร้อมรับความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นด้วย การกระโจนเข้าสู่โลกใหม่เร็วเกินไปอาจจะเสี่ยงต่อการล้มเหลว แต่การไม่เรียนรู้อะไรเลย ขณะที่เทคโนโลยีนี้กลายเป็นสิ่งที่ทุกคนควรรู้ อันนั้นเป็นเรื่องที่น่ากลัวกว่า
***ใกล้ชิดแบบมืออาชีพ
ชญาภา เล่าว่า การทำงานกับสยามพิวรรธน์เป็นโอกาสที่ดี ที่แม้จะเป็นองค์กรที่อยู่มานาน แต่สยามพิวรรธน์ มีมายเซ็ตที่ไม่เคยหยุดนิ่ง สร้างอะไรใหม่และรู้จักปรับตัวเสมอ เราจึงนำ Web 3.0 มาสร้างธุรกิจด้วยความสนุก ใช้ Data ในโลกออนไลน์มาสร้างแบรนด์ และนำเสนอความทรงจำสุดล้ำค่าให้วงการ โดยร่วมกับสยามพิวรรธน์ และ ZEPETO โมบายแอปแพลตฟอร์มที่สร้างอวาตาร์แบบสามมิติ แพลตฟอร์ม Metaverse สร้างประสบการณ์ใหม่ในโลกดิจิทัล การจัดงานสงกรานต์ผ่าน Metaverse เป็นครั้งแรกของโลก สร้างประสบการณ์แบบออนไลน์สู่ออฟไลน์ ทำให้นักท่องเที่ยวสัมผัสบรรยากาศสงกรานต์ได้อย่างไร้พรมแดน และการนำแฟชั่นไทยสู่โลกเสมือนจริง ในงาน Bangkok International Fashion Week 2022 ที่สยามพารากอน ลูกค้าสามารถเลือกชอปคอลเลกชันล่าสุดจากรันเวย์เพื่อสวมใส่จริง และซื้อไอเทมเดียวกันเพื่อแต่งตัวอวาตาร์บนโลก Metaverse เป็นการสร้างประสบการณ์ความบันเทิงแบบเสมือนควบคู่ไปกับการเปลี่ยนโฉมหน้าโลกแฟชั่นในอนาคต
ด้วยแนวโน้มของ NFT และ Metaverse ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง THE PINK LAB จึงได้รับความไว้วางใจจากสยามพิวรรธน์ก้าวสู่เศรษฐกิจดิจิทัลรูปแบบใหม่บน Web 3.0 พร้อมร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดกับทีมพัฒนาธุรกิจของสยามพิวรรธน์สร้างประสบการณ์เชื่อมโลกออนไลน์สู่ออฟไลน์และสิทธิพิเศษที่หาที่ไหนไม่ได้ผ่าน ONESIAM SuperApp เชื่อมพันธมิตรใน Ecosystem ระดับโลก ขณะที่สยามพิวรรธน์ยังมุ่งขยาย Ecosystem ค้นหาพันธมิตรที่มีศักยภาพ เพื่อสร้างการเติบโตร่วมกันอย่างไร้ขีดจำกัด