หลังจากที่กำหนดให้สำนักงานในสิงคโปร์รองรับการให้บริการในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มานานกว่า 21 ปี วันนี้อะโดบี (Adobe) ประกาศเปิดสำนักงานใหม่แห่งที่ 2 ในประเทศไทย ระบุธุรกิจของ Adobe ขยายใหญ่พอที่จะทำให้ต้องสร้างทีมท้องถิ่นเพื่อผลักดันการทำงานกับองค์กรขนาดใหญ่ในไทยให้ดีขึ้น วางแผนเพิ่มบุคลากรไทยจากที่เคยมี 3 เป็น 10 ชีวิต เพื่อต่อยอดธุรกิจ Adobe ทั้งโซลูชันด้านสร้างสรรค์คอนเทนต์และด้านบริหารจัดการข้อมูล สู่ลูกค้ากลุ่มสถาบันการเงิน ค้าปลีก โทรคมนาคม และภาครัฐ มั่นใจตลาดไทยเต็มไปด้วยโอกาสเพราะมีเศรษฐกิจดิจิทัลและวงการครีเอทีฟสุดแข็งแรง ส่งให้ไทยเติบโตเร็วแบบยิงยาวไปอีกหลายปี
นายไซมอน เดล รองประธานบริหาร และกรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (SEA) และเกาหลีของ Adobe กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นตลาดที่สำคัญสำหรับ Adobe มาโดยตลอด บริษัทจึงมีแผนเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้ธุรกิจด้วยการเปิดสำนักงานแห่งใหม่ในประเทศไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจดิจิทัลที่เติบโตเร็วที่สุดในภูมิภาค โดยเชื่อว่าการมีสำนักงานในไทยนับเป็นก้าวที่สำคัญที่ช่วยให้ Adobe สนับสนุนลูกค้าและพาร์ตเนอร์ในอุตสาหกรรมต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้น ควบคู่ไปกับการรักษาสายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับทีม Adobe
“Adobe เมื่อ 40 ปีก่อนนั้นมีธุรกิจด้านสร้างสรรค์คอนเทนต์ที่เน้นเฉพาะกลุ่มคอนซูเมอร์และผู้เชี่ยวชาญ แต่ใน 10 ปีมานี้ ตลาดมีการขยายตัวมาก เห็นได้จากความต้องการคอนเทนต์ดิจิทัลเพื่อเผยแพร่ในช่องทางดิจิทัลที่หลากหลาย เมื่อธุรกิจเห็นความสำคัญของคอนเทนต์ จึงทำให้ Adobe ต้องการมีส่วนร่วมกับธุรกิจ ซึ่งเมื่อต้องทำธุรกิจกับองค์กรมากขึ้น Adobe จำเป็นต้องเรียกความมั่นใจ เพื่อให้ธุรกิจใหญ่ที่มีผู้บริหารหลายคนสามารถตัดสินใจได้ดีขึ้น”
แม้ที่มาของการเปิดสำนักงานในไทยของ Adobe จะมาจากความต้องการ localized ทีมงานเพราะธุรกิจของบริษัทขยายใหญ่พอ แต่ Adobe ไม่เปิดเผยว่าขนาดของธุรกิจ Adobe ในประเทศไทยขยายเพิ่มขึ้นกี่เท่าตัวเมื่อเทียบกับช่วง 10 ปีก่อน โดยระบุเพียงว่าบริษัทต้องการสร้างทีมในพื้นที่เพื่อให้สามารถผลักดันการทำงานกับองค์กรขนาดใหญ่ และทุกภาคส่วนในประเทศไทย
โอกาสทางธุรกิจที่ไซมอน มองเห็นในประเทศไทยมาจาก 2 พื้นฐานที่แข็งแรงมากทั้งเรื่องเศรษฐกิจดิจิทัลที่นำหน้าหลายชาติในกลุ่มอาเซียน และเศรษฐกิจสร้างสรรค์ที่เชื่อว่าจะมีส่วนสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจในประเทศไทยได้ในระยะยาว คาดว่าเศรษฐกิจสร้างสรรค์ที่ประเทศไทยบันทึกสถิติได้ไม่กี่เปอร์เซ็นต์ของ GDP นั้นจะมีโอกาสเติบโตอีกมาก ซึ่ง Adobe ตั้งเป้าจะช่วยให้ไทยมีการเติบโตในตัวเลขส่วนนี้ได้เป็นเท่าตัว
นอกจากเศรษฐกิจสร้างสรรค์แล้ว สำนักงานแห่งใหม่ในประเทศไทยจะมีบทบาทสำคัญในการทำให้ความสัมพันธ์กับพาร์ตเนอร์และลูกค้ากลุ่มค้าปลีกของ Adobe แข็งแกร่งขึ้น ทั้งเซ็นทรัล รีเทล และสยามพิวรรธน์ ที่ Adobe ตั้งเป้าช่วยให้สามารถขยายตัวในตลาดโลก โดย Adobe จะสามารถต่อยอดบางงานที่ไม่สามารถทำผ่านพาร์ตเนอร์ได้และต้องลงมาทำเอง เช่น การให้คำปรึกษา หรือการฝึกอบรม เพื่อให้องค์กรสามารถใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อนำเสนอประสบการณ์ลูกค้าที่ยอดเยี่ยมแบบเรียลไทม์
ในอีกด้าน การเปิดสำนักงานไทยถือเป็นการขยายธุรกิจ Adobe ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ปัจจุบัน Adobe ทำธุรกิจใน 6 ประเทศอาเซียน และไทยเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดรองจากสิงคโปร์ โดยตลาดอันดับ 3 ที่สามารถทำรายได้ให้ Adobe มากที่สุดในภูมิภาคยังสลับไปมาระหว่างฟิลิปปินส์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย รวมถึงตลาดที่มีแนวโน้มเติบโตสูงอย่างเวียดนาม ทำให้ไม่สามารถคาดเดาว่าจะมีการเปิดสำนักงานแห่งถัดไปในที่ใด
“นี่ถือเป็นการตั้งสำนักงานแรกของ Adobe ในรอบหลายปี ดังนั้น จึงยังต้องรอติดตามและศึกษาผลลัพธ์ในอนาคต ที่ผ่านมา Adobe มีสำนักงานทั้งในฮ่องกง จีน โดยสิงคโปร์เป็นสำนักงานเดียวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้”
สำนักงานแห่งใหม่ในไทยของ Adove จะตั้งอยู่ใจกลางย่านธุรกิจ ภายในอาคารที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่ได้รับการรับรอง LEED Platinum โดยเป็นสถานที่ทำงานแบบไฮบริดที่ช่วยให้พนักงานสามารถทำงานร่วมกันและติดต่อสื่อสารกับลูกค้าได้อย่างราบรื่น โดยพื้นที่ทำงานร่วมกันมีสิ่งอำนวยความสะดวกล้ำสมัยที่ออกแบบมาเพื่อรองรับการประชุมของทีม และการประชุมกับลูกค้า ตลอดจนโต๊ะทำงานและห้องประชุมที่สามารถใช้งานได้ทันที เพื่อเพิ่มความสะดวกในการติดต่อสื่อสารอย่างราบรื่น เชื่อว่าสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ดีเป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนการสร้างสรรค์นวัตกรรมและการเติบโต โดยช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้แก่พนักงานในการนำเสนอประสบการณ์ที่น่าประทับใจสู่ลูกค้า
ในภาพรวม ไซมอน เดล กล่าวเสริมถึง 3 แกนธุรกิจหลักที่ Adobe โฟกัสในไทยนับจากนี้อย่างโซลูชัน Creative Cloud, Document Cloud และ Experience Cloud ว่าทุกตลาดมีการเติบโตโดยเฉพาะ Creative Cloud ผลจากอัตราความนิยมใช้งานวิดีโอของคนไทยที่ขยายตัวสะท้อนว่าเนื้อหาดิจิทัล หรือดิจิทัลคอนเทนต์เป็นตลาดที่เติบโตชัดเจน Adobe จึงวางเป้าหมายช่วยให้ครีเอเตอร์ไทยมีเครื่องมือสร้างดิจิทัลคอนเทนต์ เพื่อผลิตวิดีโอและเนื้อหาอื่นๆ ได้อย่างสะดวกสบาย เชื่อว่าการใช้งานที่จะเพิ่มขึ้นจะอยู่ในกลุ่มบริษัทที่ต้องการระบบจัดการคอนเทนต์ ที่จะทำให้องค์กรสามารถให้บริการคอนเทนต์ที่สดใหม่และเหมาะกับผู้ชมแต่ละคนได้ตลอดเวลา
สำหรับอนาคต Adobe จะขยายโครงการเสริมทักษะดิจิทัลให้หน่วยงานการศึกษาไทย ซึ่งที่ผ่านมามีโครงการสนับสนุนทั้งนักเรียนและครูทั้งในระดับโรงเรียนและระดับมหาวิทยาลัยในสิงคโปร์ และปัจจุบันเริ่มมีการพูดคุยในประเทศไทยเพื่อริเริ่มโครงการอื่นต่อไป นอกจากนี้ แนวโน้มของโซลูชัน Adobe Creative Cloud, Adobe Experience Cloud และแอปพลิเคชันใน Adobe Document Cloud จะยิ่งมีความอัจฉริยะจากการทำงานได้อัตโนมัติมากขึ้น เพราะมีการพัฒนาเทคโนโลยี AI ใหม่ทั้ง Adobe Firefly ที่ช่วยให้นักการตลาดสามารถเขียนข้อความบนเว็บไซต์ และสร้างคอนเทนต์ได้แบบอัตโนมัติ และ Adobe Sensei ที่เป็นเครื่องมือช่วยตัดสินใจ (AB Testing) ให้ได้ผลลัพธ์ที่เร็วและแม่นยำ ซึ่งจะสามารถรองรับทั้งกลุ่มคอนซูเมอร์และเอ็นเตอร์ไพรส์ทั่วโลก
