เคสติฟาย (CASETiFY) ร่วมมือยูทูบเบอร์คนดัง "โจเซฟส แมชชีนส์" (Joseph’s Machines) สร้างสรรค์แคมเปญโฆษณาดูสนุก เพื่ออธิบายถึงความสำคัญของการปกป้องโทรศัพท์มือถือ
อวิชา โกปาล (Avisha Gopal) ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายเนื้อหาอินฟลูเอนเซอร์ของ CASETiFY กล่าวว่า CASETiFY มุ่งมั่นสนับสนุนความคิดสร้างสรรค์ โดยการทำงานกับนักออกแบบที่มีชื่อเสียงอย่างโจเซฟครั้งนี้ ทำให้แบรนด์ CASETiFY เป็นศูนย์กลางของแนวคิดที่ยอดเยี่ยม ทำให้หัวข้อที่ซับซ้อนและน่าเบื่อ เช่น การป้องกันการตกหล่นเข้าถึงได้สำหรับผู้ชมที่กว้างขึ้น
“CASETiFY” มองตัวเองเป็นแบรนด์ไลฟ์สไตล์ระดับโลก ผู้พัฒนาเคสมือถือและอุปกรณ์เสริมไอทีที่ได้รับความนิยม การเปิดตัวแคมเปญโฆษณาใหม่สุดครีเอตนี้ถูกบรรยายว่าเป็นการโชว์ประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ในหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นการป้องกันการตกหล่น และความทนทานมาตรฐานระดับทางการทหาร
ทั้งหมดนี้ถือเป็นผลงานร่วมกับ Joseph's Machines YouTuber คนดังที่มีผู้ติดตามมากกว่า 2 ล้านคน และเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในเรื่องการใช้จลนพลศาสตร์ (ศาสน์ที่เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของมวล) เพื่อสร้างเครื่องจักรปฏิกิริยาลูกโซ่ที่ตลกขบขัน โดย Joseph's Machines ได้สร้างสรรค์การเดินทางของโทรศัพท์มือถือที่ทุกคนอาจต้องเจอในแต่ละวัน แต่ได้รับการปกป้องอยู่เสมอด้วย Bounce Case ของ CASETiFY เคสโทรศัพท์ที่ปกป้องได้ดีที่สุดในตลาด และทนทานต่อการตกจากที่สูงถึง 6.5 เมตร
สำหรับเรื่องราวในวิดีโอเริ่มต้นขึ้นในตอนเช้าขณะที่โจเซฟ มนุษย์เจ้าไอเดียใช้เทคนิคที่น่าทึ่งของเขาเพื่อจะกดปิดเสียงนาฬิกาปลุกบน iPhone 14 Pro โดย iPhone เครื่องดังกล่าวผ่านการเดินทางบนอุปกรณ์ที่ซับซ้อนของโจเซฟ บินไปรอบๆ ห้อง และหล่นลงมานับครั้งไม่ถ้วน ซึ่งเปรียบเทียบให้เห็นถึงโอกาสที่โทรศัพท์มือถือของทุกคนที่จะต้องเจอในชีวิตประจำวัน แต่ก็รอดชีวิตมาได้ด้วยการปกป้องของ Bounce Case ฉากแสดงการตกของโทรศัพท์มือถือนี้ใช้ถ่ายทำแบบเทกเดียว ใช้เวลาการบันทึกกว่า 61 ครั้ง และผ่านสิ่งกีดขวาง 6 สเตจที่ทำด้วยมือ
สำหรับ CASETiFY เป็นบริษัทที่ก่อตั้งขึ้นในฮ่องกงและลอสแองเจลิสเมื่อ 11 ปีที่แล้ว เป็นที่รู้จักเป็นครั้งแรกจากการลองให้ใช้รูปภาพใน Instagram มาปรับแต่งเคสโทรศัพท์ในแบบของตัวเอง ตลอดเวลาที่ผ่านมา แบรนด์ได้กลายเป็นผู้นำตลาดในอุตสาหกรรมอุปกรณ์เสริมเทคโนโลยี โดยขายเคสโทรศัพท์ได้มากกว่า 25 ล้านเคสตลอดอายุการใช้งาน ขณะที่เพิ่มตัวเลือกการปรับแต่งสี ข้อความ และแบบอักษรให้กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งขณะนี้ได้ขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ไปถึงอุปกรณ์อื่นๆ ตั้งแต่เคสแอร์พอด ไปจนถึงสายโทรศัพท์หรือซองใส่แล็ปท็อป
ความร่วมมือที่สำคัญที่แบรนด์ได้ CoLab ได้แก่ Yayoi Kusama และ M+ Museum ในโลกศิลปะ ไอคอนเพลงป็อป เช่น BTS หรือ Olivia Rodrigo รวมถึงแฟรนไชส์ที่เป็น iconic เช่น Barbie, Harry Potter, Star Wars หรือ Netflix เช่น สเตรนเจอร์ ธิงส์