คนร้ายที่เชื่อว่าเป็นผู้ลงมือสังหารหมู่ 10 ราย กลางงานฉลองเทศกาลตรุษจีนในแคลิฟอร์เนีย สหรัฐฯ ได้ลั่นไกปลิดชีพตนเอง ระหว่างที่ตำรวจเคลื่อนเข้าไปจับกุมตัวเขา จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นในวันอาทิตย์ (22 ม.ค.) ทิ้งไว้ซึ่งปริศนาแรงจูงใจในการก่อเหตุ
ปฏิบัติการตามล่าอย่างเข้มข้นเริ่มต้นขึ้นในช่วงค่ำวันอาทิตย์ (22 ม.ค.) หลังจากชายรายหนึ่งเปิดฉากกราดยิงในห้องเต้นรำแบบบอลรูม ในเมืองมอนเทอเรย์ พาร์ค ใกล้กับลอสแองเจลิส ซึ่งเป็นถิ่นฐานของชุมชนชาวเอเชียขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่ง
ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า คนร้ายกราดยิงไม่เลือกหน้าและดูเหมือนว่าจะมีกระสุนเป็นจำนวนมาก รายงานข่าวระบุว่า ในบรรดาผู้เสียชีวิต 10 รายนั้น แบ่งเป็นชาย 5 คน และหญิง 5 คน เกือบทั้งหมดอายุระหว่าง 50 ถึง 60 ปี นอกจากนี้ ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 10 คน
ตำรวจระบุตัวตนผู้ต้องสงสัยได้แก่นาย Huu Can Tran วัย 72 ปี ซึ่งหลังจากก่อเหตุแล้ว เขาได้รุดไปยังสถานที่เต้นรำอีกแห่งที่อยู่ไม่ห่างกันนัก แต่ถูกรุมตะครุบตัวและปลดอาวุธโดยผู้คนที่อยู่ในสโมสรเต้นรำดังกล่าว ทว่าสุดท้ายแล้วเขาก็หลบหนีไปได้
โรเบิร์ต ลูนา นายอำเภอลอสแองเจลิส เคาน์ตี เผยว่า หลังทำการไล่ล่าหลายชั่วโมง ตำรวจพบรถตู้ต้องสงสัยคันหนึ่งในเมืองทอร์แรนซ์ ซึ่งอยู่ห่างออกไปทางใต้หลายกิโลเมตร และตอนที่ตำรวจรุกคืบเข้าไปหา พวกเขาได้ยินเสียงปืน 1 นัดดังออกจากมาจากภายในตัวรถ
"ผู้ต้องสงสัยได้รับบาดเจ็บจากกระสุนปืนที่ยิงตัวเองและเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ" ลูนาเผย "ยืนยันได้ว่าไม่มีผู้ต้องสงสัยรายอื่นจากเหตุการณ์กราดยิงหมู่"
ลูนา กล่าวว่า ต้นตอที่อยู่เบื้องหลังเหตุโจมตีอันน่าสยดสยองนี้ยังคงเป็นปริศนา ในขณะที่มันเกิดขึ้นในระหว่างที่ชุมชนชาวเอเชียทั่วโลกกำลังเฉลิมฉลองเทศกาลวันตรุษจีน
"ยังคงอยู่ระหว่างการสืบสวน ทีมสืบสวนคดีฆาตกรรมกำลังทำงานตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติม และทำงานเพื่อสรุปถึงแรงจูงใจที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์อันน่าเศร้ายิ่งเหตุการณ์นี้" เขากล่าว
ขณะเดียวกัน ลูนา ได้กล่าวยกย่องบุคคล 2 ราย ซึ่งอยู่ ณ ที่เกิดเหตุ ในจุดที่คนร้ายพยายามลงมือโจมตีรอบ 2 "ผมเล่ากับพวกคุณได้ว่า ตอนที่ผู้ต้องสงสัยเดินไปที่นั่น บางทีอาจมีความตั้งใจเข่นฆ่าผู้คนเพิ่มเติม มีสมาชิกชุมชนผู้กล้าหาญ 2 คน ตัดสินใจกระโจนเข้าขัดขวางและปลดอาวุธเขา พวกเขายึดอาวุธมาได้และผู้ต้องสงสัยหลบหนีไป"
มอนเทอเรย์ พาร์ค อยู่ห่างจากย่านกลางเมืองลอสแองเจลิสเพียงไม่กี่กิโลเมตร และเป็นถิ่นพำนักของประชากรราวๆ 60,000 คน ส่วนใหญ่ในนั้นเป็นคนเอเชีย หรือไม่ก็เป็นชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชีย "เราไม่รู้ว่านี่เป็นอาชญากรรมจากความเกลียดชังตามคำนิยามของกฎหมายหรือไม่" ลูนากล่าวก่อนหน้านี้ "แต่ใครกันที่จู่ๆ จะเดินเข้าไปยังห้องเต้นรำแล้วกราดยิงสังหารผู้คน 20 ราย"
เหตุกราดยิงครั้งนี้เกิดขึ้นตอน 22.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น (ตรงกับเมืองไทย 13.00 น.วันอาทิตย์) ในเมืองที่มีการจัดงานฉลองตรุษจีน มีการปิดท้องถนนหลายสายในย่านใจกลางเมืองเพื่อจัดงานเฉลิมฉลอง และหลังจากเกิดเหตุ ตำรวจเผยว่าแผนงานฉลองสำหรับวันอาทิตย์ (22 ม.ค.) ถูกยกเลิกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
หนังสือพิมพ์ลอสแองเจลิส ไทม์ส รายงานอ้างคำสัมภาษณ์ของ Seung Won Choi เจ้าของร้านอาหารที่อยู่ใกล้เคียง เผยว่ามีคน 3 รายวิ่งเข้ามาในร้านและบอกให้เขารีบล็อกประตู โดยทั้ง 3 คน เล่าให้ Choi ฟังว่ามีชายคนหนึ่งถือปืนกึ่งอัตโนมัติ พร้อมกับกระสุนหลายนัด และเห็นเขาบรรจุกระสุนใหม่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ในช่วงค่ำวันอาทิตย์ (22 ม.ค.) สั่งลดธงชาติครึ่งเสาจนถึงวันพฤหัสบดี (26 ม.ค.) เพื่อไว้อาลัยแก่เหยื่อผู้เสียชีวิต "ในขณะที่เรายังไม่รู้อะไรมากเกี่ยวกับแรงจูงใจของเหตุโจมตีที่ไร้เหตุผลนี้ แต่เรารู้ว่ามีหลายครอบครัวกำลังเศร้าโศกในคืนนี้ หรือภาวนาให้บุคคลอันเป็นที่รักฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ" ถ้อยแถลงของไบเดน ระบุ
โจ อาวาลอส จากทีมตอบสนองสถานการณ์วิกฤตลอสแองเจลิส กล่าวที่ศูนย์ส่งเสริมชุมชนแห่งหนึ่ง ว่าประชาชนยังคงสั่นกลัวและพยายามปะติดปะต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้น "เรามี 1 หรือ 2 ครอบครัวที่ยังไม่สามารถติดต่อกับบุคคลอันเป็นที่รักได้ และไม่รู้ว่าบุคคลเหล่านั้นอยู่ในโรงพยาบาลหรือเป็นหนึ่งในเหยื่อผู้เสียชีวิต"
เมื่อปีที่แล้ว มือปืนชาวอเมริกันเชื้อสายจีนก่อเหตุโจมตีโบสถ์ไต้หวันแห่งหนึ่งในแคลิฟอร์เนีย สังหารไป 1 ศพ และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 5 ราย
กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ บอกว่าได้รับรายงานเกี่ยวกับอาชญากรรมจากความเกลียดชังมากกว่า 7,000 คดีในสหรัฐฯ ในปี 2021 ซึ่ง 2 ใน 3 เกี่ยวข้องกับประเด็นเรื่องสีผิว
เหตุกราดยิงกลับมาเกิดขึ้นบ่อยครั้งในสหรัฐฯ และเหตุโจมตีในมอนเทรีย์ พาร์ค ถือเป็นการกราดยิงเข่นฆ่าชีวิตผู้คนมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2022 โดยคราวนั้นมือปืนสังหารนักเรียน 19 คน และครู 2 ราย ที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในเมืองอูวัลเด รัฐเทกซัส
ส่วนเหตุกราดยิงที่นองเลือดที่สุดในประวัติศาสตร์ของแคลิฟอร์เนีย เกิดขึ้นในปี 1984 โดยมือปืนลงมือสังหารผู้คนไป 21 ราย ที่ร้านแมคโดนัลด์สาขาหนึ่งในเมืองซานอิซิโดร ใกล้กับซานดิเอโก
ความรุนแรงจากอาวุธปืนเป็นปัญหาใหญ่ในสหรัฐฯ ซึ่งเมื่อปีที่แล้วพบเห็นเหตุกราดยิงหมู่ 647 เหตุการณ์ ตามคำนิยามมีผู้ถูกยิงหรือเสียชีวิตอย่างน้อย 4 รายจากมือปืนรายหนึ่งๆ
นอกจากนี้ จากข้อมูลพบว่ามีผู้คนมากกว่า 44,000 รายทั่วสหรัฐฯ ที่เสียชีวิตจากบาดแผลกระสุนปืนในปี 2022 ในนั้นมากกว่าครึ่งเป็นการฆ่าตัวตาย
(ที่มา : รอยเตอร์)