xs
xsm
sm
md
lg

ChatGPT อิมแพกต์แรง 2023 ปีทองแท้หรือเทียม?! (Cyber Weekend)

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



หลายคนเริ่มคุ้นเคยกับ “แชทจีพีที” (ChatGPT) ปัญญาประดิษฐ์ที่มีชื่อย่อมาจาก Generative Pre-Trained Transformer ซึ่งพัฒนาโดยบริษัทในซานฟรานซิสโกอย่างโอเพ่นเอไอ (OpenAI) การเปิดตัวระบบเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2022 นำไปสู่ข่าวพาดหัวตัวใหญ่ถึงความเก่งกาจของ ChatGPT ตั้งแต่ข่าวของนักเรียนที่ทดลองให้ ChatGPT เขียนเรียงความด้วยคำสละสลวยส่งครูจนสอบผ่าน ขณะที่นักเขียนบางรายเลือกหยิบ ChatGPT มาช่วยเขียนโครงนิยายเพื่อย่นเวลาให้ผลิตผลงานได้รวดเร็วขึ้น รวมถึงผู้ใช้แอปหาคู่และผู้สมัครงานที่ใช้ ChatGPT เขียนบรรยายถึงประวัติตัวเองได้ดึงดูดใจจนสามารถจับคู่เดต และมีการเรียกมาสัมภาษณ์งาน

ความเคลื่อนไหวเหล่านี้เป็นสัญญาณเริ่มต้นของยุคทอง ChatGPT ในปี 2023 การวิเคราะห์ของนิวยอร์กโพสต์ยกให้ ChatGPT เป็นอาวุธที่อาจทำลายยักษ์ใหญ่อย่างกูเกิล (Google) ขณะเดียวกัน ก็จะมีบทบาทต่อโลกธุรกิจและชีวิตประจำวันของผู้คน อย่างไรก็ตาม บางเสียงมองว่า ChatGPT  เป็นสิ่งตอกย้ำว่าปัญญาประดิษฐ์อาจส่งผลกระทบต่อเผ่าพันธุ์มนุษย์โดยตรง เหมือนความเห็นของศาสตราจารย์สตีเฟน ฮอว์กิ้ง (Stephen Hawking) ผู้ล่วงลับที่เคยให้สัมภาษณ์ไว้กับสำนักข่าวบีบีซี ในช่วง 4 ปีก่อนจะเสียชีวิต ว่าการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์อย่างเต็มรูปแบบอาจทำให้มวลมนุษยชาติถึงจุดจบได้เลย

บางเสียงกลับมองไปทางตรงกันข้าม และเชื่อว่าแม้ ChatGPT จะแต่งเพลง เขียนโปรแกรม หรือถามตอบได้เหมือนมนุษย์ แต่ฤทธิ์เดชของ ChatGPT มีโอกาสเสื่อมลงเพราะอำนาจเงิน เช่นเดียวกับนวัตกรรมเทคโนโลยีแถวหน้าของโลกที่ต้องพยายาม “ทำรายได้” ให้ได้ จนทำให้ความเจ๋งของเทคโนโลยีลดลง ซึ่งเราอาจได้เห็นภาวะนี้ของ ChatGPT ในปี 2023 ก็ได้

***ChatGPT อิมแพกต์แรง เพราะภาษาดี

เทคโนโลยี ChatGPT นั้นสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม GPT3 AI ของ OpenAI ซึ่งเป็นหนึ่งในแหล่งข้อมูลด้านภาษาที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยเทคนิคการเรียนรู้ของ AI ทั้งแบบมีการควบคุมและไม่ได้ควบคุม ทำให้ ChatGPT แตกต่างจากแชตบอทที่เคยมีบนโลกในเรื่องการจดจำการสนทนาและคำถามก่อนหน้า ทั้งหมดจะถูกกรองอย่างแม่นยำ ทำให้ไม่มีทางหลุดข้อความเรื่องการเหยียดเชื้อชาติ หรือข้อความไม่เหมาะสม ซึ่งจะถูกระบุและยกเลิกทันที


ผู้ใช้ ChatGPT สามารถพิมพ์คำถามโดยใช้ภาษาธรรมชาติหรือภาษาพูด จากนั้นแชตบอทจะให้คำตอบเชิงสนทนา ซึ่งจะปรับแต่งมาจากข้อมูลจำนวนมากทั้งจากอินเทอร์เน็ตและแหล่งข้อมูลสาธารณะอื่น โดยจากการทดลองถามว่า ChatGPT จะสร้างอิมแพกต์ใหญ่ที่สุดกับโลกในด้านไหน คำตอบที่ได้ถูกแบ่งออกเป็น 4 ข้อคือ 1.การยกระดับการแปลภาษาอัตโนมัติ 2.การเป็นเครื่องมือสร้างสรรค์งานคอนเทนต์ที่ดีขึ้น 3.การพัฒนาระบบที่ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ได้ดีขึ้น และ 4.การทำงานบางอย่างแทนมนุษย์ เช่น การสรุปความ หรือการถอดเทปบันทึกเสียงเป็นตัวอักษร

เมื่อถามว่าจุดอ่อนของ ChatGPT คืออะไร ด้วยภาษาไทย ระบบสามารถให้คำตอบเป็นภาษาอังกฤษได้อย่างกระชับและตรงไปตรงมา คำตอบที่ได้ถูกแบ่งเป็น 4 ข้อเช่นเคย คือ 1.การขาดสามัญสำนึกในระดับเดียวกับมนุษย์ แม้จะสามารถเข้าใจและสร้างข้อความได้เหมือนมนุษย์ 2.การขาดบริบท เพราะ ChatGPT ไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลพื้นหลังองค์ความรู้ได้เท่ามนุษย์ 3.อคติในข้อมูลที่ป้อนเข้าระบบ เพราะข้อมูลข้อความจำนวนมหาศาลอาจมีอคติแฝงอยู่ ซึ่งอาจนำไปสู่การสร้างข้อความที่มีอคติ และ 4.ความยากลำบากในการจัดการกับคำศัพท์เฉพาะที่ไม่มีการระบุมาก่อน

ขณะนี้ ChatGPT ให้บริการฟรีแก่สาธารณชน และมีแผน “สร้างรายได้” ในภายหลัง สถิติล่าสุดที่มีการเปิดเผยคือ ChatGPT มีผู้ใช้มากกว่า 2 ล้านคนที่ทำการทดสอบทางออนไลน์ในช่วง 2 สัปดาห์แรก โดยยังมีบางครั้งที่ระบบหยุดทำงานเป็นครั้งคราว เช่น กรณีที่ “ผู้จัดการไซเบอร์” ป้อนคำถามไปว่า “Will money kill chatGPT’s magic?” ระบบได้แสดงสถานะการทำงานผิดพลาด

***ChatGPT ต้องทำเงินให้เจ้าของ OpenAI?

อิลอน มัสก์ (Elon Musk) มีชื่อเกี่ยวข้องกับบริษัท OpenAI ที่ถูกก่อตั้งเมื่อปี 2015 ในฐานะองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร เวลานั้นมี “แซม อัลต์แมน” (Sam Altman) ประธานกรรมการบริหารของ OpenAI และอิลอน มัสก์ เป็นหัวเรือใหญ่ OpenAI สามารถดึงดูดนักลงทุนได้อีกหลายราย ซึ่งรวมถึง ปีเตอร์ ธีล นักลงทุนในสตาร์ทอัปรายใหญ่ จนต่อมาในปี 2019 กลุ่มผู้ก่อตั้ง OpenAI ได้จัดตั้งองค์กรแบบแสวงหาผลกำไร เพื่อรับเงินลงทุนจากภายนอกเพิ่มเติม โดยมัสก์ได้ลาออกจากตำแหน่งคณะกรรมการบริหารของบริษัทเมื่อปี 2018 และเข้าซื้อกิจการของทวิตเตอร์ (Twitter) สื่อสังคมออนไลน์ชื่อดัง เมื่อเดือนตุลาคม 2022 ที่ผ่านมา

เวลานั้นมัสก์ทวีตความเห็นว่า ChatGPT นั้นทำงานได้ดีจนน่ากังวล ทำให้ต้องตัดสินใจระงับไม่ให้ OpenAI เข้าถึงฐานข้อมูลของทวิตเตอร์ได้ชั่วคราว หลังทราบว่า OpenAI ใช้ทวิตเตอร์เป็นแหล่งข้อมูลในการ “ฝึกฝน” เครื่องมือ AI ของตัวเองอย่าง ChatGPT


ในมุมของธุรกิจ บทบาทของบอท ChatGPT ที่จะสามารถนำมาใช้ประโยชน์กับองค์กรในอันดับแรกๆ คือการเป็นเครื่องมือทำการตลาดดิจิทัล การสร้างเนื้อหาออนไลน์ การตอบคำถามลูกค้า หรือการเป็นเครื่องมือช่วยตรวจสอบและแก้จุดบกพร่องของโค้ดเขียนโปรแกรม ซึ่งแม้ความสามารถในการตอบคำถามได้หลากหลายโดยเลียนแบบลักษณะการพูดของมนุษย์ จะถูกมองว่าอาจทำให้ ChatGPT ให้คำตอบที่ฟังดูดี มีเหตุผล แต่กลับไม่ถูกต้อง หรือไม่เหมาะสม แต่การวิจัยและพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ก็ยังคงเป็นสิ่งที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุน และข้อมูลล่าสุดชี้ว่าจำนวนเม็ดเงินร่วมลงทุนเพื่อพัฒนา AI นั้นเพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 13,000 ล้านเหรียญสหรัฐในช่วงปี 2021 และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีกในปี 2022 ที่ผ่านมา

ในภาพรวม เจ้าของ ChatGPT อย่าง OpenAI คาดการณ์ว่าบริษัทจะสามารถทำรายรับทะลุ 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2024

***คำถามที่ต้องตอบ

ชัดเจนว่า ChatGPT จะส่งผลกระทบต่อพนักงานจำนวนไม่น้อย เพิ่มความน่ากังวลให้คำคาดการณ์ว่า AI สามารถแย่งงานคนได้มากถึง 1 พันล้านคนทั่วโลกในทศวรรษหน้า และทำให้งาน 375 ล้านตำแหน่งอยู่ในภาวะเลิกจ้าง ซึ่งหากไม่มีการฝึกอบรมและเสริมทักษะอย่างกว้างขวาง คนธรรมดาจำนวนมากจะประสบปัญหาในการหางานใหม่ โดยเฉพาะงานคอลเซ็นเตอร์ที่ ChatGPT สามารถตอบปัญหาเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการทั้งหมดได้อย่างแม่นยำตามทฤษฎี


นอกจากนี้ สถาบันการศึกษาหรือแม้แต่โรงเรียนมัธยมจะต้องปรับตัวเพื่อจัดการกับความจริง ที่ว่า ChatGPT มีพลังโดดเด่นจนทำให้นักเรียนสามารถป้อนคำถามเชิงวิชาการ และส่งคืนคำตอบที่น่าเชื่อถือได้ในเวลาไม่กี่วินาที

ไม่เพียง ChatGPT ขณะนี้มีเครื่องมือลักษณะนี้ที่กำลังเสนอตัวเป็นทางเลือกใหม่เช่น PaLM + RLHF (ย่อมาจาก Reinforcement Learning with Human Feedback) ผลงานของนักวิจัยชื่อฟิลิป หวาง (Philip Wang) ซึ่งเคยเป็นมือดีของบริษัทอย่างเมตา (Meta) ทั้งหมดนี้ยังต้องมีการติดตามอย่างใกล้ชิดว่า การพัฒนาเครื่องมือ AI จะสร้างความเสี่ยงด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์รูปแบบใหม่หรือไม่

ที่สำคัญ ผลกระทบของ ChatGPT ยังอาจเกิดขึ้นกับระบอบประชาธิปไตยด้วย เนื่องจากความสามารถในการเขียนความคิดเห็นแบบอัตโนมัติ อาจส่งผลกระทบต่อกระบวนการตัดสินใจในการออกกฎระเบียบใหม่ได้ด้วย


บทสรุปของ ChatGPT ในปี 2023
คือการเป็นส่วนหนึ่งของแรงปะทุของยุค generative-AI ที่ปัญญาประดิษฐ์จะเปลี่ยนความคิดของมนุษยชาติเกี่ยวกับวิธีคิดและวิธีการทำงาน ซึ่งในที่สุดแล้ว ปี 2023 จะไม่เพียงเป็นยุคทองของ ChatGPT แต่ยังเป็นปีที่ทุกคนจะพยายามค้นหาว่า ความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์คืออะไรกันแน่?


กำลังโหลดความคิดเห็น