VST ECS ประเมินยอดขายรวมปี 65 คาดแตะ 3.4-3.7 หมื่นล้านบาท เพิ่มจากที่เคยทำได้ 3.1 หมื่นล้านบาทในปี 64 ตัวเลขที่ขยายตัวเป็นไปตามความต้องการของตลาดองค์กรเอนเทอร์ไพรส์ ฟันธงตลาดโปรเจกต์ภาครัฐยังเป็นเค้กก้อนใหญ่ไม่ว่าผลการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญต่อกรณีการนับวาระนายกรัฐมนตรีจะเป็นเช่นไร เชื่ออาจเกิดผลกระทบทางอ้อมกับจิตใจผู้บริโภคจนทำให้ความต้องการในตลาดอยู่ในภาวะหดตัวยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นภาวะที่เกิดขึ้นแล้วในไตรมาส 3 และคาดว่าจะคลุมยาวๆ ถึงไตรมาส 4 ปี 65
นายสมศักดิ์ เพ็ชรทวีพรเดช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วีเอสที อีซีเอส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงภาพรวมตลาดไอทีไทยในช่วงปลายปี 65 และปี 66 ว่าแม้ปัญหาขาดแคลนชุดชิปเซ็ตได้คลี่คลายไปแล้วในระดับหนึ่ง แต่บริษัทยังคงพบปัญหาในส่วนธุรกิจเอนเทอร์ไพรส์ อย่างไรก็ตาม แนวโน้มที่น่าหนักใจกว่าคือ กำลังซื้อที่หดหายตั้งแต่ช่วงไตรมาส 2 ปี 65 เป็นต้นมา และยังไม่เห็นสัญญาณฟื้นตัวในไตรมาส 4
"เหนื่อยแน่นอน สัญญาณที่เห็นตั้งแต่เริ่มไตรมาส 3 ปี 65 คือตลาดคอนซูเมอร์ (ผู้บริโภคทั่วไป) จะตกลง แม้ปัญหาของขาดตลาดจะเริ่มหายไปถึงระดับ 90% แต่จะกลายเป็นปัญหาสินค้าล้นตลาด และปัญหาสินค้าคงคลังที่มีมากเกินไป ทั้งหมดนี้ กลุ่มผู้เล่นในอุสาหกรรมต่างหวังว่าจะเป็นการชะลอซื้อเพื่อรับการเติบโตในไตรมาสปลายปี แต่ยังมีความไม่แน่นอนสูงเพราะภาวะกำลังซื้อหดหาย"
บริษัท วีเอสที อีซีเอส (ประเทศไทย) จำกัด นั้นเป็นบริษัทในเครือของวีเอสที อีซีเอส กรุ๊ป ซึ่งถูกยกเป็นผู้นำด้านการจัดจำหน่ายสินค้าไอทีในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก บริษัทเคยเคลมตัวเองเมื่อปี 64 ว่าเป็นอันดับ 1 ในตลาดไอทีโซลูชันไทย โดยนอกจากรักษาระดับธุรกิจเป็นพิเศษ บริษัทยังมองความท้าทายว่าที่ธุรกิจใหม่อย่างจักรยานยนต์ไฟฟ้า โซลาร์เซลล์ และธุรกิจเครื่องพิมพ์ขนาดใหญ่ ซึ่งล่าสุดบริษัทได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้ให้บริการรายเดียว (exclusive) ของสินค้า HP Multi-Function A3
***จีนปะทะไต้หวัน-การเมืองไม่มีผล
สมศักดิ์ให้รายละเอียดว่า ภาวะสินค้าขาดตลาดที่ยังหลงเหลือนั้นไม่ได้เกิดจากวิกฤตความสัมพันธ์จีนและไต้หวัน แต่เป็นไปตามธรรมชาติของตลาดเอง โดยปัจจุบัน ชิปไม่ได้จำกัดการใช้งานแค่ในอุปกรณ์มือถือ แต่ยังใช้ในหลายอุปกรณ์ เช่น อุปกรณ์ด้านไอที อุปกรณ์ IOT รถยนต์ อุตสาหกรรมต่างๆ นอกจากนี้ การศึกษายังพบว่าโลกจะใช้ไอทีสูงขึ้นประมาณ 25% ต่อปี ส่งผลให้ดีมานด์ในตลาดสูงขึ้นอย่างชัดเจนเพราะการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน ทำให้ธุรกิจไอทียังอยู่ในกระแสของความจำเป็นต้องใช้และต้องมี
สำหรับฝั่งรัฐบาล บริษัทมองเห็นการใช้เงินลงทุนอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้จะเป็นหน่วยงานท้องถิ่น เช่น กทม. อบจ. อบต.ก็ยังมีเม็ดเงินและโครงการลงทุนจำนวนมาก ทำให้ตลาดฝั่งองค์กรรัฐนั้นเป็นรายได้ก้อนใหญ่มากของ VST ECS
สำหรับภาพรวมครึ่งปีแรกปี 2022 ของวีเอสที อีซีเอส บริษัทมีอัตราเติบโตขึ้นประมาณ 12% ถือว่ามากกว่าครึ่งปีแรกของเมื่อปีที่แล้วที่โตประมาณ 10%
"จริงๆ ควรจะโตได้มากกว่านี้ แต่ความรุนแรงของ shortage ฝั่งเอนเตอร์ไพรส์ คือสินค้าประเภทเน็ตเวิร์ก ทั้งซิสโก้ อารูบ้า ขาดตลาดอย่างรุนแรง รวมทั้งสินค้าไฮเอนด์เน็ตเวิร์ก เช่น F5, Arista, Cisco, Aruba ขาดตลาดทั้งหมด ตามที่ข่าวออกกันคือ ต้องรอของกันนานถึง 1 ปีเลย ของผมยังโชคดีที่มีของที่สั่งไว้ค้างตั้งแต่ปีที่แล้วที่ทยอยส่งเข้ามา ตัวเลขถึงได้ไต่ขึ้นมาได้ แต่การเติบโตของเรายังดูน้อย จึงเป็นแค่ 12% ซึ่งถ้าของไม่ขาดและยังส่งได้น่าจะโตถึง 16-18% ซึ่งเราได้รับความร่วมมือจากบริษัทที่เป็นกลุ่มลูกค้ารายใหญ่ที่มีความใกล้ชิดและทำโปรเจกต์ร่วมกันมานาน อีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้โตคือความต้องการใช้ไอทีมีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งในภาคธุรกิจรายเล็ก กลางใหญ่ ธนาคาร ภาครัฐทั้งระดับประเทศและท้องถิ่น ต้องการระบบเน็ตเวิร์กที่คุณภาพสูงขึ้น ระบบสตอเรจคุณภาพดี ระบบซอฟต์แวร์ที่ช่วยให้การทำงานง่ายขึ้น การทำงานโดยไม่ใช้กระดาษ การทำ E-Signature ซิเคียวริตีที่ป้องกัน cyber attack พวกนี้จะเกี่ยวข้องกับซอฟต์แวร์ทั้งหมด"
***คอนซูเมอร์หด-เงินเฟ้อแรง
แม้ตัวเลขธุรกิจคอนซูเมอร์ในครึ่งปีแรกจะลดลง แต่วีเอสที อีซีเอส ระบุว่า บริษัทมีความใกล้ชิดกับลูกค้ามากจนสามารถทำรายได้จากการชิงส่วนแบ่งจากผู้เล่นรายอื่น บริษัทจึงเติบโตแม้เพียงแค่เป็นเล็กหลักเดียวหรือ single digit โดยเหตุผลที่ตลาดโน้ตบุ๊กมีอัตราเติบโตน้อย เชื่อว่ามาจากกำลังซื้อลดลงเพราะค่าครองชีพเพิ่มสูงขึ้น และสภาพเศรษฐกิจ รวมถึงอัตราเงินเฟ้อ
ในส่วนตลาดองค์กรธุรกิจตลาดย่อม หรือเอสเอ็มอี สมศักดิ์มองว่าเป็นรากฐานใหญ่ที่สร้างการเติบโตอย่างถาวร สมศักดิ์ชี้ว่า SME ในปัจจุบันมักพบปัญหาเข้าหาเงินทุนลำบาก ขาดการซัปพอร์ตจากรัฐบาลทำให้ขยายธุรกิจได้ยากเมื่อเทียบกับบริษัทใหญ่ที่มีความเข้มแข็งด้านการเงินมากกว่า
เบื้องต้น VST ECS คาดการณ์รายได้ครึ่งแรก ปี 65 ไว้ที่ประมาณ 17,000 ล้านบาท โดยปี 64 บริษัทปิดรายได้ทั้งปีที่ประมาณ 31,000 ล้านบาท สำหรับปี 65 นี้ คาดการณ์ว่ารายได้น่าจะอยู่ที่ 34,000 ล้านบาท และคาดการณ์โตที่ 10-12% ส่งให้ปี 2567 คาดหวังตัวเลขโตที่ 10-15%
ในส่วนการลงทุน บริษัทวางแผนจะสานต่อการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนระบบภายในองค์กรให้เป็นดิจิทัล ซึ่งได้เริ่มมาก่อนเกิดโควิด-19 นาน 2 ปี ทั้งการเริ่มทำ E-Document การทำระบบฐานข้อมูลใหม่ทั้งหมด infrastructure เพื่อรองรับการทำงาน anywhere any place ให้มีการทำงานอย่างรวดเร็วและปลอดภัย โดยพัฒนาในส่วน network ทำรีพอร์ตใหม่ ซิเคียวริตี โดยหากนับเม็ดเงินลงทุนเพื่อพัฒนาระบบภายในบริษัททั้งหมดมีการใช้เงินไปมากกว่า 30-50 ล้านบาท
