ซิสโก้ (Cisco) เป็นหนึ่งในบริษัทเทคโนโลยีแถวหน้าที่วางโฟกัสเรื่องยกระดับการใช้งานอินเทอร์เน็ตของชาวโลก ดังนั้นโลกจึงตื่นเต้นเมื่อซิสโก้ลุกขึ้นมาเปิดตัวความสามารถใหม่ที่ทำงานกับระบบคลาวด์, ระบบ SASE และระบบทำนายปัญหาในระบบเครือข่าย (WAN) เหตุผลสำคัญคือเพราะผลิตภัณฑ์ใหม่เหล่านี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อลดความซับซ้อนในการจัดการ และแบ่งเบาภาระของทีมไอทีซึ่งต้องจัดการกับรูปแบบการทำงานไฮบริดทั้งในและนอกสำนักงานแบบเข้มข้น
2 ใน 3 ผลิตภัณฑ์หลักชุดใหม่ที่จะเปลี่ยนแนวทางการจัดการเครือข่าย ซึ่งจะเป็นตัวกำหนดรูปแบบพอร์ตโฟลิโอของซิสโก้ในอีกหลายปีจากนี้ คือโซลูชันจัดการระบบคลาวด์ Cisco Catalyst และ Cisco Nexus โดย Cisco Catalyst เน้นช่วยให้ผู้คนมีทางเลือกในการใช้งาน Meraki Cloud ที่เรียบง่ายเข้ากับการใช้งาน Catalyst ที่ใช้ในปัจจุบัน ขณะที่บริการใหม่ Cisco Nexus Cloud SaaS โฟกัสที่การขับเคลื่อนด้วย Cisco Intersight ลดความซับซ้อนของระบบไอที ด้วยแพลตฟอร์มที่จัดการผ่านคลาวด์สำหรับคลาวด์เน็ตเวิร์ก
นอกจากนี้ ซิสโก้ยังเปิดตัวโซลูชั่น Secure Access Service Edge (SASE) แบบครบวงจรภายใต้ชื่อ Cisco+ Secure Connect Now ซึ่งเป็นโซลูชั่นรักษาความปลอดภัยไซเบอร์ในรูปแบบบริการ ที่จะได้รับการจัดการผ่านระบบคลาวด์ โดยลูกค้าที่สมัครใช้บริการจะสามารถใช้งานโซลูชั่น SASE ได้อย่างรวดเร็ว จุดนี้ซิสโก้เชื่อว่าเป็นการรุกหนักตลาด SASE ในเวลาที่เหมาะสม หลังจากที่บริษัทเห็นการขยายตัวชัดเจนในช่วงที่ให้บริการ SASE มาก่อนหน้านี้แล้ว
***อนาคตคือการจัดการคลาวด์
เดฟ เวสต์ ประธานกรรมการบริหารภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ญี่ปุ่น และจีน ของซิสโก้ กล่าวว่าสภาพแวดล้อมไอทีของชาวโลกนั้นเติบโตและมีความซับซ้อนมากขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการเปลี่ยนเป็นการทำงานแบบไฮบริดและระบบคลาวด์ ทำให้การสร้างเครือข่ายและประสบการณ์ด้านไอทีกระจัดกระจายมากขึ้น ปลอดภัยน้อยลง และปรับขนาดได้ยากขึ้น เพื่อลดความยุ่งยากซับซ้อนในการทำงาน ซิสโก้จึงพยายามพัฒนาเทคโนโลยีที่จะช่วยให้ทีมงานฝ่ายไอทีทำงานได้อย่างชาญฉลาดมากขึ้น ด้วยการปั้นระบบเครือข่ายที่จัดการผ่านระบบคลาวด์ และประสบการณ์ด้านเทคโนโลยีแบบครบวงจร
"เราเชื่อว่าประสบการณ์ด้านไอทีที่เป็นหนึ่งเดียวเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างความคล่องตัวของธุรกิจทั่วภูมิภาคอาเซียน พลังของนวัตกรรมของเรามาจากความสามารถในการจัดเตรียม จัดการ และคาดการณ์ปัญหาด้านไอที โดยช่วยให้ธุรกิจสามารถมอบประสบการณ์ระดับโลกที่ราบรื่น และปลอดภัยให้กับลูกค้าที่ให้ความสำคัญกับดิจิทัลโดยไม่มีการหยุดทำงาน”
ซิสโก้เชื่อว่าสภาพแวดล้อมทางธุรกิจในปัจจุบันเต็มไปด้วยความไม่แน่นอนและคาดเดาได้ยาก ขณะที่องค์กรต่างๆ จำเป็นต้องพึ่งพาประสบการณ์ดิจิทัลเพิ่มมากขึ้นเพื่อช่วยให้บุคลากรทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าและคู่ค้าได้อย่างดีเยี่ยม ในการเพิ่มความคล่องตัวและยืดหยุ่นให้กับธุรกิจทุกวันนี้ ทีมงานไอทีจึงจำเป็นต้องอาศัยโซลูชั่นแบบครบวงจรที่สามารถเชื่อมโยงเทคโนโลยีขององค์กร สถานที่ตั้ง ทีมงาน บุคลากร และอุปกรณ์ต่างๆ เข้าด้วยกัน
นอกจากกลุ่มผลิตภัณฑ์ Cisco Meraki, Cisco Catalyst และ Cisco Nexus ซิสโก้ยังเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ Cisco ThousandEyes ที่สามารถคาดการณ์และปรับปรุงประสิทธิภาพของเครือข่าย WAN ในเชิงรุก นวัตกรรมนี้ตอกย้ำกลยุทธ์ของซิสโก้ในการช่วยลูกค้าเพิ่มความคล่องตัว ความยืดหยุ่น และประสิทธิภาพที่ธุรกิจจำเป็นต้องมีท่ามกลางสภาวะที่ไม่แน่นอน โดยอาศัยแพลตฟอร์มที่จัดการผ่านระบบคลาวด์
ทอดด์ ไนติงเกล รองประธานบริหารและผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายเครือข่ายองค์กรและระบบคลาวด์ของซิสโก้ กล่าวว่าลูกค้าของซิสโก้เลือกที่จะดำเนินธุรกิจโดยอาศัยเทคโนโลยีของบริษัท ซึ่งครอบคลุมทั้งในส่วนของระบบเครือข่าย ระบบรักษาความปลอดภัย และระบบคลาวด์ ซึ่งบริษัทเชื่อว่าเครือข่ายเป็นรากฐานสำหรับองค์กรที่ทันสมัยและต้องมีความยืดหยุ่น คล่องตัว และเรียบง่าย
"ซิสโก้แก้ไขข้อกังวลใจที่สำคัญที่สุดของลูกค้า นั่นคือ การจัดการระบบที่ซับซ้อนโดยอาศัยแพลตฟอร์มอัจฉริยะที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล เพื่อเสริมศักยภาพให้แก่ธุรกิจดิจิทัล”
สำหรับ Cisco Catalyst ซิสโก้เปิดให้ผู้ใช้ตรวจสอบอุปกรณ์สวิตช์ Catalyst บางรุ่นและจัดการเครื่องมือ Catalyst Wireless ใหม่ ได้ผ่านแดชบอร์ด Meraki โดยช่วยเพิ่มการมองเห็นและความยืดหยุ่นให้กับประสบการณ์ใช้งาน ขณะที่การเปิดตัว Cisco Nexus Cloud ถูกวางจุดเด่นว่าเป็นแพลตฟอร์มการจัดการผ่านคลาวด์ที่นำเสนอรูปแบบการบริการที่ง่ายในการติดตั้งใช้งาน จัดการ และควบคุมระบบเครือข่ายคลาวด์ Cisco Nexus Cloud ขับเคลื่อนด้วย Cisco Intersight สำหรับระบบสวิตชิ่งและการจัดการมัลติคลาวด์ที่มีประสิทธิภาพ ช่วยเพิ่มความสามารถให้การจัดการสภาพแวดล้อมได้ทั่วทั้งพับลิคคลาวด์ ไพรเวทคลาวด์ และเอดจ์คอมพิวติ้งสำหรับลูกค้าองค์กรทุกขนาด
ในขณะที่ Cisco Nexus Cloud จะให้บริการภายในปี 2565 นี้ ซิสโก้ก้าวอีกขาเพื่อสร้างประสบการณ์ดิจิทัลที่เหนือกว่า ผ่านโซลูชั่นที่จะช่วยให้คนทำงานไอทีสามารถปรับเปลี่ยนแนวทางการทำงาน จากเดิมที่เป็นการตอบสนอง ต่อปัญหาด้านระบบเครือข่ายที่เกิดขึ้น ไปสู่การดำเนินการเชิงรุก เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจ
สิ่งที่ซิสโก้ทำคือการประยุกต์ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีการทำนายปัญหาในระบบเครือข่าย (Predictive Networking) แจ้งเกิดเป็น Cisco ThousandEyes ซึ่งถูกการันตีว่าเป็นแพลตฟอร์มด้านอินเทอร์เน็ตและคลาวด์อัจฉริยะระดับชั้นนำของอุตสาหกรรม และ ThousandEyes WAN Insights ถือเป็นก้าวแรกในการนำเสนอเทคโนโลยีภายใต้วิสัยทัศน์ Cisco Predictive Networks ซึ่งจะช่วยให้ฝ่ายไอทีในองค์กรสามารถเปลี่ยนระบบเครือข่ายแบบตอบสนอง (Reactive) ไปสู่ระบบเครือข่ายแบบป้องกัน (Preventative) พร้อมทั้งปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานและประสบการณ์การใช้งานแอปพลิเคชั่น
นอกจาก ThousandEyes WAN Insights ที่มีกำหนดพร้อมใช้งานได้ในเร็ววันนี้ ซิสโก้ยังได้เปิดตัวโซลูชั่น Secure Access Service Edge (SASE) แบบครบวงจรภายใต้ชื่อ Cisco+ Secure Connect Now ซึ่งเป็นโซลูชั่นในรูปแบบบริการที่ได้รับการจัดการผ่านระบบคลาวด์ โดยลูกค้าที่สมัครใช้บริการจะสามารถใช้งานโซลูชั่น SASE ได้อย่างรวดเร็ว และจัดการได้อย่างง่ายดาย ช่วยเพิ่มความสะดวกให้แก่องค์กรในการเชื่อมต่อและปกป้องผู้ใช้ อุปกรณ์ และแอปพลิเคชั่นต่างๆ
***ไม่สายเกินไป
ซิสโก้เชื่อว่าการเปิดตัวบริการสมัครสมาชิก SASE ออกสู่ตลาดในครั้งนี้เกิดขึ้นในเวลาที่เหมาะสม โดยยืนยันว่าลูกค้าซิสโก้หลายรายมีการใช้บริการโซลูชัน SASE ของบริษัทอยู่แล้วในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
"การระบาดใหญ่ได้เร่งให้เกิดแนวโน้มสำคัญ 2 ประการ คือการโยกย้ายแอปพลิเคชันไปยังระบบคลาวด์และการทำงานแบบไฮบริด กลายเป็นเรื่องสำคัญสำหรับธุรกิจในการเริ่มดำเนินการและเร่งดำเนินการ SASE ของบริษัท เพื่อเชื่อมต่อผู้ใช้กับแอปและข้อมูลจากทุกที่ ควบคุมบริการจากศูนย์ข้อมูลไปยังระบบคลาวด์ และผสานฟังก์ชันเครือข่ายและความปลอดภัยเข้าด้วยกัน เพื่อให้สามารถเชื่อมต่อได้อย่างปลอดภัยไปยังผู้ใช้ปลายทางทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นพนักงานหรือลูกค้า" ซิสโก้ระบุ "ขณะนี้ เรากำลังนำเสนอความสามารถเพิ่มเติมนอกเหนือจากโครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่ของลูกค้า เพื่อใช้โครงสร้าง SASE แบบรวมศูนย์ ซึ่งเชื่อมต่อพนักงานหรือผู้ใช้ปลายทางกับแอปพลิเคชันที่สำคัญต่อธุรกิจ ไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ที่ใด"
ซิสโก้ทิ้งท้ายว่ารู้สึกตื่นเต้นกับความเป็นไปได้ที่จะเพิ่มขีดความสามารถให้กับลูกค้า ด้วยการรักษาความปลอดภัยแบบครบวงจรและโครงสร้างเครือข่ายเพื่อเร่งเส้นทางการทำงานแบบไฮบริดของทุกคน.