ดีป้า เผยผลสำรวจข้อมูลสถานภาพอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ อุตสาหกรรมฮาร์ดแวร์และอุปกรณ์อัจฉริยะ อุตสาหกรรมบริการด้านดิจิทัล ประจำปี 2564 พบภาพรวมอุตสาหกรรมขยายตัวเฉลี่ย 25% จากปี 2563 โดยมีมูลค่ารวมที่ 8.98 แสนล้านบาท อุตสาหกรรมที่ขยายตัวสูงสุดคือ บริการดิจิทัลที่เป็นแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ มีอัตราการเติบโตกว่า 37% มูลค่า 3.46 แสนล้านบาท
นางกษิติธร ภูภราดัย รองผู้อำนวยการใหญ่ กลุ่มงานยุทธศาสตร์และความมั่นคง สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือดีป้า หน่วยงานในสังกัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวว่า ดีป้า ร่วมกับสถาบันไอเอ็มซี เผยผลสำรวจข้อมูลสถานภาพอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ อุตสาหกรรมฮาร์ดแวร์และอุปกรณ์อัจฉริยะ อุตสาหกรรมบริการด้านดิจิทัล ประจำปี 2564 พบภาพรวมอุตสาหกรรมขยายตัวเฉลี่ย 25% จากปี 2563 โดยมีมูลค่ารวมที่ 8.98 แสนล้านบาท
หากนับรวมอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ ซึ่งสำรวจโดยดีป้า และอุตสาหกรรมสื่อสารโทรคมนาคม ปี 2564 จากการสำรวจโดยสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) จะมีมูลค่ารวมที่ 1.58 ล้านล้านบาท ขยายตัว 14.33% พบอุตสาหกรรมที่ขยายตัวสูงสุดคือ บริการดิจิทัลที่เป็นแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ มีอัตราการเติบโตกว่า 37% ส่งผลให้จำนวนบุคลากรในอุตสาหกรรมบริการดิจิทัลเพิ่มขึ้นก้าวกระโดดมากกว่า 26% เมื่อเทียบกับปี 2563 ซึ่งขยายจากกลุ่มคนไอทีมาเป็นการสร้างงานให้คนอาชีพอื่น
อุตสาหกรรมบริการดิจิทัลมีอัตราการเติบโต 37% ซึ่งคิดเป็นอัตราเติบโตสูงสุด ด้วยมูลค่า 3.46 แสนล้านบาท ขณะที่อุตสาหกรรมสื่อออนไลน์ (Online Media) ซึ่งรวมทั้งยูทูบ (YouTube) และเฟซบุ๊ก (Facebook) พบว่ามีการขยายตัวโดยเฉพาะในส่วนรายได้จากการโฆษณา การสำรวจยังพบว่า จำนวนบุคลากรในอุตสาหกรรมบริการดิจิทัลปี 2564 มีการเติบโตเฉลี่ย 26.55% เพิ่มเป็น 84,683 ราย จาก 66,917 รายในปี 2563
“สังคมไทยกำลังเข้าสู่บริการแพลตฟอร์มดิจิทัล ผู้คนใช้งานแพลตฟอร์มค้าปลีกออนไลน์ (e-Retail) มีการรับชมสื่อออนไลน์ และใช้บริการขนส่ง (e-Logistics) มากขึ้น ซึ่งตลาดที่เติบโตชัดเจนคือ e-Logistics เช่น บริการสั่งอาหาร ถือเป็นตลาดที่มีการขยายตัวมากกว่า 57% เช่นเดียวกับ e-Retail ที่เติบโต 44% มูลค่าบริการดิจิทัลนี้เพิ่มขึ้นในทิศทางเดียวกับจำนวนบุคลากร ซึ่งไม่ใช่เพียงคนไอที แต่เกิดการจ้างงานที่ทำให้ผู้คนเข้ามาในอุตสาหกรรมดิจิทัลมากขึ้น” นางกษิติธร กล่าว
นอกจากนี้ การสำรวจและประเมินสถานภาพอุตสาหกรรมดิจิทัลประจำปี 2564 ยังพบว่า มูลค่าอุตสาหกรรมฮาร์ดแวร์และอุปกรณ์อัจฉริยะเติบโตขึ้น 20% คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 3.86 แสนล้านบาท โดยการนำเข้าเครื่องคอมพิวเตอร์เข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยเพิ่มขึ้นกว่า 53% ด้วยจำนวน 5.8 ล้านเครื่อง มูลค่าการซื้อขายเครื่องสูง ส่งผลให้ตลาดคอมพิวเตอร์เติบโตจนเกินระดับ 1 แสนล้านบาท สถิตินี้ทำให้เห็นการบริโภคที่เพิ่มขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการเข้าสู่สังคมดิจิทัลของประเทศไทย รวมถึงการล็อกดาวน์ และการทำงานจากระยะไกล (Work from Home) ที่มีผลให้ตัวเลขรายได้ของบริษัทในอุตสาหกรรมฮาร์ดแวร์และอุปกรณ์อัจฉริยะเติบโตขึ้นรวม 12%
อีกหนึ่งส่วนที่โดดเด่นในอุตสาหกรรมฮาร์ดแวร์คือ ตลาดหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ (Robot & Automation) โดยการสำรวจพบว่ามีการนำเข้ามากกว่า 5.53 หมื่นล้านบาท คิดเป็นการเติบโตกว่า 27% ถือเป็นส่วนที่เติบโตอย่างมากในฝั่งฮาร์ดแวร์ นอกจากนี้ การสำรวจพบว่า จำนวนบุคลากรในอุตสาหกรรมฮาร์ดแวร์และอุปกรณ์อัจฉริยะปรับตัวลดลงในปี 2564 ราว 0.45% โดยบันทึกได้ 311,051 ราย จากปี 2563 ที่มี 312,460 ราย
ส่วนภาพรวมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์และบริการด้านซอฟต์แวร์ยังคงเห็นการเติบโตต่อเนื่องทุกปี โดยในปี 2564 มีมูลค่ารวมอยู่ที่ 1.63 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 13% จาก 1.44 แสนล้านบาทในปีก่อนหน้า โดยบริษัทผู้ผลิตซอฟต์แวร์ที่ใช้ในประเทศไทยมีมูลค่าราว 1.21 แสนล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตกว่า 14% สิ่งที่พบจากการสำรวจคือ ส่วนใหญ่ยังเป็นบริษัทขนาดเล็กที่มีการจ้างงานเฉลี่ยต่ำกว่า 10 คน และกว่า 90% เป็นกลุ่มที่มีรายได้น้อยกว่า 10 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังพบว่ามูลค่าของซอฟต์แวร์แบบคลาวด์ (Cloud) ที่สามารถใช้งานผ่านระบบเซิร์ฟเวอร์ออนไลน์ได้ยืดหยุ่นเติบโตมากกว่าแบบออนพริมิส (On-Premise) ที่ยังอิงกับระบบเซิร์ฟเวอร์ดั้งเดิม จำนวนบุคลากรในอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ปี 2564 มีจำนวน 129,544 ราย เพิ่มขึ้น 4.64% ในขณะที่ตัวเลขในปี 2563 อยู่ที่ 123,805 ราย
การสำรวจยังพบว่า อุตสาหกรรมบิ๊กดาต้าปี 2564 มีมูลค่ารวม 1.59 หมื่นล้านบาท เติบโตขึ้น 14.25% การสำรวจแบ่งเป็น 3 ส่วนคือ 1.ส่วนฮาร์ดแวร์ มีมูลค่า 1.92 พันล้านบาท เติบโต 19.07% 2.ส่วนซอฟต์แวร์ มีมูลค่า 4.76 พันล้านบาท เติบโต 13.91% 3.ส่วนบริการดิจิทัล มีมูลค่า 9.31 พันล้านบาท เติบโต 17.53% ขณะที่บุคลากรมีจำนวน19,392 คน เพิ่มขึ้น 18%
ด้านนายธนชาติ นุ่มนนท์ ผู้อำนวยการ สถาบันไอเอ็มซี กล่าวถึงผลคาดการณ์ 3 ปีข้างหน้า (ปี 2565-2567) โดยวิธีประมาณการจากมูลค่าอุตสาหกรรมปีที่ผ่านมาว่า อุตสาหกรรมที่จะเติบโตมากที่สุดในช่วง 3 ปีจากนี้คือ บริการดิจิทัลและบิ๊กดาต้า ตามมาด้วยอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ และอุตสาหกรรมฮาร์ดแวร์ ด้วยอัตราการเติบโตของแพลตฟอร์มบริการดิจิทัล จะทำให้ดิจิทัล เซอร์วิส เป็นส่วนที่มากที่สุดเมื่อเทียบกับทุกพื้นที่ในอุตสาหกรรมดิจิทัล และในอีก 3 ปีข้างหน้า มูลค่าอุตสาหกรรมบริการดิจิทัลจะขึ้นไปถึง 6.9 แสนล้านบาท ในปี 2567