ในเฟซบุ๊ก ‘Takorn Tantasith’ โพสต์เรื่องแนวคิดการ Work From Anywhere หรือขั้นกว่าของ Work From Home ที่เป็นแนวทางช่วยเรื่องการลดค่าใช้จ่าย ช่วยเรื่องการประหยัดพลังงาน และสามารถแก้ปัญหารถติดที่กวนใจทุกเมื่อเชื่อวัน เพียงแต่จำเป็นต้องมีการปรับทัศนคติคนทำงานกันใหม่
ฐากร ระบุว่า ‘ชวนปรับทัศนคติคนทำงานกันใหม่ WORK FROM ANYWHERE ไม่ใช่การหยุดงาน แต่ทำงานเสมือนอยู่ในออฟฟิศ ซึ่งจะทำให้เป็นที่ยอมรับ จะเป็นหนทางลดรายจ่าย ประหยัดพลังงาน แก้รถติด
ผมเคยเสนอให้กลับมาใช้นโยบาย ‘เวิร์ก ฟอร์ม โฮม’ กันอีกครั้งเมื่อไม่นานมานี้ ด้วยเหตุผลหลักต้องการลดภาระรายจ่ายของประชาชน และภาครัฐ ส่งเสริมการประหยัดพลังงาน
แนวนโยบายของผมนั้นจะทำงานอยู่ที่บ้านหรือที่ไหนก็ได้ที่สามารถติดต่อสื่อสารระหว่างกันได้ ด้วยเทคโนโลยี 5G ผู้นำองค์กรอาจจัดแบ่งเป็นสัดส่วนไม่จำเป็นต้อง ‘เวิร์ก ฟอร์ม โฮม’ 100%
แผนกไหนที่สามารถทำงานผ่านโปรแกรม Google Hangouts Skype Slack Workplace หรือ Zoom จัดให้พนักงานทำงานที่บ้านหรือที่ไหนก็ได้ผ่านโปรแกรม อาจมีสัดส่วน 70- 80%
ส่วนแผนกไหนมีภารกิจต้องทำงานเฉพาะในสำนักงานก็ให้มาทำงานเต็มเวลาเหมือนเดิม
แบ่งสัดส่วนแค่นี้ก็ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายให้พนักงาน ลดภาระค่าน้ำมันที่แพง 2 ลิตรเฉียด 100 บาท
ที่สำคัญช่วยภาครัฐประหยัดพลังงาน ช่วยแก้ปัญหาจราจรที่ติดขัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
พูดถึงผลผลิตที่ได้จาก ‘เวิร์ก ฟอร์ม โฮม’ ในรายงานการศึกษาของมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด สหรัฐอเมริกาใช้กลุ่มตัวอย่างเป็นพนักงาน 16,000 คน ทำงานในบ้านเป็นเวลา 9 เดือนระหว่างโรคโควิดระบาด ปรากฏว่าผลผลิตเพิ่มขึ้น 13%
ทำไมผลผลิตเพิ่มขึ้น ผลการศึกษาบอกว่าเพราะพนักงานได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่คุ้นเคยสะดวกสบายกว่าที่ออฟฟิศ
ยังมีผลการศึกษาอีกหลายชิ้นที่แสดงให้เห็นว่า ‘เวิร์ก ฟอร์ม โฮม’ มีผลผลิตเพิ่มขึ้น รายงานบางชิ้นยังบอกว่า ถ้าทำงานจากบ้าน เฉลี่ยมากกว่า 1 วันต่อสัปดาห์ ผลผลิตเพิ่มกว่า 47%
ผมจึงมั่นใจว่าด้วยประสิทธิภาพของระบบโทรคมนาคมไทยที่ติดลำดับต้นๆ ของโลก สื่ออย่างนิเกอิของญี่ปุ่นเคยหยิบเรื่องช่วงโควิดระบาด ไทยนำ 5G ไปใช้งานซึ่งกลายเป็นผู้นำอาเซียน
วันนี้สถานการณ์โควิดคลี่คลาย หลายๆองค์กรในบ้านเราเลิกใช้นโยบาย ‘เวิร์ก ฟอร์ม โฮม’
แต่ถ้าย้อนกลับไปช่วงปีเศษ ทั้งภาคราชการ เอกชนให้พนักงาน ‘เวิร์ก ฟอร์ม โฮม’ เต็มเวลามาแล้ว ถามว่าประสิทธิภาพการทำงานลดลงมากไหม ลดลงมาก แต่หากถามว่าเป็นเพราะไม่ได้นั่งอยู่ที่ทำงาน ไม่ได้เจอหน้ากันตรงๆ จึงทำให้ประสิทธิภาพการทำงานลดลงจริงหรือไม่ คำตอบตอบได้อย่างชัดเจนเลยว่า ไม่ใช่แน่
ที่แน่ๆ คือเราเองที่มีทัศนคติว่า ‘เวิร์ก ฟอร์ม โฮม’ คือ ‘การหยุดงานของที่ทำงาน’ ถ้ามีอะไรก็ค่อยติดต่อกัน เราทุกคนมีพื้นฐานที่คิดกันอย่างนี้จึงทำให้ประสิทธิภาพ ‘เวิร์ก ฟอร์ม โฮม’ ลดลง ไม่มีประสิทธิภาพเท่ากับทำงานที่ออฟฟิศนั่นเอง
ผมขอเสนอแนวคิดให้ทุกองค์กรกลับมาปรับทัศนคติกันใหม่และอย่าคิดว่า ‘เวิร์ก ฟอร์ม โฮม’ เป็นการหยุดงานหรือเป็นวันหยุด แต่เป็นการทำงานที่บ้านเสมือนทุกคนนั่งทำงานที่ออฟฟิศ มีวินัยกับตนเองและถ้าทำอย่างนั้นได้สำเร็จแล้ว เรารีบก้าวข้ามไปสู่ ‘การทำงานที่ไหนก็ได้ หรือ WORK FROM ANYWHERE’ ซึ่งจะมีประสิทธิภาพเหมือนการทำงานในออฟฟิศหรือมากกว่าด้วยครับ
สุดท้ายนี้ผมขอฝากข้อคิดถึงทุกคน ‘ในโลกยุคใหม่ ถ้าเราอยู่กับที่คือเราถอยหลัง ถ้าเราก้าวไปข้างหน้าคือเราอยู่กับที่ ถ้าเราอยากเปลี่ยนแปลงเราต้องรีบก้าวให้เร็ว’