อีเอสอาร์ไอ (ประเทศไทย) มั่นใจ ArcGIS เป็นตัวช่วยสำคัญในการบริหารจัดการสมาร์ทซิตี ด้วยการนําเทคโนโลยี GIS เข้ามาประยุกต์บูรณาการฐานข้อมูลอย่างเป็นระบบ เพิ่มศักยภาพวิเคราะห์จัดการ วางแผนงานเชิงลึกโครงการก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ รับการเติบโตขยายตัวของเมือง สู่การพัฒนาโซลูชันให้ตรงจุดสอดคล้องกับความเป็นเมืองอัจฉริยะ พร้อมสร้างศูนย์กลางข้อมูล เปิดพื้นที่เชื่อมประสานแต่ละโครงการกับทุกภาคส่วน เผยหัวใจสำคัญสู่ความสำเร็จของ “สมาร์ทซิตี” คือ การร่วมมือของภาครัฐระดับท้องถิ่น องค์กรเอกชน และประชาชนอย่างเป็นระบบ
น.ส.ธนพร ฐิติสวัสดิ์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท อีเอสอาร์ไอ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ในปัจจุบันประเทศไทย เป็นประเทศหนึ่งที่มีอัตราการขยายตัวของเมืองสูง (Urbanization) สังเกตได้จากการกระจายตัวของการสร้างที่อยู่อาศัยที่ขยายออกสู่ชานเมืองอย่างรวดเร็ว รวมทั้งโครงการก่อสร้างสาธารณูปโภคและโครงการคมนาคมขนาดใหญ่ที่กำลังเกิดขึ้น เพื่อรับรองการดำเนินชีวิตของทุกคน จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องนำนวัตกรรม หรือเทคโนโลยีเข้ามาบริหารจัดการเมืองสู่การเป็นเมืองอัจฉริยะ (Smart City) เอื้อต่อการเติบโต ทั้งทางเศรษฐกิจและสังคมในอนาคต
"ที่มาของแผนทิศทางบริษัทฯ ในปี 2564 นี้ คือ การเดินหน้านำ Location Intelligence เข้ามามีบทบาทในการวิเคราะห์จัดการโครงการต่างๆ เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการเมือง ปรับปรุงและลดความซ้ำซ้อนของกระบวนการทำงาน ทรานส์ฟอร์มองค์กรสู่การเป็นดิจิทัล เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกให้ประชาชนได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ สอดรับนโยบายภาครัฐในการขับเคลื่อนประเทศตามนโยบาย Thailand 4.0"
บริษัท อีเอสอาร์ไอ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้เชี่ยวชาญด้าน Location Intelligence การวิเคราะห์ภูมิสารสนเทศในมุมมองใหม่ จากความเชี่ยวชาญในการพัฒนาซอฟต์แวร์ ArcGIS ในประเทศไทยมากว่า 30 ปี การรุกกลุ่มธุรกิจงานจัดการ “สมาร์ทซิตี” หนึ่งในเรือธงธุรกิจเกิดขึ้นบนแนวคิดว่าการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการเมืองสู่การเป็นเมืองอัจฉริยะ (Smart City) อย่างสมบูรณ์ จําเป็นต้องมีข้อมูลเชิงตําแหน่ง (Location-based) เป็นข้อมูลพื้นฐานในการวางผังเมือง ออกแบบ และวางแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ด้วยการนําเทคโนโลยี GIS เข้ามาประยุกต์บูรณาการฐานข้อมูล นําไปสู่หลักการพัฒนาโซลูชันให้สอดคล้องกับโครงการต่างๆ ของสมาร์ทซิตี แบ่งออกเป็น 4 ด้าน
ด้านแรกคือ สนับสนุนการวางแผนและงานด้านวิศวกรรม (Planning and Engineering) โดยการนำเทคโนโลยี GIS มาช่วยเรื่องการออกแบบเมืองให้สอดคล้องกับลักษณะเฉพาะ (Characteristics) ของการใช้ประโยชน์บนพื้นที่ความเป็นเมืองนั้นๆ เช่น ด้านเกษตรกรรม ด้านการท่องเที่ยว ด้านอุตสาหกรรม โดยหลักสำคัญของการทำสมาร์ทซิตี คือ การบูรณาการฐานข้อมูลที่จำเป็นต้องเห็นภาพรวมทุกอย่างก่อนนำไปสู่ Digital Twin การจำลองภาพเมืองเสมือนจริง ที่จะช่วยให้การวางแผนการทำงานมีประสิทธิภาพและช่วยในการวิเคราะห์ ประเมินคาดการณ์ความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต
ด้านที่ 2 คือ ปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานภาพรวม (Operational Efficiency) โดยในส่วนของภาครัฐ มีแอปพลิเคชันพร้อมใช้งานที่ตอบสนองต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น สามารถเก็บรวบรวมข้อมูล ลงพื้นที่ภาคสนาม มอนิเตอร์สถานะผ่านระบบ ช่วยให้ผู้บริหารสามารถตัดสินใจได้อย่างทันท่วงทีและมีประสิทธิภาพ เช่น การสร้างระบบบริหารจัดการข้อมูลการจัดการภัยพิบัติต่างๆ หรืองานติดตามสถานการณ์ฉุกเฉิน ตัวอย่างที่สำคัญ เช่น ระบบติดตามสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ หรือระบบบริหารจัดการทรัพยากรด้านสาธารณสุข เป็นต้น
ด้านที่ 3 คือ ใช้ประโยชน์จากการขับเคลื่อนด้วยข้อมูล (Data-Driven Performance) เพื่อการรับรู้และตอบสนองแบบเรียลไทม์ การ Feed ข้อมูลจาก IoT และ Big Data มาใช้ในการวิเคราะห์ เช่น การวิเคราะห์พื้นที่เสี่ยงการระบาดของโรค การวิเคราะห์คาดการณ์ผลผลิตด้านการเกษตร CCTV ดูความปลอดภัยและวิเคราะห์พื้นที่เสี่ยงอาชญากรรม เป็นต้น และด้านที่ 4 การมีส่วนร่วมของประชาชน (Civic Inclusion) สามารถนำเสนอศูนย์กลางของข้อมูล แผนที่ แอปพลิเคชัน เพื่อเผยแพร่ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งประชาชนได้รับทราบข้อมูลร่วมกันเพื่อก่อให้เกิดการมีส่วนร่วมของภาคส่วนต่างๆ ซึ่งจะมีซอฟต์แวร์ ArcGIS Hub เป็นอีกหนึ่งตัวช่วย สามารถสร้างศูนย์กลางข้อมูลให้ผู้ใช้งานเข้าถึงแหล่งข้อมูลต่างๆ ส่งเสริมให้เกิดการสื่อสาร เกิดปฏิสัมพันธ์ร่วมกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดและรอบด้าน ช่วยในการบริหารจัดการเมืองอย่างเป็นมีประสิทธิภาพได้อีกทางหนึ่ง
"อย่างไรก็ตาม แม้เทคโนโลยีจะเป็นกุญแจสำคัญที่ผลักดันการเป็นเมืองอัจฉริยะ แต่ยังพบอุปสรรคในการนําเทคโนโลยีเข้ามาประยุกต์ใช้เพื่อบูรณาการฐานข้อมูล พร้อมทั้งการจัดทำศูนย์กลางในการสื่อสาร และรวบรวมโครงการต่างๆ ในการทำงานและแก้ไขปัญหา เพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งในทุกพื้นที่มีความต้องการเดียวกันคือ การร่วมมือกันระหว่างภาครัฐระดับท้องถิ่น องค์กรเอกชน และความร่วมมือจากประชาชน นับเป็นหัวใจสำคัญสู่ความสำเร็จของ “สมาร์ทซิตี” ทั้งนี้ หากหน่วยงานหรือองค์กร ตลอดจนผู้พัฒนาโครงการกำลังมองหาตัวช่วยในการยกระดับโครงการ บริหารจัดการข้อมูลสู่การเป็นสมาร์ทซิตี อีเอสอาร์ไอพร้อมสนับสนุนด้วยการใช้ความเชี่ยวชาญในด้าน Location Intelligence เข้าไปเสริมประสิทธิภาพการบริหารงานโครงการ ทั้งในเชิงงานก่อสร้าง วางแผนหรืออสังหาฯ ได้ต่อไป" น.ส.ธนพร กล่าวทิ้งท้าย