“กฟผ.” รุกพลังงานสะอาดรับเทรนด์โลก เตรียมปั้นโครงการผลิตไฟจากโซลาร์ฟาร์มที่เหมืองแม่เมาะ 50 เมกะวัตต์เพื่อใช้ในกิจการเหมืองทั้งหมด เตรียมเสนอกระทรวงพลังงานอนุมัติเร็วๆ นี้ พร้อมวางแผนระยะยาวเมื่อโรงไฟฟ้าถ่านหินแม่เมาะหมดอายุปรับเหมืองสู่ “เมืองอัจฉริยะ”
นายบุญญนิตย์ วงศ์รักมิตร ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า จากปัญหาภาวะโลกร้อนทำให้ทั่วโลกต่างหันมาผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดเพื่อลดก๊าซเรือนกระจกเพื่อให้เป็นไปตามแนวทางของแต่ละประเทศที่มุ่งเน้นความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutral) และการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ดังนั้น กฟผ.จึงได้วางนโยบายที่จะเพิ่มพลังงานสะอาดมากขึ้น ซึ่งล่าสุดเตรียมเสนอกระทรวงพลังงานเห็นชอบโครงการลงทุนพลังงานแสงอาทิตย์ติดตั้งบนพื้นดิน (โซลาร์ฟาร์ม) ที่เหมืองแม่เมาะ จ.ลำปาง ขนาดกำลังผลิต 50 เมกะวัตต์ (MW) คาดว่าจะใช้ประมาณ 500 ไร่เพื่อผลิตไฟฟ้าทั้งหมดใช้ในกิจการเหมือง
“การทำเหมืองแม่เมาะขณะนี้ต้องใช้ไฟฟ้าในการขุดดิน ขุดถ่านหินอยู่แล้ว เพื่อเป็นการลดการใช้เชื้อเพลิงจากฟอสซิล เราเห็นว่ายังมีพื้นที่เหลือในการทำโซลาร์ฟาร์มซึ่งเป็นพลังงานสะอาดมาใช้ในกิจการแทน โดยดำเนินการได้ทันทีแค่ปรับพื้นที่ดินเล็กน้อยเท่านั้น แต่ต้องขออนุมัติจากกระทรวงพลังงานซึ่งเชื่อว่าจะได้รับการพิจารณาเพราะเป็นโครงการที่ดีและไม่ได้ขายไฟเข้าระบบแต่อย่างใด” ผู้ว่าฯ กฟผ.กล่าว
อย่างไรก็ตาม นโยบายกระทรวงพลังงานที่อยู่ระหว่างการพิจาณาจัดทำแผนพลังงานแห่งชาติจะไม่เพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากถ่านหินจากเดิมที่กำหนดไว้เพื่อให้สอดรับกับแนวทางการลดก๊าซเรือนกระจกของไทย โดยโรงไฟฟ้าถ่านหินแม่เมาะทดแทนเครื่องที่ 8-9 (MMRP2) ขนาดกำลังการผลิต 600 เมกะวัตต์ของ กฟผ.จะเป็นโรงไฟฟ้าถ่านหินโรงสุดท้ายที่รัฐจะรับซื้อไฟฟ้าเข้าระบบ และบรรจุอยู่ในแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2561-2580 ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 1(PDP 2018 Rev.1) แล้ว ซึ่งปัจจุบันอยู่ในกระบวนการนำเสนอภาครัฐเพื่อพิจารณาอนุมัติการลงทุนในโครงการตามขั้นตอน โดยมีกำหนดจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) ภายในเดือน ม.ค. 2569 ดังนั้น ระยะยาวเมื่ออายุโรงไฟฟ้าหมดลงและเหมืองต้องทำการหยุดดำเนินการซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาราว 30 ปี กฟผ.เตรียมแผนการพัฒนาเหมืองแม่เมาะสู่โครงการเมืองอัจฉริยะ หรือแม่เมาะสมาร์ทซิตี้
นายบุญญนิตย์กล่าวว่า การพัฒนาแม่เมาะสมาร์ทซิตี้ กฟผ.มุ่งที่จะทำให้แม่เมาะเป็นเมืองต้นแบบใช้พลังงานหมุนเวียน โดยจะพัฒนาทั้งโซลาร์ฟาร์ม โรงไฟฟ้าชีวมวล และโรงไฟฟ้าที่เป็นพลังงานสะอาด อื่นๆ รวมถึงจะมีโรงไฟฟ้าแบบสูบกลับด้วย เพราะการขุดถ่านหินในปัจจุบันต้องขุดลงไปลึกตั้งแต่ 500 เมตร ถึง 1 กิโลเมตร ทำให้พื้นที่ด้านล่างของเหมืองมีน้ำ ดังนั้นทำให้พื้นที่ข้างบนกลายเป็นแอ่งน้ำ เหมือนเช่นเขื่อนลำตะคองที่มีลักษณะเป็นโรงไฟฟ้าแบบสูบกลับ ก็จะสามารถใช้เป็นแบตเตอรี่ก้อนใหญ่ให้กับประเทศได้ และสามารถรองรับกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนที่ในอนาคตมีแนวโน้มจะส่งขายไฟฟ้าผ่านระบบหลักมากขึ้น
“ขณะนี้ กฟผ.ได้มีโครงการศึกษานำเอาพืชเกษตรในพื้นที่ภาคเหนือมาผลิตเป็นเชื้อเพลิงอัดเม็ด เพื่อนำมาป้อนเป็นเชื้อเพลิงเผาพร้อมกับถ่านหิน ซึ่งจะช่วยลดการเผาถ่าน ลดการเผาป่า และลดการเผาพืชผลทางการเกษตรของชาวบ้านในพื้นที่ภาคเหนือที่เป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญของการเกิดมลพิษทางอากาศ หรือปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ไมครอนของประเทศ และที่สำคัญ เป็นการซื้อพืชจากเกษตรในพื้นที่ทำให้เกิดรายได้ คาดว่าจะเริ่มการผลิตได้ภายในปีนี้”