โนเกีย (Nokia) เผยผลสำรวจตลาดรับการเปิดตัวสมาร์ทโฟน 6 รุ่นใหม่อย่างเป็นทางการ พบปริมาณการใช้งานโทรศัพท์ทั่วโลกเพิ่มขึ้น 90 เปอร์เซ็นต์ในรอบทศวรรษ ขณะที่ผู้ใช้ 2 ใน 3 มองว่า สมาร์ทโฟนเริ่มมีราคาแพงเกินไป สถิติชี้ "ระยะเวลาการใช้งานหน้าจอโทรศัพท์มือถือ" เพิ่มขึ้นนานกว่าที่เคยเป็นมา ทำให้ 2 ข้อมูลอินไซต์นี้เป็นโจทย์หลักสำหรับสมาร์ทโฟน Nokia รุ่นใหม่ล่าสุด
สตีเฟ่น เทย์เลอร์ (Stephen Taylor) ประธานฝ่ายการตลาดของเอชเอ็มดี โกลบอล เจ้าของลิขสิทธิ์การจัดจำหน่ายสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์เสริมแบรนด์โนเกียทั่วโลก กล่าวว่า การสำรวจครั้งนี้ของบริษัทไม่เพียงเน้นย้ำถึงความรักที่ผู้คนทั่วโลกมีต่อโทรศัพท์ของตัวเองเท่านั้น แต่ยังแสดงว่าผู้ใช้มีความต้องการโทรศัพท์มือถือที่ไว้วางใจได้มากขึ้น ว่าจะทำให้ข้อมูลทั้งหมดปลอดภัย และสามารถเก็บไว้ได้นานขึ้น
"โทรศัพท์ใหม่ทั้ง 6 รุ่นของเราที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อเร็วๆ นี้ ตอบข้อกังวลที่ผู้บริโภคทั่วโลกให้ความสนใจ ประสิทธิภาพพร้อมคุณภาพสูงของโทรศัพท์จะยังคงอยู่ตลอดการใช้งานเป็นเวลาหลายปี ทุกเครื่องจะได้รับการอัปเดตซอฟต์แวร์เป็นประจำเพื่อยกระดับความปลอดภัยตลอดเวลา ไม่ว่าเครื่องนั้นจะมีราคาระดับใดก็สามารถทำงานบนแพลตฟอร์ม Android ล่าสุดได้"
โนเกียย้ำว่า การเปิดตัวสมาร์ทโฟน 6 รุ่นใหม่เป็นไปตามแนวคิดการวางเป้าหมายช่วยให้สมาร์ทโฟนมีราคาย่อมเยาและใช้งานได้ยาวนานขึ้น เป็นการสนับสนุนให้ผู้ใช้ทั่วโลกเก็บรักษาและใช้งานโทรศัพท์ได้นานวันกว่าเดิม โดย 6 สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดจากผู้ผลิตโทรศัพท์สัญชาติฟินแลนด์ ถูกออกแบบมาให้สอดคล้องกับรายงานเทรนด์โลกที่พบว่า 69 เปอร์เซ็นต์ของผู้ใช้คิดว่าสมาร์ทโฟนมีราคาแพงเกินไป และ 81 เปอร์เซ็นต์ต้องการโทรศัพท์ที่สามารถรองรับการใช้งานได้แม้เวลาจะผ่านไปนานปี เช่นเดียวกับตลาดในประเทศไทย 58 เปอร์เซ็นต์คิดว่าสมาร์ทโฟนในตลาดราคาสูงเกินไป และ 95 เปอร์เซ็นต์ ต้องการสมาร์ทโฟนที่มีอายุการใช้งานนานขึ้น
ผลการวิจัยล่าสุดยังพบว่า ผู้คนพึ่งพาโทรศัพท์มากขึ้น จนมีการจับสัมผัสเครื่องเฉลี่ย 142 ครั้งต่อวัน เฉลี่ยแล้วมีการใช้เวลาในการมองหน้าจอ 18 ชั่วโมง 12 นาทีต่อสัปดาห์ ซึ่งเทียบเท่ากับการดูซีรีส์ดัง Game of Thrones ต่อเนื่อง 2 ภาคแรก โดยชาวไทยใช้เวลาในการดูหน้าจอโทรศัพท์มือถือเฉลี่ย 11.5 ชั่วโมงต่อวัน ชาวโคลอมเบียใช้เวลาส่วนใหญ่ดูหน้าจอน้อยกว่า 5 ชั่วโมงต่อวัน ในขณะที่เยอรมนีและโปรตุเกสติดหน้าจอน้อยที่สุดคือ 2 ชั่วโมงต่อวัน
ที่น่าสนใจคือ สถิติการใช้โทรศัพท์มือถือทั่วโลกเพิ่มขึ้นถึง 90 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ในประเทศไทยเพิ่มขึ้น 95 เปอร์เซ็นต์ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา โดย 83 เปอร์เซ็นต์ของผู้ใช้งานทั่วโลกยอมรับว่า "รัก" โทรศัพท์ของตน ขณะที่ด้านคนไทยพบ 98 เปอร์เซ็นต์ โดย "ความรัก" นี้แปลว่าโทรศัพท์มือถือกลายเป็นศูนย์กลางในทุกส่วนของชีวิตคนยุคดิจิทัลจากผู้ใช้มือถือคนไทยปี 2020-2021 โดย 3 อันดับแรกพบ 91% เปอร์เซ็นต์ หันมาใช้โทรศัพท์มือถือเพื่อการชำระเงิน สำหรับทำธุรกรรมต่างๆ รองลงมา 88 เปอร์เซ็นต์ ชอปปิ้งออนไลน์จากเว็บไซต์ และโซเชียลมีเดียต่างๆ เช่น Instragram Facebook และ 86 เปอร์เซ็นต์ เลือกทำงานต่างๆ บนโทรศัพท์
5 รูปแบบยอดนิยมของการใช้โทรศัพท์ทั่วโลก ได้แก่ ใช้ท่องอินเทอร์เน็ต ดูโซเชียลมีเดีย ฟังเพลง เล่นเกม และส่งข้อความ
นอกจากนี้ การสำรวจพบว่าความไว้วางใจเป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกโทรศัพท์มือถือคู่กาย การสำรวจพบว่า 51.9 เปอร์เซ็นต์ของคนไทยยอมรับว่า "การรู้ว่าโทรศัพท์ของตัวเองปลอดภัย" นั้นสำคัญมาก อย่างไรก็ตาม 39 เปอร์เซ็นต์ยอมรับว่าจะตัดสินใจรออย่างน้อย 2 สัปดาห์เพื่อดาวน์โหลดการอัปเดตด้านความปลอดภัย โดย 1 ใน 3 หรือ 29 เปอร์เซ็นต์ ไม่รู้ว่าโทรศัพท์ของตัวเองมีการอัปเดตด้านความปลอดภัยล่าสุดหรือไม่ ทำให้เกิดความเสี่ยงถูกคุกคามและถูกแฮก ในขณะที่ 1 ใน 3 หรือ 34 เปอร์เซ็นต์ ไม่ลงมือดาวน์โหลดการอัปเดตใดๆ เลยด้วยความเชื่อว่าไม่ต้องทำอะไร
ขณะเดียวกัน สาเหตุ 5 อันดับแรกที่ทำให้ผู้ใช้ไม่ดาวน์โหลดการอัปเดตด้านความปลอดภัย คือ บางกลุ่มมีความคิดว่าไม่ต้องทำอะไรเลย (34 เปอร์เซ็นต์) ขณะที่บางกลุ่มกังวลว่าโทรศัพท์จะทำงานช้าลง (13 เปอร์เซ็นต์) ยังมีความรู้สึกห่วงว่าการอัปเดตจะใช้พื้นที่บนโทรศัพท์มากเกินไป (8 เปอร์เซ็นต์) ความเชื่อว่าการอัปเดตจะทำให้โทรศัพท์มือถือล้าสมัยตกรุ่น (7 เปอร์เซ็นต์) และความเชื่อว่าผู้ให้บริการโทรศัพท์จะสามารถสอดแนมได้ (2 เปอร์เซ็นต์)
สำหรับระยะเวลาที่ผู้ใช้ถือครองโทรศัพท์ โดยเฉลี่ยแล้วพบว่า มีการรอน้อยกว่า 3 ปีก่อนที่จะเปลี่ยนโทรศัพท์ มีเพียง 1 ใน 3 หรือ 33 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่เก็บโทรศัพท์ไว้ได้นานกว่า 3 ปี อย่างไรก็ตาม 3 ใน 4 หรือ 73 เปอร์เซ็นต์ ยอมรับว่าต้องการเก็บโทรศัพท์ไว้ใช้งานได้นานขึ้น และ 78 เปอร์เซ็นต์จะใช้งานโทรศัพท์นั้นต่อเนื่องหากอุปกรณ์ยังคงประสิทธิภาพการทำงานเมื่อเวลาผ่านไป 1 ใน 2 หรือ 50 เปอร์เซ็นต์ กังวลว่าการอัปเกรดเครื่องอย่างต่อเนื่องจะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมโลก โดย 1 ใน 3 หรือ 38 เปอร์เซ็นต์ ห่วงเกี่ยวกับการสร้างขยะอิเล็กทรอนิกส์มากเกินไป
ทั้ง 6 สมาร์ทโฟนที่ Nokia เปิดตัวประกอบด้วย 3 กลุ่มผลิตภัณฑ์ ได้แก่ ซีรีส์ X คือ Nokia X20 และ Nokia X10 ที่เด่นเรื่องคุณภาพและประสบการณ์เหนือระดับที่คุณจะต้องหลงรัก พร้อมความทนทานเป็นพิเศษ นอกนั้นเป็น ซีรีส์ G ทั้ง Nokia G20 และ Nokia G10 ซึ่งถูกการันตีเป็นนวัตกรรมใหม่ในแพกเกจที่ปลอดภัย รองรับด้วยแบตเตอรี่ที่มีอายุการใช้งานที่ยาวนานที่สุด และซีรีส์ C คือ Nokia C10 และ Nokia C20 สมาร์ทโฟนที่ถูกโฆษณาว่าควรมีไว้ในครอบครอง เพราะสามารถใช้งานได้นานหลายปี ด้วยความทนทานอันเป็นเอกลักษณ์