xs
xsm
sm
md
lg

วีซ่าเผยคนไทย 45% มีแนวโน้มเลี่ยงการใช้เงินสด แม้ว่าการแพร่ระบาดสิ้นสุดลง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



วีซ่า ผู้ให้การให้บริการการชำระเงินดิจิทัลระดับโลก เผยข้อมูลที่น่าสนใจเพิ่มเติมจากการศึกษาเรื่องทัศนคติการชำระเงินของผู้บริโภคประจำปีของวีซ่า (Visa Consumer Payment Attitudes Study) ว่าเกือบครึ่งหนึ่งของผู้บริโภคชาวไทย หรือ 45% มีแนวโน้มที่จะหลีกเลี่ยงการใช้จ่ายด้วยเงินสดถึงแม้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จะสิ้นสุดลง

นอกจากนี้ การศึกษาฉบับนี้ยังได้เจาะลึกในเรื่องของกิจกรรมต่างๆ ที่ผู้บริโภคชาวไทยตั้งตารอเมื่อสถานการณ์ในปัจจุบันคลี่คลายลง โดย 3 กิจกรรมที่ผู้คนสนใจมากที่สุด คือ การท่องเที่ยวภายในประเทศคิดเป็น 35% การท่องเที่ยวไปยังจุดหมายปลายทางต่างประเทศที่ปลอดภัยจากโควิด-19 คิดเป็น 29% และการจัดทริปสั้นๆ ภายในเมืองที่อาศัยอยู่คิดเป็น 19%

นายสุริพงษ์ ตันติยานนท์ ผู้จัดการวีซ่า ประจำประเทศไทย กล่าวว่า วิกฤตการณ์โควิด-19 ที่เกิดขึ้นได้ส่งผลกระทบอย่างมหาศาลต่อความเป็นอยู่ รวมถึงด้านการงาน และการจับจ่ายของผู้คนทั้งในประเทศไทยและทั่วโลก เป็นเวลากว่า 1 ปีนับแต่การเริ่มระบาดของโควิด-19 เราได้จับตามองว่าเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในอดีตจะส่งผลอย่างไรต่อการดำรงชีวิตของเราในอนาคต ซึ่งวีซ่าเองได้ใช้โอกาสนี้ในการศึกษาและนำสิ่งที่เราค้นพบมาแบ่งปันด้วยความเชื่อที่ว่าในท้ายที่สุดสิ่งเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ให้ทุกคนเพื่อใช้ในการเตรียมตัวและวางแผนในการดำเนินธุรกิจต่อไปได้

นอกจากนี้ สถานการณ์ที่เกิดขึ้นยังเป็นตัวกระตุ้นให้ผู้บริโภคชาวไทยชอปปิ้งผ่านช่องทางใหม่ๆ ซึ่งช่องทางที่ผู้ตอบแบบสำรวจใช้เป็นครั้งแรกมากที่สุดหลังการเกิดวิกฤตการณ์โควิด-19 คือ การชอปผ่านแอปและเว็บไซต์คิดเป็น 65% การใช้บริการส่งตรงถึงบ้านหลังการสั่งซื้อทางโทรศัพท์กับร้านค้าในพื้นที่คิดเป็น 47% และการชอปผ่านโซเชียลมีเดียคิดเป็น 44%

สิ่งที่น่าสนใจ คือ กลุ่มผู้บริโภคชาวไทยได้ถูกปรับพฤติกรรมให้ต้องมีการคิดทบทวนเพื่อจัดลำดับความสำคัญในการใช้จ่ายไปโดยปริยาย โดยผลการศึกษาจากกลุ่มตัวอย่าง ชี้ให้เห็นว่า หมวดการใช้จ่ายที่มีการลดลงอย่างเห็นได้ชัดคือ การเดินทางท่องเที่ยวในต่างประเทศคิดเป็น 63% การไปชมภาพยนตร์หรือร่วมงานกิจกรรมต่างๆ คิดเป็น 60% การซื้อสินค้าฟุ่มเฟือย เช่น กระเป๋า นาฬิกา และเครื่องประดับคิดเป็น 60% การรับประทานอาหารในร้านอาหารแบบ Fine-dining คิดเป็น 58% การใช้บริการเสริมสุขภาพและความงาม คิดเป็น 57% และการซื้อเสื้อผ้าใหม่คิดเป็น 54%

นอกจากนี้ นอกเหนือไปจากเรื่องของการเดินทางท่องเที่ยวทั้งภายใน ต่างประเทศ และทริประยะสั้น ผลวิจัยยังพบว่า ผู้บริโภคชาวไทยเตรียมที่จะกลับไปซื้อสินค้าจำพวกแก็ดเจ็ตต่างๆ คิดเป็น 16% ของชำและของใช้ส่วนตัวคิดเป็น 15% และการออกไปรับประทานอาหารนอกบ้านและกิจกรรมเพื่อความบันเทิงนอกที่พักอาศัยคิดเป็น 10% โดยน้อยกว่าหนึ่งในสิบวางแผนที่จะเปลี่ยนเครื่องใช้ในบ้านใหม่คิดเป็น 9% และซื้อสินค้าแฟชั่นและเครื่องแต่งกายคิดเป็น 8%

"เราเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าการเปลี่ยนแปลงด้านพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เกิดขึ้นนี้จะกลายมาเป็นพฤติกรรมถาวรมากกว่าการเปลี่ยนแปลงเพียงชั่วคราว ซึ่งรวมถึงการเลือกใช้วิธีการชำระเงินแบบไร้สัมผัส อย่างเช่น การแตะเพื่อจ่ายผ่านบัตรหรือสมาร์ทโฟน ซึ่งมอบประสบการณ์ทางการชำระเงินที่ดีกว่า แถมยังปลอดภัยทั้งกับผู้ซื้อและผู้ขายอีกด้วย เราหวังว่าสถานการณ์จะกลับสู่สภาวะปกติได้โดยเร็ว และในขณะเดียวกัน วีซ่าเองได้มีการทำงานอย่างต่อเนื่องร่วมกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทางธุรกิจต่างๆ ทั้งในและนอกวงการธุรกิจด้านการชำระเงิน เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับอนาคตที่น่าจะใกล้เข้ามาก่อนเวลาที่ได้คาดการณ์ไว้"
กำลังโหลดความคิดเห็น