LINE MAN x Wongnai ตั้งเป้าขึ้นเป็นผู้นำแพลตฟอร์มอาหารอันดับ 1 ในประเทศไทย ใน 3 ปีข้างหน้า ภายใต้การสร้างอีโคซิสเตมส์ด้านอาหารแบบครบวงจร เชื่อการแข่งขันในอุตสาหกรรมนี้ยังดุเดือดต่อไปอีก 2-3 ปีข้างหน้า
ยอด ชินสุภัคกุล ซีอีโอ LINE MAN Wongnai กล่าวถึงการแข่งขันในตลาดบริการส่งอาหารว่า ปัจจุบันผู้ให้บริการแต่ละรายจะให้ความสำคัญในการทำตลาดที่แตกต่างกัน อย่างบางรายจะเน้นการนำเสนอโปรโมชันอย่างสม่ำเสมอ บางรายเน้นพาร์ตเนอร์ผู้ขับ ในขณะที่ทาง LINE MAN Wongnai จะให้ความสำคัญกับร้านอาหารเป็นหลัก
“ในตลาดนี้จะยังเห็นการแข่งขันที่ดุเดือดต่อไป โดยเฉพาะการทำแคมเปญส่งฟรี หรือส่วนลดค่าส่งอาหารต่างๆ ต่อไปอีกในช่วง 2-3 ปีข้างหน้านี้ ในขณะที่แต่รายก็จะเร่งเพิ่มบริการเข้ามาเสริมในการสร้างรายได้จากช่องทางอื่นแทน”
สำหรับที่ผ่านมา ตลาดบริการส่งอาหาร หรือ ฟูดเดลิเวอรีนั้น กลายเป็นอุตสาหกรรมที่มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด ซึ่งแต่เดิมมีการคาดการณ์ว่าในปีนี้จะมีการเติบโตไม่ต่ำกว่า 84% เพียงแต่ว่าเป็นการคาดการณ์ก่อนเกิดสถานการณ์โควิด-19 ทำให้เมื่อพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไป มีการใช้งานมากขึ้น ทำให้เชื่อว่าปีนี้จะเติบโตมากกว่านี้
ในส่วนของ LINE MAN Wongnai ซึ่งได้รับเงินลงทุนจาก BRV Capital Management 3,300 ล้านบาท จะถูกนำมาใช้ในการพัฒนาประสิทธิภาพในการให้บริการ ขยายฐานลูกค้า และปริมาณร้านอาหารให้ครอบคลุมมากขึ้น
“ธุรกิจนี้การทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ จะมีผลอย่างมากต่อการควบคุมต้นทุนในการให้บริการ โดยเฉพาะในตลาดที่มีการแข่งขันค่อนข้างสูง การนำเทคโนโลนีเข้ามาช่วยลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพ และขยายการให้บริการออกไปจะเป็นพื้นฐานให้ธุรกิจประสบความสำเร็จในอนาคต”
โดยเป้าหมายในระยะสั้น หรือช่วง 1 ปีนี้ LINE MAN Wongnai จะเน้นการทำงานร่วมกับทุกฝ่าย ทั้งการขยายพื้นที่ให้บริการไปยังหัวเมืองใหญ่ 20 จังหวัด ภายในสิ้นปีนี้ พร้อมพัฒนาฟีเจอร์ให้บริการแก่ร้านอาหารเพิ่มเติม เป็นเครื่องมือในการเชื่อมต่อผู้ใช้งานเข้ากับร้านอาหาร
ขณะที่เป้าหมายระยะยาว คือ การตั้งเป้าหมายเป็นแพลตฟอร์มด้านอาหารอันดับ 1 ของประเทศไทย เพราะมองว่าปัจจุบันธุรกิจอาหารมีโอกาสที่จะสร้างยูนิคอร์นให้เกิดขึ้นในประเทศไทย เนื่องจากแอปพลิเคชันอื่นที่คนไทยใช้งานหลักๆ มีแพลตฟอร์มต่างชาติครอบครองไปหมดแล้ว
“การร่วมทำงานระหว่าง LINE MAN Wongnai และ LINE จะเข้มข้นมากขึ้น เพราะ LINE นับเป็นผู้ถือหุ้นหลักของบริษัท ซึ่งจะส่งผลให้การวางเป้าหมายเป็นสตาร์ทอัปที่มีมูลค่าเกิน 1,000 ล้านเหรียญ หรือการเป็นยูนิคอร์นนั้นเป็นภารกิจของบริษัทเช่นกัน”
สำหรับภาพรวมของการให้บริการ LINE MAN ในช่วงที่ผ่านมามีลูกค้าที่เข้าใช้งานเป็นประจำทุกเดือนราว 3 ล้านราย ส่วนของ Wongnai มีจำนวนผู้ใช้งานต่อเดือนราว 10 ล้านราย ซึ่งเชื่อว่าหลังจากรวมกันเป็น LINE MAN Wongnai จะสามารถเพิ่มจำนวนลูกค้าที่เข้ามาใช้งานให้เติบโตขึ้นได้
สำหรับการควบรวมกิจการระหว่าง LINE MAN Wongnai นั้น มีผลตั้งแต่วันที่ 2 กันยายนที่ผ่านมา โดยพนักงานของ LINE MAN จะย้ายไปทำงานที่ตึก T-One ที่เป็นสำนักงานในปัจจุบันของ LINE MAN Wongnai โดยมีจำนวนพนักงานรวมกันราว 600 คน