xs
xsm
sm
md
lg

“พุทธิพงษ์” ยันสั่งปิดเพจตามคำสั่งศาลไม่ละเมิดสิทธิส่วนบุคคล ไม่ได้รังแก “เฟซบุ๊ก”

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์
“พุทธิพงษ์” มั่นใจปิดเพจเฟซบุ๊กไม่ละเมิดสิทธิส่วนบุคคล ยันทำตามกฎหมายเพื่อปกป้องอธิปไตยไซเบอร์ที่มาเร็วและน่ากลัว พร้อมเดินหน้าส่งหนังสือปิดเพจไม่เหมาะสม

นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวว่า กรณีเฟซบุ๊กแถลงการณ์จะฟ้องรัฐบาลไทยประเด็นบังคับให้เฟซบุ๊กปิดกั้นเพจไม่เหมาะสมตามคำสั่งศาลเพราะเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลนั้น ทางกระทรวงดีอีเอสยังไม่ได้รับจดหมายอย่างเป็นทางการ จะมีก็เพียงแถลงการณ์ผ่านสื่อเท่านั้น

ดังนั้น จึงยังไม่ทราบกระบวนการทางกฎหมาย ซึ่งกระทรวงดีอีเอสมีทีมกฎหมายเพื่อศึกษาเรื่องดังกล่าวด้วยว่าต้องขึ้นศาลที่ประเทศไทย หรือต่างประเทศ แต่กระทรวงดีอีเอส ยืนยันว่า ไม่เคยรังแกใคร เป็นการดำเนินการกฎหมายที่ถูกต้องทุกประการ เป็นการปกป้องอธิปไตยไซเบอร์ที่มาเร็วและน่ากลัว และเมื่อกระทรวงดีอีเอสแจ้งให้ลบพร้อมแนบคำสั่งศาล ทุกแพลตฟอร์มให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ทั้งยูทูป ติ๊กต็อก หรือแม้กระทั่งเฟซบุ๊กเอง ที่กระทรวงดีอีเอสแจ้งให้ปิดตั้งแต่วันที่ 10 ส.ค. 2563 จำนวน 1,129 ยูอาร์แอล ตามคำสั่งศาล 33 คำสั่งของช่วงเดือน เม.ย.-มิ.ย. 2563 ให้ปิดภายใน 15 วัน เมื่อวันที่ 24 ส.ค. 2563 เฟซบุ๊กได้ดำเนินการปิดกั้นครบแล้วในเวลาประมาณเกือบ 23.00 น. จึงเชื่อว่าไม่น่าจะมีการฟ้องร้องประเทศไทย

นายพุทธิพงษ์กล่าวว่า หากพูดถึงประเด็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลนั้น ตนมองว่าเรื่องการบูลลี่ หรือนำทัวร์ลงในเพจของคนที่มีความคิดเห็นต่างมากกว่าที่น่าเป็นห่วงเพราะส่งผลกระทบให้ตัวบุคคลที่ถูกกลั่นแกล้งถูกไล่ออกจากงาน หรือกระทบกระเทือนจิตใจ ควรถูกดำเนินการตามกฎหมาย ผู้ถูกกระทำสามารถแจ้งความตามกฎหมายคอมพิวเตอร์ได้


ส่วนประเด็นเรื่องการถอนการลงทุนในประเทศไทยนั้น ตนมองว่าเป็นเรื่องปกติของนักลงทุนต่างชาติที่จะลงทุนในประเทศไหน จึงมองว่าเป็นคนละเรื่องกัน การที่ประเทศไทยบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด น่าจะเป็นสิ่งที่ดึงดูดนักลงทุนมากกว่ากฎหมายไม่ศักดิ์สิทธิ์ เพราะส่งผลต่อความเชื่อมั่นในการลงทุนมากกว่า ขนาดประเทศสหรัฐอเมริกาเองก็ยังบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง กระทรวงดีอีเอสยืนยันว่าไม่กระทบต่อการเจรจาเรื่องธุรกิจหรือความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่เคยมีต่อกันแต่อย่างใด ประเทศไทยพร้อมสนับสนุนทุกด้านเรื่องการลงทุน

ทั้งนี้ กระทรวงดีอีเอสยังคงดำเนินการส่งหนังสือแจ้งเตือนการติดตามการปิดกั้นตามคำสั่งศาลอีก จำนวน 1,024 ยูอาร์แอล ไปยังสื่อสังคมออนไลน์/เว็บไซต์ต่างๆ แบ่งเป็น เฟซบุ๊ก จำนวน 661 ยูอาร์แอล ยูทูป 289 ยูอาร์แอล ทวิตเตอร์ 69 ยูอาร์แอล และเว็บอื่นๆ จำนวน 5 ยูอาร์แอล ต้องดำเนินการภายใน 15 วัน โดยให้ความมั่นใจว่ามีการติดตามให้ทุกแพลตฟอร์มต้องปฏิบัติตามคำสั่งศาล ซึ่งกระทรวงดีอีเอสไม่ได้เลือกปฏิบัติแต่อย่างใด

เนื่องจากเป็นการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2560 มาตรา 27 ซึ่งระบุไว้ว่า “ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของศาลหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ที่สั่งตามมาตรา 18 หรือมาตรา 20 หรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของศาลตามมาตรา 21 ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองแสนบาท และปรับเป็นรายวันอีกไม่เกินวันละห้าพันบาทจนกว่าจะปฏิบัติให้ถูกต้อง” ซึ่งหมายความว่าแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์รายใดไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลที่ให้ลบหรือปิดเนื้อหาผิดกฎหมาย จะมีทั้งโทษปรับและปรับรายวันอีก จนกว่าจะยอมแก้ไข


กำลังโหลดความคิดเห็น