“พุทธิพงษ์” เดินหน้าส่งจดหมายถึงเฟซบุ๊ก จี้ปิดเว็บผิดกฎหมายภายใน 15 วัน ชี้หากเพิกเฉยผิดกฎหมาย โดนทั้งคดีแพ่ง และ อาญา เผยเพจอาสา "จับตา ออนไลน์” เปิดตัวสัปดาห์แรก ประชาชนร่วมแจ้งเบาะแส 1,050 ยูอาร์แอล
นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวว่า กระทรวงดีอีเอส ได้ดำเนินการส่งหนังสือแจ้งไปยังเฟซบุ๊กทั้งในประเทศไทย และประเทศสิงคโปร์ ให้ดำเนินการปิดกั้นเว็บไซต์ผิดกฎหมายที่มีคำสั่งศาลแล้ว 1,129 ยูอาร์แอล ซึ่งเป็นยูอาร์แอลที่ผิดกฎหมายตั้งแต่เดือน เม.ย.-มิ.ย.2563 แต่เฟซบุ๊กเพิกเฉย อ้างว่าไม่ได้รับหนังสือจากกระทรวงดีอีเอส ดังนั้น นับจากวันนี้ไปอีก 15 วัน หากเฟซบุ๊กยังเพิกเฉยอยู่ กระทรวงดีอีเอสจะดำเนินการทางกฎหมาย
เนื่องจากเป็นการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2560 มาตรา 27 ซึ่งระบุไว้ว่า “ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของศาลหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ที่สั่งตามมาตรา 18 หรือมาตรา 20 หรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของศาลตามมาตรา 21 ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองแสนบาท และปรับเป็นรายวันอีกไม่เกินวันละห้าพันบาทจนกว่าจะปฏิบัติให้ถูกต้อง” ซึ่งหมายความว่าแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์รายใดไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลที่ให้ลบหรือปิดเนื้อหาผิดกฎหมาย จะมีทั้งโทษปรับและปรับรายวันอีก จนกว่าจะยอมแก้ไข
สำหรับการดำเนินคดีนั้น กระทรวงดีอีเอสอาจจะดำเนินคดีทั้งทางอาญา และแพ่ง ตามสมควรที่จะดำเนินการได้ ซึ่งเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา กระทรวงดีอีเอสได้ตั้งคณะกรรมการเปรียบเทียบค่าปรับเพื่อมาประเมินค่าปรับในเรื่องดังกล่าวแล้ว โดยมีคณะกรรมการประกอบด้วย ตัวแทนจากสำนักงานอัยการสูงสุด ตัวแทนกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) และตัวแทนจากกระทรวงดีอีเอส เป็นต้น
นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า กระทรวงดีอีเอส ไม่สนใจว่าสำนักงานเฟซบุ๊กในไทยมีหน้าที่แค่ทำการตลาด หรือเฟซบุ๊กในประเทศสิงคโปร์ เป็นผู้รับผิดชอบ เพราะทั้ง 2 บริษัท คือ เฟซบุ๊ก เขาคือ บริษัทเดียวกัน ดังนั้นจึงเป็นเรื่องของเขาที่ต้องประสานงานและรับผิดชอบร่วมกัน กระทรวงดีอีเอสยืนยันว่าได้ส่งหนังสือไปทั้ง 2 แห่ง และเฟซบุ๊กต้องปฏิบัติตามกฎหมายของประเทศไทย ทุกยูอาร์แอลที่กระทรวงดีอีเอสส่งไปนั้นมีคำสั่งศาลทั้งสิ้นว่าผิดกฎหมาย
สำหรับความคืบหน้าในการเปิดตัว “เพจอาสาจับตาออนไลน์” เพื่อเป็นช่องทางสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนในการแจ้งเบาะแส พบว่า ในช่วง 1 สัปดาห์แรกของการเปิดตัว มีผู้ส่งข้อมูลแจ้งเบาะแสสื่อสังคมออนไลน์ หรือ เว็บผิดกฎหมายเข้ามาแล้ว จำนวน 1,050 ยูอาร์แอล โดยจากการตรวจสอบพบว่า เข้าข่ายเป็นการดำเนินการกระทำความผิดตามกฎหมาย จำนวน 317 ยูอาร์แอล
ทั้งนี้ หลังผ่านกระบวนการตรวจสอบ รวบรวมหลักฐาน ได้ดำเนินการยื่นศาลขอปิดกั้น จำนวน 181 ยูอาร์แอล และศาลมีคำสั่งแล้ว 7 ยูอาร์แอล มีเรื่องอยู่ระหว่างตรวจสอบข้อกฎหมาย 101 ยูอาร์แอล และเป็นความผิดส่วนตน (หลอกลวงถูกฉ้อโกง) จำนวน 35 ยูอาร์แอล (ให้คำปรึกษาประชาชนในการแจ้งความแล้ว)
ปัจจุบัน กระทรวงดีอีเอส ได้เร่งรัดระบบรับเรื่องร้องเรียนสื่อออนไลน์ให้รวดเร็วยิ่งขึ้น กระบวนการรวบรวมและตรวจสอบหลักฐานต่างๆ ต้องเสร็จสิ้นภายใน 48 ชั่วโมง แล้วส่งให้ศาลอนุมัติคำสั่ง เพื่อทางตำรวจกองบก.ปอท. และตำรวจที่เกี่ยวข้องไปตามจับผู้กระทำผิดได้โดยเร็ว ตลอดจนส่งต่อไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปิดเว็บหรือลบเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม โดยที่ผ่านมา เฉพาะครึ่งแรกของปี 2563 รับแจ้ง 8,715 เว็บ ส่งศาลเพื่อออกคำสั่งไปแล้วทั้งสิ้น 7,164 เว็บ
“ผมเชื่อเสมอว่าประชาชนเป็นหูเป็นตาที่ดีที่สุด เมื่อพบสื่อสังคมออนไลน์หรือเว็บผิดกฎหมาย แจ้งได้ทุกเรื่องที่เพจ “อาสา จับตา ออนไลน์” ทาง inbox m.me/DESMonitor จะมีเจ้าหน้าที่รับเรื่องและตรวจสอบตลอด 24 ชั่วโมง พิจารณาข้อมูลร้องเรียนตามข้อกฎหมายและตอบกลับโดยเร็ว” นายพุทธิพงษ์ กล่าว