“ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์” นักวิชาการไทยซึ่งลี้ภัยอยู่ในประเทศญี่ปุ่น ก่อตั้งกลุ่มใหม่ที่ใช้ชื่อว่า“รอยัลลิสต์มาร์เก็ตเพลส-ตลาดหลวง” หลังอ้างว่ากลุ่มเก่าถูกรัฐบาลไทยมีคำสั่งบังคับให้บล็อกการเข้าถึงกลุ่มเนื่องจากมีการเผยแพร่เนื้อหาวิพากษ์วิจารณ์ดูหมิ่นสถาบันเบื้องสูง พบกลุ่มใหม่มีสมาชิกเข้าร่วมแล้วกว่า 4 แสนราย
จากกรณีเฟซบุ๊กประกาศเตรียมฟ้องร้องดำเนินคดีต่อรัฐบาลไทยกรณีมีคำสั่งบังคับให้บล็อกการเข้าถึงกลุ่ม ‘รอยัลลิสต์ มาร์เกตเพลส’ มีสมาชิกกว่า 1 ล้านคน ซึ่งก่อตั้งโดยนายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ นักวิชาการ และผู้ต้องหาคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ซึ่งลี้ภัยอยู่ในประเทศญี่ปุ่น เนื่องจากมีการเผยแพร่เนื้อหาวิพากษ์วิจารณ์ดูหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ต่อมา นายปวิน ประชาสัมพันธ์เฟซบุ๊กกลุ่มใหม่ที่ชื่อ “รอยัลลิสต์มาร์เก็ตเพลส-ตลาดหลวง” เมื่อเวลาประมาณ 12.30 น. ของวันที่ 25 ส.ค. กลุ่มดังกล่าวมีสมาชิกเข้าร่วมแล้วกว่า 4 แสนคน
อย่างไรก็ตาม กลุ่ม “รอยัลลิสต์ มาร์เกตเพลส” ก่อตั้งขึ้นเมื่อ 16 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยนายปวิน มีเนื้อหาส่วนมากเป็นการวิพากษ์วิจารณ์ประเด็นสถาบันฯ และการเมือง
เมื่อวันที่ 10 ส.ค.ที่ผ่านมา นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ระบุว่า เผยส่งข้อมูลไปแพลตฟอร์มต่างประเทศลบเพจบิดเบือนแล้ว ย้ำไม่ดำเนินการภายใน 15 วัน ผิดโทษอาญา-โทษปรับ สอดคล้องกับเมื่อวันที่ 1 ส.ค.ที่ผ่านมา เฟซบุ๊ก 'Sermsuk Kasitipradit' ของ เสริมสุข กษิติประดิษฐ์ หรือเป๊ปซี่ นักข่าวชื่อดัง โพสต์คำสั่งศาลอาญาเมื่อเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา สั่งปิดที่อยู่เว็บไซต์ (URL) จำนวน 24 แห่ง ที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมร้อง โดยระบุว่ามีเนื้อหาอันเข้าข่ายเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร โดยอาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2559 และแก้ไขเพิ่มเติม ม.14 (3) ประกอบ ม.20 หนึ่งในนั้นคือเฟซบุ๊กกลุ่ม 'รอยัลลิสต์มาร์เก็ตเพลส'
นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 19 ส.ค. นายภุชพงค์ โนดไธสง รองปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) พร้อมด้วย นายสัจจะ โชคบุญส่งสวัสดิ์ รักษาการ ผู้อำนวยการกองป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดทางเทคโนโลยีและสารสนเทศ เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.กฤช เสนีย์วงศ์ ณ อยุธยา รอง ผกก.(สอบสวน) กก.3 บก.ปอท. เพื่อแจ้งความดำเนินคดีผู้บริหารเพจเฟซบุ๊ก “รอยัลลิสต์ มาร์เกตเพลส” และผู้เกี่ยวข้อง ร่วมกันนำเข้าข้อมูลอันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์