xs
xsm
sm
md
lg

Red Hat ไปได้สวยหลังรวม IBM ชู “พันธมิตรเอเชียแปซิฟิก” กำลังหลักพารายได้ทะยาน 70% ของรายได้ทั่วโลก

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


แอนดรูว์ แฮปกู๊ด
เร้ดแฮท (Red Hat) ขยายธุรกิจชัดเจน หลังถูกไอบีเอ็ม (IBM) ซื้อไปในกรกฎาคมปี 2562 โชว์ตัวเลขจำนวนพันธมิตรของเร้ดแฮทในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกยังคงเติบโตต่อเนื่อง ย้ำโควิด-19 ทำให้ระบบงานออโตเมชันที่สามารถควบคุมการทำงานจากระยะไกลมีความสำคัญมากขึ้นส่งให้ตลาดไฮบริดคลาวด์ขยายไปพร้อมกับการทำดิจิทัลทรานสฟอร์เมชันที่ยังคงเพิ่มขึ้นในช่วงการระบาด ชี้ความท้าทายปีนี้ยังอยู่ที่การตอบโจทย์ลูกค้าให้เร็วและเหมาะสมตามความต้องการที่แตกต่าง

นายแอนดรูว์ แฮปกู๊ด ผู้อำนวยการอาวุโสและหัวหน้าฝ่ายหุ้นส่วนและพันธมิตร เร้ดแฮท เอเชียแปซิฟิก กล่าวในงานประชุมพันธมิตรในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก วันที่ 20 สิงหาคม 2563 ว่า จำนวนพันธมิตรของเร้ดแฮทไม่ได้ลดลงแม้จะมีการควบรวมกิจการกับไอบีเอ็ม ซึ่งนอกจากไอบีเอ็มแล้ว ไมโครซอฟท์ (MIcrosoft) และเอดับลิวเอส (AWS) ยังเป็นพันธมิตรระดับโลกที่สำคัญ โดยล่าสุด เร้ดแฮตมีพันธมิตรในเอเชียแปซิฟิกมากกว่า 3,900 ราย ซึ่งจะร่วมกันเข้าถึงความต้องการของลูกค้าเพื่อพัฒนาโซลูชันโอเพ่นซอร์สที่หลากหลายขึ้นอีกในอนาคต

“เร้ดแฮตเคยทำงานกับไมโครซอฟท์เมื่อ 5 ปีที่แล้ว ทำให้เกิดเป็นหนึ่งในฟีเจอร์ที่ผู้ใช้ต้องการมากที่สุดซึ่งทั้งเร้ดแฮทและไมโครซอฟท์เองก็ต้องการด้วยอะเมซอน (Amazon) ก็เช่นกันทั้งหมดเป็นพันธมิตรมานานเป็นเพื่อนกันและเป็นทางเลือกให้ลูกค้าด้วย ดังนั้น ผู้ที่ชอบคลาวด์ของใครก็สามารถชอบเร้ดแฮทได้ไม่ใช่ว่าต้องไม่เกี่ยวข้องกัน”

แอนดรูว์ ระบุว่า จำนวนพันธมิตรทั้งหมดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมีมากกว่า 3,900 ราย ตัวเลขนี้เพิ่มขึ้นต่อเนื่องในช่วง 1 ปีหลังการควบรวมกิจการกับไอบีเอ็มอย่างเป็นทางการ จำนวนพันธมิตรที่เพิ่มขึ้นส่งให้ธุรกิจที่ขับเคลื่อนโดยพันธมิตรของเร้ดแฮทคิดเป็น 70% ของรายได้รวมทั่วโลกของบริษัท ชัดเจนว่า เร้ดแฮทมีตลาดหลักอยู่ที่ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยยอดการขายและการรับรองทางเทคนิค (sales and technical accreditations) ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมีจำนวนใกล้เคียงกับปี 2562 ทั้งปี

ใน 3,900 รายนี้มีพันธมิตรผู้จำหน่ายซอฟต์แวร์อิสระ (ISV) รวมอยู่ไม่น้อย ทำให้เร้ดแฮทมีกลไกที่ทำให้บริษัทสามารถเข้าใจและเข้าถึงลูกค้ารายย่อยได้ดี ประเด็นนี้แอนดรูว์อธิบายเพิ่มว่า พันธมิตรจำนวนมากจะทำให้เร้ดแฮทเปลี่ยนแปลงและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ได้ดีกว่าเดิม จากการทำงานกับทุกฝ่ายทั้งลูกค้าพันธมิตรชุมชนโอเพ่นซอร์สและคู่แข่ง



นอกจากไอบีเอ็มแล้ว MIcrosoft และ AWS ยังเป็นพันธมิตรระดับโลกที่สำคัญของ Red Hat
เร้ดแฮทเชื่อว่าภาวะนิว นอร์มัล ซึ่งเป็นผลจากพฤติกรรมผู้คนที่เปลี่ยนแปลงไปเพราะโควิด-19 จะทำให้เกิดการเชื่อมโยงและใช้งานโซลูชันไอทีที่มากขึ้น เทรนด์ที่เห็นชัดเจนคือการไปที่ระบบไฮบริดซึ่งสามารถรองรับได้ทั้งระบบงานเก่าและใหม่ กลายเป็นโซลูชันที่สำคัญที่สุดในอนาคต

“โควิด-19 ทำให้ตลาดมีความต้องการมากการทำงานจากบ้าน (WFH) ทำให้เกิดความต้องการระบบที่ควบคุมจากระยะไกลได้ การเชื่อมต่อยังเพิ่มข้อมูลในระบบให้ขยายตัวมหาศาล ทำให้ธุรกิจมีความจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนแปลงระบบงานเดิมที่ใช้อยู่” แอนดรูว์ระบุ “ออโตเมชันสำคัญมากช่วงโควิด-19 เพราะซัปพลายเชนและอินฟราสตรักเจอร์เริ่มซับซ้อน ธุรกิจจึงต้องการทำให้ง่ายขึ้น ส่วนที่ 2 คือดิจิทัลทรานสฟอร์เมชันจะยังเพิ่มขึ้นเพราะองค์กรไม่สามารถหยุดพัฒนาทั้งธนาคารและค้าปลีกจะยังมีการลงทุน ซึ่งเร้ดแฮทมีพอร์ตโฟลิโอที่แข็งแกร่งมาก พร้อมทำตลาดในช่วงการระบาด”

เมื่อถามถึงความท้าทายในปีนี้ผู้บริหารเร้ดแฮต มองว่า ธุรกิจมีเส้นทางเดินไปได้หลายทางในอีโคซิสเต็ม ดังนั้น ความท้าทายจึงเป็นการตอบโจทย์ลูกค้าให้ทัน

“ยากมากแต่เราก็จะร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อทำให้ได้ ผมเองไม่ได้เดินทางมา 6 เดือนแล้วไม่ได้ไปหาพันธมิตรก็พยายามใช้อีเวนต์ออนไลน์เพื่อเชื่อมต่อสื่อสารกันให้ได้มากที่สุด”
กำลังโหลดความคิดเห็น