หลังจากมีข่าววุ่นวายว่ารัฐบาลอังกฤษสั่งแบนอุปกรณ์ 5G ของหัวเว่ย ล่าสุดผู้บริหารหัวเว่ย (Huawei) ประกาศว่าทุกประเทศควรส่งเสริมการลงทุนเครือข่ายใหม่อย่าง 5G โดยย้ำว่าหน่วยงานกำกับดูแลโทรคมนาคมจากทั่วโลกต้องทำงานร่วมกันเพื่อจัดการกับความท้าทายที่เกิดขึ้นหลังจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ยกความดีให้ 5G ในจีนที่ทำให้แดนมังกรสามารถจัดการกับโควิด-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เชื่อทุกคนต้องรับผิดชอบร่วมกันเพื่อโลกอนาคตที่ดีกว่า
แคทเธอรีน เฉิน (Catherine Chen) รองประธานอาวุโสและหัวหน้าคณะกรรมการ บริษัท หัวเว่ย กล่าวสุนทรพจน์ในงานประชุมออนไลน์ Better World Summit 2020 ว่าหน่วยงานกำกับดูแลด้านโทรคมนาคมในหลายประเทศควรต้องทำงานร่วมกันเพื่อจัดการกับความท้าทายที่เกิดขึ้นหลังการแพร่ระบาดของ COVID-19 ซึ่งจะจำเป็นต่อการสร้างอนาคตที่ครอบคลุมยิ่งขึ้นสำหรับทุกคน
“การเชื่อมต่อ ปัญญาประดิษฐ์ บริการคลาวด์ การจัดการข้อมูล และแอปพลิเคชัน เป็นส่วนที่ 5G มีส่วนร่วมมากที่สุด เรามองเห็นอนาคตที่เชื่อมโยง อัจฉริยะ และมีนวัตกรรมมากขึ้น แต่ก็ต้องทำให้แน่ใจว่านี่คืออนาคตที่ยั่งยืนและดีขึ้นสำหรับทุกคน”
โลกอนาคตที่ดีกว่าสำหรับทุกคนนั้นจำเป็นต้องมีความพยายามร่วมกัน ผู้บริหารหัวเว่ยอธิบายว่า ในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา เทคโนโลยีสารสนเทศมีการพัฒนาอย่างรวดเร็วทำให้ชีวิตของผู้คนและการทำงานง่ายขึ้นมาก แต่การแพร่ระบาดของ COVID-19 กลับสะท้อนว่าโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของหลายประเทศยังไม่ทันกับการพัฒนาทางเทคโนโลยี โดยล่าสุด ข้อมูลของ ITU ชี้ว่าประชากรกว่าครึ่งของโลกยังไม่สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ต หรือเข้าถึงเทคโนโลยีดิจิทัลอื่นๆ แม้ในขณะที่เศรษฐกิจในหลายๆ ประเทศชะลอตัวรัฐบาลต่างให้ความสำคัญต่อกลยุทธ์การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจมากขึ้น
และเนื่องจากหลายประเทศในหลายภูมิภาค เริ่มประสบความสำเร็จในการใช้มาตรการควบคุมการติดเชื้อเพื่อชะลอการแพร่กระจายของ COVID-19 กิจกรรมทางเศรษฐกิจในบางประเทศก็เริ่มกลับสู่ภาวะปกติ รัฐบาลหลายประเทศได้เปิดตัวแผนกระตุ้นเศรษฐกิจที่หลากหลาย อละไอซีทียังคงเป็นสถานที่สำคัญในแผนเหล่านี้
สำหรับประเทศจีน หัวเว่ยเผยว่าแผนโครงสร้างพื้นฐานใหม่ได้จัดสรรเงินกว่า 140,000 ล้านเหรียญสหรัฐเพื่อลงทุนใน 5G เพียงอย่างเดียวในอีก 5 ปีข้างหน้า สิ่งนี้คาดว่าจะทำให้เศรษฐกิจดิจิทัลของจีนเติบโตขึ้นกว่า 2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ และกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ
แม้กระทั่งสหภาพยุโรป ก็ยังได้ประกาศโครงการลงทุน 1.1 ล้านล้านยูโรเพื่ออัดฉีดและเร่งการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ ประเด็นนี้หัวเว่ยชี้ว่าการฟื้นฟูเศรษฐกิจก็ควรต้องคำนึงถึงการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล ซึ่งการนำประโยชน์ของเทคโนโลยีดิจิทัลมาสู่ทุกอุตสาหกรรมจะเพิ่มประสิทธิภาพและฟื้นฟูการเติบโตได้เร็วกว่าเดิม
สำหรับหัวเว่ย เจ้าพ่อเทคโนโลยีสัญชาติจีน ระบุว่า ยังคงมุ่งมั่นสร้างเมล็ดพันธุ์แห่งอนาคตสำหรับหลายโครงการ เพื่อพัฒนาความสามารถด้านไอซีทีในท้องถิ่นของหลายประเทศ จนถึงขณะนี้มีนักศึกษาเข้าร่วมกว่า 30,000 คนจาก 400 มหาวิทยาลัยใน 108 ประเทศและภูมิภาค แต่เนื่องจากการระบาดใหญ่ของโควิด-19 ทำให้หัวเว่ยย้ายโครงการมาทำบนออนไลน์ และเปิดให้นักเรียนเข้าร่วมมากขึ้นกว่าเดิม
“เมื่ออุตสาหกรรมจำนวนมากนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ ก็จะผลักดันเป้าหมายการพัฒนาเชิงกลยุทธ์ของสหประชาชาติที่ตั้งไว้ในปี 2030 หรือ 2030 Strategic Development Goals ได้ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับภาวะโลกร้อน”
นอกจากผู้บริหารหัวเว่ย งานนี้ยังมีวิทยากรรายอื่น ได้แก่ ผู้แทนจากกลุ่มกิจการโทรคมนาคม (ITU-R) สมาคมผู้ให้บริการสื่อสารเคลื่อนที่ (GSMA) สมาคมการแข่งขันโทรคมนาคมแห่งยุโรป (ECTA) กรมสื่อสารและเทคโนโลยีแอฟริกาใต้ สำนักงานเศรษฐกิจดิจิทัลและสังคมแห่งชาติของประเทศไทย สถาบันเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของจีน (CAICT) และสมาคมอุตสาหกรรมอินเทอร์เน็ตของเยอรมนี (ECO) ซึ่งถ่ายทอดประสบการณ์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในช่วงการระบาดของโควิด-19 ให้ผู้เข้าร่วมประชุมออนไลน์หลายพันคนจากกว่า 80 ประเทศ เพื่อตอกย้ำว่า นโยบายอุตสาหกรรมดิจิทัลสามารถส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจในประเทศได้ชัดเจน
