แม้จะเห็นภาพผู้ขับแกร็บ (Grab) ทั่วเมืองใหญ่จนสะท้อนภาพธุรกิจเติบโตชัดเจนในช่วงที่ผู้คนต้องอยู่บ้านเพื่อสกัดกั้นโควิด แต่ซีอีโอของแกร็บส่งสัญญาณถึงนักลงทุนว่าไวรัสนี้กำลังสร้างความท้าทายที่สำคัญให้บริษัท เพราะวิกฤตินี้ทำให้บริษัทต้องก่ายหน้าผากคิดหาวิธีการบริหารต้นทุนที่เหมาะสมให้ได้ ท่ามกลางธุรกิจร่วมเดินทางหรือ Ride-hailing ที่บาดเจ็บสาหัสในช่วงโควิดระบาดเพราะผู้คนงดออกจากบ้าน
แอนโธนี่ ตัน (Anthony Tan) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทแกร็บ โฮลดิงส์ ระบุผ่านสำนักข่าวบลูมเบิร์กว่า COVID-19 เป็นวิกฤตครั้งใหญ่ที่สุดที่ส่งผลกระทบต่อแกร็บในช่วง 8 ปีที่ดำเนินธุรกิจมา นอกจากจะมีผลกระทบต่อการดำเนินงานของธุรกิจแกร็บ ยังส่งผลต่อความเป็นอยู่ของคู่ค้าแกร็บด้วย ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความต้องการใช้บริการรถร่วมเดินทางหดหายไป ทำให้บริษัทพยายามชดเชยด้วยรายได้จากบริการจัดส่งอาหารที่แข็งแรงขึ้น
ภาวะนี้ทำให้ซีอีโอแกร็บชี้ว่า บริษัทจะมีการ “ตัดสินใจที่ยากลำบาก” และการเปลี่ยนแปลงหลายด้านในระหว่างที่ต้องประเมินผลกระทบต่อธุรกิจในภาพรวม น่าเสียดายที่แกร็บไม่บอกว่าการตัดสินใจนั้นคืออะไร หรือการเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดคือด้านไหน แต่ซีอีโอก็เน้นว่าแกร็บจะต้องเน้นเรื่องการปรับงบต้นทุนค่าใช้จ่ายให้เหมาะสม ขณะเดียวกันก็จะจัดการเงินทุนอย่างมีประสิทธิภาพ และจะปรับเปลี่ยนการดำเนินงานที่จำเป็นเพื่อรับมือกับวิกฤติ บนเส้นทางสู่ผลกำไรที่จับต้องได้
ปัจจุบัน แกร็บให้บริการในกว่า 300 เมือง 8 ประเทศทั่วเอเชีย ทั้งสิงคโปร์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ไทย ฯลฯ การประกาศครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซีอีโอแกร็บให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซีเอ็นบีซีว่าแม้รายได้รวมของแกร็บจะลดลงตั้งแต่การระบาดของไวรัส แต่ก็คาดการณ์ในแง่ดีว่าแกร็บจะมีสภาพคล่องเพียงพอที่จะผ่านพ้นภาวะถดถอยไปได้
ความเชื่อมั่นนี้มาจากมุมมองที่เชื่อว่าการขนส่งเป็นบริการที่จำเป็นสำหรับผู้คนส่วนใหญ่ ดังนั้นแกร็บจึงคาดว่าบริษัทจะฟื้นตัวได้แน่นอนเมื่อผู้คนเริ่มเดินทางอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม แกร็บรู้ดีว่าจะต้องปรับรูปแบบธุรกิจ รวมถึงจัดความสำคัญของบริการจัดส่งอาหารและสินค้าของชำให้เหมาะสมในเวลาที่ความต้องการพุ่งสูงขึ้นเนื่องจากลูกค้าไม่ออกไปนอกบ้าน
ซีอีโอแกร็บเผยว่าฐานนักลงทุนที่แข็งแกร่งทำให้แกร็บโชคดีที่มีสภาพคล่องเพียงพอที่จะทำให้บริษัทผ่านวิกฤตินี้ได้ ไม่ว่าภาวะถดถอยจะครอบคลุม 12 เดือนหรือ 36 เดือน คำนี้ไม่เกินจริงเพราะแกร็บแสดงความเงินถุงเงินถังด้วยการประกาศซื้อกิจการครั้งสำคัญช่วงเดือนกุมภาพันธ์ นั่นคือการซื้อกิจการสตาร์ทอัปชื่อเบนโตะ (Bento) ผู้พัฒนาระบบที่ปรึกษา AI แบบไม่เปิดเผยราคา
แกร็บยอมรับว่าการซื้อกิจการ Bento จะทำให้บริษัทให้บริการด้านการบริหารการเงินกับผู้ใช้แกร็บได้ โดยล่าสุดแกร็บเปลี่ยนชื่อ Bento เป็นหน่วยธุรกิจแกร็บอินเวสต์ (GrabInvest) แล้ว