การระบาดของไวรัสโคโรนาไม่ใช่ภาวะฉุกเฉินด้านสุขภาพของชาวโลกเท่านั้น แต่ยังส่งผลถึงการหยุดชะงักในตลาดเศรษฐกิจ ตลอดจนการเดินทางระหว่างประเทศ การหยุดชะงักนี้เล่นงานอุตสาหกรรมเทคโนโลยีทั่วโลกหลายส่วน ท่ามกลางเสียงฟันธงของนักวิเคราะห์ว่าการแพร่ระบาดของไวรัสอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน อาจส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อภาคการผลิตอุปกรณ์ไอทีอย่างแน่นอน
วันนี้ประเทศจีนมีบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำมากกว่า 9 ราย เช่น อาลีบาบา เทนเซนต์ และไป่ตู้ นับนิ้วแล้วเกือบเท่ากับสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นฐานที่มั่นของ 11 บริษัทไอทีในตาราง 20 อันดับบริษัทไอทีรายใหญ่ที่สุดของโลก ความจำเป็นต้องปิดโรงงานในจีนจะมีผลกระทบอย่างชัดเจนต่อยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีจีนทั้งหัวเว่ย แซตทีอี และผู้ผลิตอุปกรณ์เช่นเสียวหมี่ ออปโป้ และวีโว่ กลายเป็นความท้าทายที่จะทดสอบความแข็งแกร่งของบริษัทเหล่านี้ว่าจะพ่ายแพ้ไปง่ายๆหรือไม่
อย่างไรก็ตาม อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภคอื่น เช่น ไอโฟนของแอปเปิล อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของอะเมซอน เครื่องเกมเอ็กซ์บ็อกซ์และเพลย์สเตชัน ล้วนผลิตในประเทศจีนเช่นเดียวกับพีซีและผลิตภัณฑ์หลักที่แบรนด์ตะวันตกยึดเป็นแก่นในการหารายได้เข้าบริษัท
สิ่งที่แบรนด์ไอทีกำลังพยายามทำในวันนี้ คือการประกาศมาตรการพิเศษ เพื่อชะลอหรือหยุดไวรัสไม่ให้เดินทางเข้าสู่ห่วงโซ่การผลิตของแบรนด์ ผ่านการยืดเวลาปิดทำการสถานที่ชั่วคราว การจำกัดการเดินทาง ซึ่งการไม่ได้ทำงานตามแผนดำเนินงานที่เคยวางไว้ อาจจะส่งผลต่อผลประกอบการของบริษัทในไตรมาสใดไตรมาสหนึ่งในอนาคต
***ออกตัวเตือนเพื่อรับมือ
หากมองที่แถลงการณ์ของบริษัทไอทีเกี่ยวกับไวรัสโคโรนา พบว่าส่วนใหญ่เน้นเตือนผู้ถือหุ้นถึงโอกาสที่ไวรัสโคโรนาอาจส่งผลกระทบต่อผลกำไรของบริษัทในปีนี้ บางส่วนแสดงจุดยืนเรื่องการปกป้องพนักงานและลูกค้า ขณะที่บางส่วนชี้แจงว่าสถานการณ์ไวรัสตัวร้ายจะกระทบหรือไม่กระทบธุรกิจส่วนใดบ้าง
เทสลาคือหนึ่งในบริษัทที่ประกาศปิดทำการโรงงานในจีน โดยประกาศว่าโรงงานใหม่ในเซี่ยงไฮ้จะยังคงปิดทำการต่อเนื่องอีกสัปดาห์ ตามคำสั่งของรัฐบาลที่ต้องการควบคุมสถานการณ์ไวรัสโคโรนา การปิดโรงงานนี้อาจส่งผลกระทบต่อความสามารถในการทำกำไร "เล็กน้อย" ของเทสลาในไตรมาสนี้ เนื่องจากโรงงานในเซี่ยงไฮ้ยังเพิ่งเริ่มเปิดทำการ ทำให้กำลังการผลิตรถรุ่น Model 3 ไม่ได้รับผลกระทบเพราะสามารถสานต่อการผลิตที่โรงงานเดิมได้
ด้านไมโครซอฟท์ออกแถลงการณ์ถึงนโยบายปกป้องพนักงาน ให้ส่วนใหญ่ยกเลิกทริปเดินทางธุรกิจที่ไม่จำเป็นทั้งหมด และพนักงานในจีนจะสามารถทำงานจากที่บ้านจนถึงวันที่ 9 กุมภาพันธ์
สำหรับอะเมซอน ซึ่งมีสำนักงานในปักกิ่ง เสิ่นเจิ้น เซี่ยงไฮ้ และกวางโจว กล่าวว่าบริษัทได้งดทริปเดินทางธุรกิจไปและกลับจากจีน จนกว่าจะมีประกาศยกเลิกนโยบาย โดยบริษัทได้ขอความร่วมมือให้พนักงานที่เดินทางกลับจากหนึ่งในจังหวัดกลุ่มเสี่ยงที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา สามารถทำงานจากที่บ้านเป็นระยะเวลา 14 วัน
ยังมีกูเกิล เจ้าพ่อเสิร์ชเอนจิ้นที่กล่าวว่าได้ตัดสินใจปิดสำนักงานในประเทศจีนชั่วคราว และงดการเดินทางของพนักงาน การปิดสำนักงานนี้จะมีผลครอบคลุมทั้งสำนักงานของ Google ในฮ่องกง ไต้หวัน และจีนแผ่นดินใหญ่
ด้านเครือข่ายสังคมอย่างเฟซบุ๊ก ก็ย้ำว่าได้งดการเดินทางของพนักงานไปและกลับจากจีน ขณะเดียวกันก็มีการปราบปรามข่าวปลอมเรื่องไวรัสโคโรนาอย่างจริงจัง
ขณะที่ทิม คุก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารแอปเปิล กล่าวว่าบริษัทได้งดการเดินทางของพนักงานในประเทศจีน และได้ปิดสำนักงาน ร้านค้า และศูนย์ติดต่อในจีนแผ่นดินใหญ่ทั้งหมดจนถึงวันที่ 9 กุมภาพันธ์ ปัจจุบัน แอปเปิลมีผู้ผลิตหรือซัปพลายเออร์บางรายในพื้นที่หวู่ฮั่น ซึ่งคุกยืนยันกับนักลงทุนว่าโรงงานผลิตบางแห่งของแอปเปิลในประเทศจีนจะยังคงปิดให้บริการจนถึงวันที่ 10 กุมภาพันธ์ พร้อมกับเชื่อว่าผลลัพท์จากวิกฤตินี้อาจจะเห็นได้ในไตรมาสถัดไป ซึ่งอาจมีปัจจัยอื่นนอกเหนือจากการระบาดของไวรัสโคโรนาด้วย
ประเด็นของไอโฟนนั้นน่าสนใจ เพราะสำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานว่าปรากฏการณ์ไวรัสโคโรนาระบาด จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อสายการผลิตไอโฟนในโรงงานฟ็อกซ์คอนน์ แม้จะไม่ได้ตั้งโรงงานในหวู่ฮั่นซึ่งเป็นศูนย์กลางการระบาดโดยตรง แต่สินค้าจะถูกขนย้ายผ่านหวู่ฮั่น ทำให้การจัดส่งล่าช้าเพราะมาตรการควบคุมโรคที่เข้มงวด
ล่าสุด หมิง-ชิ เกา นักวิเคราะห์ของบริษัททีเอฟ ซีเคียวริตี้ ประเมินให้นักลงทุนทราบว่าปริมาณการจัดส่งสินค้าของแอปเปิลอาจลดลงจากเดิม 10% ในไตรมาสนี้
โคเรย์ โคเซ นักวิเคราะห์ผู้อำนวยการอาวุโสของการ์ทเนอร์ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่ายักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับตลาดจีนไม่ทางตรงก็ทางอ้อม หากไวรัสแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานอาจส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อภาคการผลิต ทำให้ส่งผลกระทบต่อแผนการวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของยักษ์ใหญ่เทคโนโลยีเหล่านี้
นอกจากอุตสาหกรรมผลิตเซมิคอนดักเตอร์ ตลาดชิป ยานยนต์ และอุปกรณ์การแพทย์ล้วนได้รับผลกระทบทั้งสิ้น มีการประเมินว่าวิกฤตไวรัสโคโรนาจะมีผลกระทบทางเศรษฐกิจทำให้จีดีพีจีนลดลงไม่ต่ำกว่า 1% ในไตรมาสแรก
***ใช้เทคโนโลยีเป็นอาวุธ
นอกจากมาตรการพิเศษ บริษัทไอทีเริ่มร่วมมือกันป้องกันการระบาดด้วยเทคโนโลยี เช่น วงการโซเชียลมีเดียที่เริ่มวิเคราะห์ขั้นสูง และนำเทคโนโลยีการเรียนรู้ด้วยเครื่อง มาช่วยค้นหาสถานการณ์ล่าสุดของไวรัส รวมถึงการทำแผนที่เส้นทางการระบาดแบบเรียลไทม์
อีกตัวอย่างที่ชัดเจนคืองานวิจัยที่พบว่านาฬิกาอัจฉริยะสามารถทำนายการระบาดของไข้หวัดได้ โดยนักวิจัยในสหรัฐฯได้ศึกษาบนกลุ่มตัวอย่างผู้ใช้อุปกรณ์แบรนด์ฟิตบิต จนทราบว่าอัตราการเต้นของหัวใจขณะนอนหลับและรูปแบบการนอนหลับที่บันทึกไว้ สอดคล้องใกล้ชิดกับอัตราการประเมินผู้ป้วยไข้หวัดใหญ่
แปลว่าทุกอุปกรณ์ที่สามารถวัดอัตราเต้นหัวใจและรูปแบบการนอนหลับได้ กำลังมีโอกาสเป็นสุดยอดเครื่องมือสำหรับการติดตามการแพร่กระจายของไข้หวัดและโรคติดเชื้ออื่น
งานวิจัยนี้ทำให้โลกตื่นเต้นมาก เพราะที่ผ่านมา การติดตามการระบาดของไข้หวัดใหญ่แบบดั้งเดิมนั้นยังพบปัญหามากมาย ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการเฝ้าระวังยังต้องใช้รายงานจากแพทย์ ซึ่งอาจใช้เวลาหลายสัปดาห์ในการประเมิน แต่การใช้ข้อมูลจากอุปกรณ์จะแก้ปัญหานี้ได้เพราะการให้ข้อมูลทันทีรายวัน
หากมองเฉพาะฐานผู้ใช้ฟิตบิต พบว่าแฟนคลับฟิตบิตมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ปัจจบุันบริษัทประเมินว่ามีผู้ใช้งานประมาณ 28 ล้านคน บนจำนวนอุปกรณ์สวมใส่ที่เชื่อมต่อทั่วโลกคาดว่าจะเพิ่มขึ้นจาก 526 ล้านในปี 2016 เป็น 1,100 ล้านภายในปี 2022
ชัดเจนเลยว่าวงการไอทีไม่ยอมอยู่เฉยให้ไวรัสเล่นงานฝ่ายเดียวแน่นอน.