xs
xsm
sm
md
lg

“BEAUTY” ซุ่มโมเดลใหม่ในจีน ชี้ 3 เดือน “โคโรนา” ไม่จบหนักแน่

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้จัดการรายวัน 360 - “บิวตี้ คอมมูนิตี้” มั่นใจไวรัสโคโรนาไม่กระทบตลาดจีนระยะสั้น แต่หวั่นหากลากยาว 3 เดือนจากนี้กระทบหนักแน่ เร่งขยายตลาดจีน-ตปท.ต่อเนื่อง ซุ่มโมเดลสร้างฐานที่มั่นในจีน หวังสัดส่วนรายได้จากอินเตอร์ปีนี้ 36%
.


ดร.พีระพงษ์ กิติเวชโภคาวัฒน์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิวตี้ คอมมูนิตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ BEAUTY เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทฯ ยังไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาไวรัสโคโรนาที่เกิดขึ้นที่ประเทศจีนและแพร่หลายไปหลายประเทศ โดยเฉพาะในตลาดประเทศจีนที่บริษัทฯ ทำตลาดอยู่แล้ว อีกทั้งสินค้าส่วนใหญ่ที่ขายก็เป็นกลุ่มสุขอนามัยน่าจะได้รับการตอบรับที่ดีในสถานการณ์เช่นนี้

โดยคาดหวังว่าปัญหาไวรัสโคโรน่านี้จะจบเร็วไม่เกินเดือนมีนาคมนี้ ซึ่งขณะนี้ตัวเลขยอดขายที่ดิสทริบิวเตอร์ในจีนยังไม่มีการปรับลดคำสั่งซื้อในจีนลงแต่อย่างใด จากเดิมประมาณ 50 ล้านบาทต่อเดือน แต่บริษัทฯ มองว่าหากปัญหายืดเยื้อและยังไม่สามารถปราบไวรัสได้หมดเกิน 3 เดือนจากนี้จะต้องเกิดผลกระทบอย่างมากแน่นอน




อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังคงลงทุนขยายตลาดในจีนเพิ่มมากขึ้น ควบคู่ไปกับการขยายตลาดต่างประเทศอีกด้วย โดยล่าสุดบอร์ดของบริษัทฯ ได้อนุมัติแผนที่ให้บริษัทฯ จัดตั้งฐานที่มั่นในจีน จากปัจจุบันที่ดิสทริบิวเตอร์แล้ว 5 รายในจีน คือ 1. Carrot Mall, 2. Tyden International, 3. Yangzhou Royal, 4. JD Platform และ 5. Hongkong miss sydney โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการให้บริษัทที่ปรึกษาศึกษารูปแบบว่าจะเดินหน้าอย่างไร ทั้งการตั้งบริษัทเอง การตั้งบริษัทร่วมทุนกับคนท้องถิ่น การแต่งตั้งและบริหารจัดการตัวแทนดำเนินการเพื่อการทำตลาดจีนมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งเรื่องการติดต่อขอ อย.จีน การทำตลาด การขยายช่องทางจำหน่าย


นายแพทย์ สุวิน ไกรภูเบศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวว่า การขยายตลาดจีนและต่างประเทศเป็นไปตามยุทธศาสตร์ที่วางไว้ 3 ด้านหลัก คือ 1. เพิ่มความสามารถการทำกำไร มุ่งเน้นเพิ่มสัดส่วนกำไรจากช่องทางจัดจำหน่ายต่างประเทศ และบริหารจัดการต้นทุนช่องทางจัดจำหน่ายในประเทศให้มีประสิทธิภาพ

2. ขยายตลาดต่างประเทศเชิงรุก จำนวน 16 ประเทศ โดยมี 13 ประเทศที่เป็นตัวแทนจำหน่ายในปี 2562 เน้นการทำการตลาดร่วมกันและเพิ่มจำนวน SKUs สินค้า และมีอีก 5 ประเทศหลักที่เน้นทำการตลาดเฉพาะในปี 2563 มีแผนจะพัฒนาช่องทางการตลาดและการขายเข้มข้น คือ ประเทศเวียดนาม อินโดนีเซีย พม่า อินเดีย ฟิลิปปินส์ ในรูปแบบของตัวแทนจำหน่าย Product Distributor, Shop Licence, Shop in Shop หรือ Counter sales


บริษัทเน้นการรุกตลาดสาธารณรัฐประชาชนจีน (Mainland China) เพราะเล็งเห็นว่าเป็นตลาดขนาดใหญ่มีโอกาสทางธุรกิจสูง จะเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดจากช่องทางจำหน่ายร้านค้าทั่วไป คอนวีเนียนสโตร์ โมเดิร์นเทรดต่างๆ จากปัจจุบันมีกว่า 33,000 ร้านค้า และช่องทางออนไลน์ที่เป็นอีคอมเมิร์ซ ขยายจำนวนสินค้าใหม่ๆ เข้าไปจำหน่ายในช่องทาง Cross Border E-Commerce ต่อเนื่อง ซึ่งปี 2562 บริษัทมีสินค้าวางจำหน่ายแล้วจำนวน 10 Platforms และปีนี้จะเพิ่มจำนวน Platform อีกต่อเนื่อง เพื่อให้สัดส่วนรายได้ต่างประเทศปีนี้เป็น 36% จากปีที่แล้ว 27% โดยจีนมีสัดส่วน 90% ใน 36%

3. ตลาดในประเทศ มุ่งเน้นขยายตลาดกลุ่มสินค้าอุปโภค และสร้างความเข้มแข็งช่องทางร้านค้าปลีก มุ่งเน้นขยายช่องทางการจัดจำหน่ายใหม่ๆ ขยายกลุ่มสินค้าอุปโภค และสินค้าสุขภาพเพิ่มขึ้น ปัจจุบันบริษัทมีสาขารวมทั้งสิ้น 311 สาขา รวมทั้งการรุกช่องทางอีคอมเมิร์ซ การสร้าง Product Heros

บริษัทฯ คาดว่าในปี 2563 นี้จะมียอดขายรวมเติบโต 20% และมีกำไรรวมเติบโต 15%






กำลังโหลดความคิดเห็น