มอซิลลา (Mozilla) ต้นสังกัดผู้พัฒนาเบราว์เซอร์ไฟร์ฟ็อกซ์ (Firefox) ตกเป็นข่าวว่ากำลังปลดพนักงานประมาณ 70 คน ผลจากภาวะรายได้พลาดเป้า ทำให้บริษัทต้องเปลี่ยนนโยบายหารายได้ที่นอกเหนือจากบริการเสิร์ชใน Firefox
สำนักข่าวเทคครันช์ (TechCrunch) เผยแพร่บันทึกภายในที่ส่งต่อใน Mozilla ว่าการปลดพนักงานมากว่า 70 คนในรอบนี้เกิดขึ้นจากรายได้ที่พลาดเป้า ซึ่ง Mozilla คาดว่าจะทำได้ดีขึ้นในปีที่ผ่านมา ขณะเดียวกัน การสำรวจก็พบว่าสัดส่วนการใช้งาน Firefox ลดน้อยลง จนทิ้งห่างเว็บเบราว์เซอร์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดอย่างโครม (Chrome) ออกไปอีก ทำให้ Mozilla ต้องเดินเกมใหม่เพื่อสร้างรายได้เลี้ยงตัวเองในมุมใหม่
มิตเชลล์ เบเกอร์ (Mitchell Baker) ประธาน Mozilla เคยประกาศก่อนหน้านี้ว่าปี 2019 จะเป็นปีที่ Mozilla ต้องหารายได้จากบริการอื่นที่ไม่ใช่บริการเสิร์ชหรือบริการค้นหาข้อมูลบน Firefox โดยเฉพาะจากบริการในรูปสมาชิกหรือ subscription product อย่างไรก็ตาม บริการนั้นยังไม่แจ้งเกิด ทำให้ Mozilla ต้องเร่งปรับโครงสร้างองค์กรอย่างเร่งด่วน
ขณะนี้ Mozilla มีบริการ subscription product ในมือคือไฟร์ฟ็อกซ์ไพรเวทเน็ตเวิร์ก (Firefox Private Network) แต่ปัจจุบันบริการ VPN แบบต้องชำระเงินของ Mozilla กลับติดขัดจนไม่สามารถขยายบริการได้ตามความต้องการของลูกค้า ทำให้ผู้ใช้จำนวนมากต้องต่อคิวรอใน waitlist
ประธาน Mozilla ระบุว่าแผนในปี 2019 นั้นมีการประเมินผิดพลาด ทั้งระยะเวลาที่ต้องใช้ในการสร้างและจัดส่งผลิตภัณฑ์ทำเงินตัวใหม่ที่ต้องใช้เวลานานกว่าที่ประเมินไว้ ซึ่งเมื่อพิจารณาแล้ว สิ่งที่ Mozilla ได้เรียนรู้ในปี 2019 ทำให้บริษัทตัดสินใจคาดการณ์รายได้ในปี 2020 อย่างค่อยเป็นค่อยไป
อย่างไรก็ตาม โฆษกของ Mozilla ปฏิเสธที่จะเปิดเผยจำนวนการสั่งปลดพนักงานที่แน่ชัด โดยบอกว่าวันนี้พนักงานทั่วโลกของ Mozilla มีจำนวนราว 1,100 คนก่อน เบื้องต้น Mozilla วางเป้าหมายเป็นองค์กรที่มีพนักงานรวมมากกว่า 1,000 คนต่อไป
ข่าวการปลดพนักงานของ Mozilla เกิดขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกับไมโครซอฟท์ (Microsoft) ที่เปิดตัวเว็บเบราว์เซอร์บนเดสก์ท็อป "เอดจ์" เวอร์ชันใหม่ซึ่งมีหลายฟีเจอร์ถอดแบบจาก Google Chrome ขณะนี้ Microsoft Edge ใหม่พร้อมให้ดาวน์โหลดแล้วบน Windows 10, Windows 8, Windows 7 และ MacOS แล้วและจะเปิดตัวอัปเดทอัตโนมัติในพีซีหลายเครื่องช่วงระยะเวลาไม่กี่เดือนข้างหน้า
สำหรับ Edge เวอร์ชันใหม่นั้นใช้แพลตฟอร์ม Chromium ซึ่งเป็นรหัสโอเพนซอร์ซเดียวกับ Chrome ทำให้ Microsoft Edge ใหม่มีประสิทธิภาพและคุณสมบัติคล้ายกับเว็บเบราว์เซอร์ของ Google ตอกย้ำว่าแม้แต่ Microsoft ก็ยังยากลำบากในการเขย่าบัลลังก์ Chrome ทั้งที่เมื่อปี 2010 เจ้าพ่ออย่าง Microsoft เป็นแชมป์เว็บเบราว์เซอร์ที่มีผู้ใช้งานมากที่สุดในโลก.