xs
xsm
sm
md
lg

ปี 2020 โรงแรมเอเชียตื่นปรับตัวรับ AI, IoT

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เซ็นเซอร์โฟลว์ (Sensorflow) มั่นใจปี 2020 คือช่วงเวลาที่อุตสาหกรรมการโรงแรมจะตื่นตัวและปรับปรุงให้ทันสมัยผ่านการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีให้มากขึ้นและลึกซึ้งกว่าเดิม ระบุท่ามกลางการเติบโตของ IoT, ระบบอัตโนมัติ และนวัตกรรมดิจิทัล ระบบการจัดการพลังงานแบบอัตโนมัติจะเป็น 1 ในทางออกที่ช่วยให้ระบบการจัดการของโรงแรม สามารถประหยัดค่าใช้จ่าย จัดการทรัพยากร และประหยัดพลังงานได้

Sai Ranganathan ประธานบริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง SensorFlow กล่าวในงานประชุมผู้ให้บริการระบบจัดการโรงแรมอินโดนีเซีย Hotel Management Indonesia (HMI) Summit ที่จาการ์ตา ถึงปัญหาที่อุตสาหกรรมการโรงแรมยุคใหม่ต้องเผชิญ ว่าปี 2019 เป็นปีที่ครบรสสำหรับผู้ประกอบการโรงแรมในเอเชีย ถึงแม้อัตรานักท่องเที่ยวจะสูงขึ้น แต่ความแปรปรวนทางเศรษฐกิจ รวมถึงการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นจากทางเลือกที่พักอาศัยอื่นๆ ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่ออัตราการจองที่พักของโรงแรม โดยเฉพาะอินโดนีเซียและหลายประเทศที่กำลังได้รับผลกระทบของเศรษฐกิจชะลอตัวลง

“ถึงแม้ประเด็นของ Disruption หรือในที่นี้หมายถึงการพัฒนาสิ่งใหม่จะได้รับการถกเถียงอยู่ไม่น้อย สำหรับโรงแรมแล้ว นี่เป็นสิ่งท้าทายที่พวกเขาจะต้องก้าวข้ามมันไปให้ได้ ดังนั้นจึงควรเน้นความสนใจไปที่เรื่องของนวัตกรรมดิจิทัล โดยเราจะต้องหาวิธีที่ดีที่สุดในการนำมันมาใช้งาน เพื่อประโยชน์ของแขกผู้พักและผู้ดำเนินการของโรงแรมด้วย”

โรงแรมต้องปรับตัว

ผู้บริหาร Sensorflow มองว่าโรงแรมจำเป็นต้องเข้าถึงนวัตกรรมและเทคโนโลยีให้ลึกกว่าปัจจุบัน เพราะแม้ปีนี้โลกจะเห็นกลยุทธ์มากมายในสื่อดิจิทัลจากโรงแรมที่พยายามจับความสนใจของลูกค้าผ่านช่องทางการจองออนไลน์ต่างๆ ทำให้โรมแรมสามารถทำกำไรได้มากขึ้นเมื่อปริมาณคนจองห้องพักเพิ่มขึ้น และตอบโจทย์คนส่วนใหญ่ที่รู้สึกหงุดหงิดหากโรงแรมไม่มีบริการการจองออนไลน์ แต่ทั้งหมดเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนเเปลงเชิงดิจิทัล ซึ่งผู้ประกอบการโรงแรมจำเป็นต้องเข้าถึงนวัตกรรมและเทคโนโลยีให้ลึกกว่านี้ ไม่ใช่แค่เพียงเพื่อดึงดูดแขกมาพักแต่เพื่อที่จะพัฒนาระบบการจัดการโรงแรมและประสิทธิภาพการทำงานของพนักงาน ตลอดประสบการณ์การพักของลูกค้า


ในมุม AI ปัญญาประดิษฐ์สามารถยกระดับโรงแรมได้ตั้งแต่ช่วงก่อนที่แขกจะมาถึงโรงแรม เมื่อแขกมาถึงจุดหมาย โรงแรมที่ดำเนินการผ่านระบบดิจิทัลอัจฉริยะ ควรจะเอื้ออำนวยให้แขกผู้พักสามารถแจ้งเตือนกับทางโรงแรมได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็นทางออนไลน์หรือผ่านแอปพลิเคชันมือถือ เพื่อเป็นการเปิดระบบอัตโนมัติที่จะช่วยเหลือพนักงานในขั้นตอนของการต้อนรับแขก ไม่ว่าจะเป็นการเตรียมห้องพัก ระบบเตือนการซ่อมบำรุงที่สามารถกั้นห้องที่ยังไม่พร้อมรับแขกได้ และการใช้ AI เพื่อจัดการให้แขกไปยังห้องพักที่สะอาดและพร้อม หรือแม้กระทั่งการเปิดเครื่องปรับอากาศไว้ล่วงหน้าให้ห้องเย็น เพื่อรับรองประสบการณ์ที่สะดวกสบายที่สุด ในทันทีที่แขกเดินเข้าห้องพัก

“การนำระบบตรงนี้มาใช้จะช่วยยกระดับความประทับใจได้ในระยะยาว ยิ่งหากมีข้อขัดข้องที่ทำให้แขกไม่สามารถเข้าห้องพักได้ในทันที หรือถ้าห้องพักนั้นๆมีปัญหาจะส่งผลกระทบโดยตรงกับประสบการณ์ของแขกที่มาเข้าพัก แต่อย่างไรก็ตามระบบนี้จะช่วยผ่อนงานที่มีรูปแบบซ้ำๆสำหรับพนักงานในขั้นตอนการเช็คอิน โดยการลดภาระงานและความเครียดของพนักงานในขั้นตอนการเช็คอิน พนักงานจะสามารถให้ประสบการณ์ที่ดีให้กับแขกได้ด้วยการให้การต้อนรับและปฏิสัมพันธ์ที่อบอุ่น และการให้บริการเพิ่มเติมเป็นพิเศษ”

อุปกรณ์ดิจิทัลยังทำให้การเข้าพักสบายยิ่งขึ้น ตั้งแต่ครั้งแรกที่แขกเดินเข้ามาในห้องและตลอดการเข้าพัก โรงแรมดิจิทัลจะติดตั้งเซ็นเซอร์จับความเคลื่อนไหวที่สามารถตรวจจับได้ว่าเมื่อไรที่แขกเข้าหรือออกจากห้องพัก และส่งข้อความแจ้งเตือน (เช่น ความเรียบร้อยของห้องพัก และหากแขกมีความต้องการอื่นๆเพิ่ม หรือต้องการบริการพิเศษ หรือการทำความสะอาด) ผ่านอุปกรณ์มือถือได้ด้วย

“สิ่งนี้จะช่วยพนักงานได้ในสองทาง สิ่งแรกคือข้อมูลการตรวจจับการเคลื่อนไหวในห้องจะช่วยให้โรงแรมเพิ่มเส้นทางการทำงานของพนักงานทำความสะอาดและประสิทธิภาพการทำงานได้ด้วย อย่างที่สองคือช่วยป้องกันการรบกวนโดยไม่ได้ตั้งใจจากพนักงาน ในกรณีที่แขกลืมแขวนป้าย “ห้ามรบกวน” ไว้” ผู้บริหารระบุ “มากไปกว่านั้น โรงแรมดิจิทัลควรเอื้ออำนวยให้แขกพักสามารถเรียกใช้บริการหรือติดต่อพนักงานได้ผ่านอุปกรณ์ส่วนตัว โดยเฉพาะหากห้องพักหรือบริการอื่นๆในห้องมีปัญหา และในกรณีที่ดีที่สุดอุปกรณ์นี้ควรมีฟังก์ชั่นในการตรวจสอบและควบคุมจากระยะไกล เมื่อแขกต้องการความช่วยเหลือในการใช้งาน พนักงานก็สามารถช่วยเหลือได้ทันทีแม้จะอยู่ตรงแผนกต้อนรับข้างหน้าก็ตาม ด้วยการติดตั้งช่องทางการสื่อสารแบบนี้ พนักงานทั้งหน้าบ้านและหลังบ้านจะสามารถสื่อสารกับแขกและให้บริการได้อย่างง่ายดาย”


นอกจากนั้น เครื่องใช้ไฟฟ้าในห้องอย่างเครื่องปรับอากาศหรือโทรทัศน์ ที่สามารถควบคุมได้จากระยะไกล จะช่วยพนักงานโรงแรมในการตรวจสอบปัญหาต่างๆได้และเพิ่มเวลาในการแก้ปัญหาของแขกได้ เพื่อเป็นการประหยัดเวลาและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานโดยรวม

หลายแห่งยังลังเล

ผู้บริหาร Sensorflow ยอมรับว่าวันนี้โรงแรมยังมีความลังเลในการเปลี่ยนแปลงเชิงดิจิทัล เนื่องจากกลัวความเสี่ยง ด้วยความที่ไม่คุ้นชินเกี่ยวกับนวัตกรรมดิจิทัลที่มีอยู่ในตลาดและการใช้งาน, ค่าใช้จ่ายล่วงหน้าที่สูง และกลัวว่าการติดตั้งระบบจะเป็นการรบกวนแขกที่มาพัก

“ตัวอย่างที่ยกไปในเบื้องต้นทั้งหมดไม่มีความเสี่ยงเหล่านี้เลย สิ่งที่สำคัญในที่นี้คือเทคโนโลยีของทุกสิ่งหรือ Internet of Things (IoT) ด้วย IoT การติดตั้งระบบและการใช้งานจะถูกทำผ่านอุปกรณ์อัจฉริยะ อย่างเช่นอุปกรณ์ควบคุมอุณหภูมิแบบอัตโนมัติหรือเครื่องวัดอุณหภูมิที่เชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ตสามารถตรวจสอบและวัดตัวแปรสำคัญ เช่น อุณหภูมิ ความชื้น หรือการบริโภคพลังงานได้ เพื่อให้ผู้บริหารมีความเข้าใจมากขึ้นว่าแต่ละส่วนของโรงแรมมีความซับซ้อนและทำงานแตกต่างกันอย่างไร”

นอกจากนั้น โซลูชั่นแบบ IoT ยังถูกมองว่าติดตั้งได้เร็วกว่าระบบอัตโนมัติแบบดั้งเดิม ทำให้โรงแรมสามารถปรับใช้อุปกรณ์ได้กับการดำเนินงานอื่นๆเพื่อเก็บวัดข้อมูลในระดับที่ใหญ่ขึ้น หรือที่เรียกว่า Big Data ซึ่งจะช่วยมองหารูปแบบและข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับวิธีที่โรงแรมใช้ทรัพยากรเพื่อให้สามารถจัดการการดำเนินงานทรัพยากรและกำลังคนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

“ด้วยระบบดิจิทัลแบบอัตโนมัติ โรงแรมสามารถจัดการกิจวัตรซ้ำๆได้ง่ายและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น นอกจากจะทำให้ชีวิตพนักงานง่ายขึ้นแล้ว ยังช่วยให้พวกเขามีเวลาเพิ่มเติมเพื่อไปพัฒนาและฝึกฝนการให้บริการแขกได้ดียิ่งขึ้น IoT, Big Data และระบบอัตโนมัติจึงเป็นกุญแจสำคัญในการปฎิรูปอุตสาหกรรมโรงแรม เพื่อนำไปสู่เส้นทางในการพัฒนาประสบการณ์พักของแขก การจัดการพนักงานและการต่อธุรกิจที่ยั่งยืนในระยะยาว”


กำลังโหลดความคิดเห็น