แอดไวซ์ โตสวนตลาด เตรียมแต่งตัวเข้าตลาดหลักทรัพย์ปีหน้า คาดบริษัทโต 10% พุ่งเป้ารุกตลาดออนไลน์และคอมเมอร์เชียลเพิ่มขึ้น
นายจักรกฤช วัชระศักดิ์ศิลป์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานผลิตภัณฑ์ การขายและการตลาด บริษัท แอดไวซ์ ไอที อินฟินิท จำกัด ผู้นำและศูนย์รวมอุปกรณ์ไอทีครบวงจรที่มีสาขาครอบคลุมกว่า 350 สาขาทั่วประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เปิดเผยว่า ภาพรวมของธุรกิจไอทีปีหน้ายังคงติดลบ เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจซบเซา และงบประมาณภาครัฐยังไม่ได้มีการใช้จ่าย
ข้อมูลจาก GFK พบว่าช่วง 9 เดือนแรกของปี 2562 เทียบกับปีที่ผ่านมา ยอดขายโน้ตบุ้กลดลง 7% มูลค่าลดลง 8% โดยตลาดคอนซูเมอร์ไม่โตและติดลบ ที่เติบโตคือเกมมิ่งซีรีส์ซึ่งทำให้ภาพรวมทรงตัว เดสก์ท็อปยอดขายลดลง 19% มูลค่าติดลบ 22% กลุ่มเครื่องพิมพ์ยอดขายลดลง 13% มูลค่าลดลง 16% จากปัจจัยการมาของดิจิทัล ขณะที่กลุ่มมอนิเตอร์ยอดขายและมูลค่าลดลง 7% สตอเรจยอดขายทรงตัวแต่มูลค่าติดลบ 12%
ทว่าบริษัทคาดว่าบริษัทจะโต 10% โดยจะมาจากการขายบนออนไลน์และคอมเมอร์เชียล รวมถึงขยับไปสู่การบริการมากขึ้น และปรับกลยุทธ์การทำตลาดให้สอดคล้องกับพื้นที่ ด้วยไอทีเป็นเครื่องมือที่จำเป็น ดังนั้นกลุ่มคนรุ่นใหม่จึงยังคงมีกำลังซื้อ รวมถึงการใช้งานยุคใหม่ผ่านแอปพลิเคชันต่างๆ ขณะที่กลุ่มลูกค้าองค์กรยังคงใช้งบการลงทุนด้านไอทีที่ไม่น้อยกว่าเดิม
“ขณะนี้ได้เตรียมขยายทีมรองรับการค้าปลีกหน้าร้าน สัดส่วนจากการค้าปลีกและค้าส่งจะขยับมาเป็นอย่างละ 50% จากปีนี้สัดส่วนออนไลน์มีประมาณ 10% ปีหน้าจะเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 15% ทำให้บริษัทเตรียมตัวรีแบรนด์เพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ภายในปี 2563”
ปีหน้าเตรียมเพิ่มการตลาดทั้งบนออนไลน์และออฟไลน์ โดยเฉพาะโซเชียลเน็ตเวิร์ก นอกจากบนเฟซบุ๊ก จะขยับไปที่ยูทูปและอินสตาแกรมด้วย ส่วนออฟไลน์กำลังวางแผนอยู่ 2-3 โครงการ โดยรวมแต่ละปีใช้งบการลงทุนขยายสาขา และการตลาดประมาณ 7-8% ของยอดขาย
ในปี 2563 บริษัทจะเปิดสาขาเพิ่มอีก 14 สาขา ในกรุงเทพฯและปริมณฑล เน้นเปิดในห้างสรรพสินค้า เนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคจะเข้าไปใช้บริการ ซื้อสินค้า ทำธุรกรรมต่างๆ ในห้างสรรพสินค้า ซึ่งเป็นแบบ one stop service ซึ่งที่ผ่านมาสาขาในต่างจังหวัดมีจำนวนมากเป็นลักษณะ stand alone และจะเปิดสาขาในห้างต่างจังหวัดเพิ่มเติมด้วย ล่าสุด บริษัทได้เปิดสาขาในห้างบิ๊กซี นครสวรรค์ และเซ็นทรัล มหาชัย
ทั้งนี้ แอดไวซ์ ได้วางยุทธศาสตร์แนวทางการดำเนินธุรกิจ มุ่งสร้างการเติบโตด้วยโมเดลธุรกิจแบบไฮบริด ซึ่งมีทั้งส่วนของการขายปลีกและขายส่ง (ดีลเลอร์) และออนไลน์ ที่ผ่านมาสัดส่วนขายส่ง 65% ค้าปลีก 35% โดยมีการปรับเพิ่มและโฟกัสในส่วนขายปลีกมากขึ้น ด้วยมีการปรับปรุงหน้าร้านให้มีขนาดใหญ่ขึ้น ทันสมัยมากขึ้น ปัจจุบันมีแบรนด์ช็อปทั้งหมด 112 สาขา แบ่งเป็นในกรุงเทพฯ 11 สาขา ต่างจังหวัด 100 สาขา และที่ร่วมลงทุนกับเอซุสอีก 2 สาขา ซึ่งเมื่อรวมกับส่วนของ เฟรนไชส์จะมีกว่า 355 สาขา
นายจักรกฤช กล่าวว่า กลุ่มลูกค้าคอร์ปอเรท และเอสเอ็มอี ยังมีสินค้ากลุ่มเทคโนโลยีที่จะเข้ามาตอบโจทย์ธุรกิจ อย่างในกลุ่มของคลาวด์ ซีเคียวริตี้ และ IoT (Internet of Things) ซึ่งเป็นกลุ่มที่ต้องทำตลาดและหาลูกค้า เนื่องจากแอดไวซ์เรามีสินค้ามากมายกว่า 10,000 รายการที่ตอบโจทย์ลูกค้าทุกกลุ่ม ตั้งแต่คอนซูเมอร์ เอสเอ็มอี คอร์ปอเรท แบ่งเป็น ดีไอวายคอมโพเนนท์ 30% โน้ตบุ๊ก 24% เดสก์ท็อป 8-9% เครื่องพิมพ์ 17% ส่วนสมาร์ทโฟนประมาณ 3-4%
“ปีนี้ตั้งเป้ายอดขายไว้ 1.3 หมื่นล้านบาท หรือเติบโต 5% จากปีที่ผ่านมาแบ่งเป็นสัดส่วนรายได้จากตลาดต่างจังหวัด 85 % กรุงเทพฯ 15%”