จากที่ต้องใช้น้ำมัน วันนี้รถไฟและรถยนต์เริ่มหันมาใช้พลังงานไฟฟ้ามากขึ้น ล่าสุดถึงคิวเครื่องบินที่จะหันมาใช้แบตเตอรี่ไฟฟ้า โดยสายการบินแคนาดาสามารถสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ด้วยเครื่องบินเชิงพาณิชย์เต็มรูปแบบเครื่องแรกของโลก ขณะที่นักเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมมองว่าการท่องโลกทางอากาศด้วยไฟฟ้ายังเป็นความฝันที่ใช้เวลานานกว่าจะเป็นจริง
เกรก แมคดูกัล (Greg McDougall) นักบินผู้ขับเครื่องบินของสายการบิน Harbour Air ระบุว่าได้สร้างประวัติศาสตร์ เพราะสามารถขับเครื่องบินแบบ seaplane ขนาด 6 ที่นั่งซึ่งใช้พลังงานไฟฟ้าล้วน โดยออกเดินทางไปยังเมืองแวนคูเวอร์ประเทศแคนาดาในวันที่ 10 ธันวาคม ใช้เวลาบินน้อยกว่า 15 นาที
เที่ยวบินดังกล่าวถือเป็นครั้งแรกที่เครื่องบินพาณิชย์แบบใช้ไฟฟ้าล้วนหรือ all-electric commercial plane ทยานขึ้นสู่ท้องฟ้า เที่ยวบินนี้ทำให้หลายคนฝันถึงการนำไปใช้แทนเครื่องบินไอพ่นแบบใช้เชื้อเพลิงซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของภาวะโลกร้อน ซึ่งจะทำให้โลกมีทางเลือกสีเขียวมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม นักเคลื่อนไหวเพื่อรับมือภาวะโลกร้อน มองว่าเครื่องบินไฟฟ้าจะสร้างผลดีกับโลกเมื่อสามารถใช้งานกับเครื่องบินที่รองรับนักเดินทางจำนวนมาก โดยลูซี่ กิลเลียม (Lucy Gilliam) ผู้ทำแคมเปญด้านการบินและการขนส่งของกลุ่ม Transport & Environment ซึ่งเน้นการพัฒนาองค์กรเพื่อการขนส่งไร้มลพิษของยุโรป กล่าวว่าความสำเร็จครั้งนี้ถือว่ายังห่างไกลจากการให้บริการเชิงพาณิชย์ ซึ่งแม้การเริ่มทดสอบจะเป็นเหตุการณ์สำคัญ แต่โลกจำเป็นต้องพัฒนาให้ไฟฟ้าสามารถใช้งานทดแทนได้ในเที่ยวบินระยะสั้น โดยยังไม่ใช่เที่ยวบินระยะไกลที่อาจเหมาะกับการใช้พลังงานน้ำมันอยู่
ผู้เชี่ยวชาญด้านการบินหลายคนมองว่าการใช้พลังงานไฟฟ้าเป็นหนทางที่ทำให้เกิดเที่ยวบินที่ปลอดภัยกว่า เงียบกว่า และตั๋วราคาถูกกว่า เนื่องจากเครื่องบินไฟฟ้าจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา และไม่มีการปล่อยมลพิษใด ทั้งหมดนี้เป็นการปูทางสู่การนำพลังงานไฟฟ้าไปใช้ในเครื่องบินเจ็ตส่วนตัว ซึ่งคาดว่าจะเป็นประโยชน์มากในการรณรงค์ลดโลกร้อน
สำหรับแบตเตอรีลิเธียมที่ใช้ใน seaplane ของสายการบินแคนาดา พบว่าสามารถให้พลังงานเครื่องบินได้ประมาณ 160 กม. เทียบเท่าระยะทางโดยเครื่องบินจากบรัสเซลส์ถึงลักเซมเบิร์ก เบื้องต้น Harbour Air วางแผนพัฒนาเครื่องบินไฟฟ้ามากกว่า 40 ลำภายในปี 2022 เมื่อกระบวนการรับรองและการควบคุมเสร็จสมบูรณ์.
