คุยทุกเรื่องกับประธานบอร์ดทีโอที ตั้งแต่ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงโครงการเน็ตชายขอบที่เหลวเป๋วไม่เป็นท่า หวังกระชากคนผิดมาลงโทษ ยันไม่มีมวยล้ม บทบาท 5G ที่ต้องหาพันธมิตร เอาศักยภาพมาแปะยี่ห้อทีโอที ไม่สนทำ PPP เผยจิ๊กซอว์สำคัญ TOT Mobile หัวหมู่ทะลวงฟัน 5G ชี้ผู้บริหารทีโอที หมดเวลาทะเลาะกันแล้ว พร้อมเผยสเปกกจญ.คนใหม่ทีโอที ต้องรอบรู้ เพียบพร้อมด้วยเครือข่าย และต้องมีคุณธรรม
น.อ.สมศักดิ์ ขาวสุวรรณ์ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ในฐานะประธานบอร์ดบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงโครงการเน็ตชายขอบที่ทีโอทีถูกกสทช.ยกเลิกสัญญาว่า ก่อนหน้าที่กสทช.จะยกเลิกสัญญาโครงการเน็ตชายขอบกับทีโอทีเมื่อวันที่ 4 ต.ค.ที่ผ่านมา บอร์ดทีโอทีได้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงความล่าช้าที่เกิดขึ้น โดยเอาบอร์ดลงไปเป็นกรรมการ มี 'โกมล จิรชัยสุทธิกุล' ซึ่งเป็นรองเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่มีความเชี่ยวชาญด้านกฎหมาย เป็นประธาน โดยมีการประชุมกันไปแล้ว 11 ครั้งต่อเนื่อง คาดว่าการประชุมบอร์ดทีโอทีประจำเดือนธ.ค.จะได้ทราบข้อเท็จจริงทั้งหมด
***สอบเน็ตชายขอบ 'ไม่มีมวยล้ม'
'ผมจะเปิดแถลงข่าวถึงผลสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นว่าเป็นเพราะอะไร ถึงแม้ผู้บริหารเข้าไปพูดคุยกับกสทช.ทำให้เห็นแนวโน้มว่าการทำงานหลายอย่างตรงนี้น่าจะได้ข้อยุติที่ดีขึ้น ที่อาจทำให้เกิดความเสียหายกับทีโอทีไม่มากนัก แต่ก็ต้องมีการสอบสวนหาข้อเท็จจริงผู้ที่ทำให้เกิดความล่าช้า ที่ทำให้เกิดผลกระทบกับองค์กร ซึ่งตอนนี้อยู่ในขั้นตอนการสอบสวน รับรองไม่มีมวยล้ม'
ทั้งนี้ในสมัยพล.อ.สุรพงษ์ สุวรรณอัตถ์ เป็นประธานบอร์ดก่อนหน้านี้ ได้เคยมีการตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง แต่ดูเหมือนทุกอย่างจะเงียบหาย ถูกปกปิด หมกเม็ด ข้อเท็จจริง หลีกเลี่ยงที่จะยอมรับความผิดที่เกิดขึ้นจนฟางเส้นสุดท้ายคือการบอกเลิกสัญญาจากกสทช. จนมั่นใจได้ว่าความล่าช้าที่เกิดขึ้นที่ทำให้ทีโอทีเสียหาย เกิดจากสาเหตุไม่ปกติในการบริหารจัดการโครงการ
ประธานบอร์ดทีโอที ยกตัวอย่างให้เห็นว่าอย่างการผิดเงื่อนไขผู้ว่าจ้าง โดยทีโอทีใช้เคเบิลจากจีนแทนที่จะใช้เคเบิลในประเทศนั้น ถึงแม้จะแก้ปัญหาด้วยการยกให้ฟรี แต่เคเบิลมันมีที่มาที่ไป ไม่ใช่ให้ฟรีแล้วจบ อาจได้กลับมาสัก300-400ล้านบาท แต่ต้องมองการเสียเวลา มองย้อนดูที่มา ที่ไป ต้องแยกให้ออก บอร์ดพยายามไม่ให้ปนกัน จะย้อนกลับมาว่าเงินเสียไปเท่าไหร่ จะมีความผิดทางแพ่งหรือไม่ วันนี้ยังบอกอะไรไม่ได้ เพราะยังไม่มีความชัดเจนว่าต้องเสียเท่าไหร่ เพราะยังไม่เห็นยอด
'กสทช.จะบอกมาว่ารับได้เท่าไหร่ จะเป็นวันที่รู้ ที่มาที่ไปทั้งหมด และรู้ว่าทีโอทีเสียหายแค่ไหน'
ทั้งนี้บอร์ดเคยให้เวลาฝ่ายบริหาร 4-5 เดือนเพื่อติดตามโครงการนี้ เป็นการให้เกียรติฝ่ายบริหาร แต่เมื่อเห็นถึงความล่าช้า ปกปิด ซ่อนเร้นข้อเท็จจริง จึงต้องให้บอร์ดเข้าไปสอบข้อเท็จจริงเอง แม้ยังไม่มีผลกระทบแต่บอร์ดถือว่าเสียชื่อเสียงไปด้วย ทั้งๆที่บอร์ดพยายามติดตามทุกขั้นตอนมาโดยตลอด แต่ความเป็นบอร์ดทำให้พูดทุกเรื่องไม่ได้
ทั้งนี้ น.อ.สมศักดิ์ ให้สัมภาษณ์ในระหว่างเดินทางไปประเทศญี่ปุ่น เพื่อเยี่ยมชมบริษัท DOCOMO R&D Center เพื่อดูความก้าวหน้าด้าน 5Gพร้อมด้วยพิมพ์วิมล วงษ์สุวรรณ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด ทีโอที พร้อมคณะสื่อมวลชน
***5G ไทยไม่ล้าหลัง
น.อ.สมศักดิ์กล่าวว่า ดีใจแทนประเทศไทยจากเดิมที่คิดว่าโทรคมนาคมประเทศไทยจะล้าหลังกว่าคนอื่น ประเทศอื่นที่กระตือรือร้นกันมากแต่ประเทศไทยก็อยู่ในกรอบไม่ล้าหลัง รัฐบาลต้องการให้เกิดบริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติตามโอกาสที่เหมาะสมและไม่เกิดผลกระทบกับประชาชน การมีศูนย์ R&Dถือเป็นเรื่องสำคัญ วันนี้เห็นได้เลยว่าที่ญี่ปุ่นทำโครงสร้างพื้นฐาน 5Gเพราะต้องการดูแลประชาชนในทุกมิติตั้งแต่การนำทางชีวิตเกิดแก่เจ็บตาย
ญี่ปุ่นมีแพลตฟอร์ม ซึ่งทีโอทีก็คงต้องคำนึงถึงแพลตฟอร์มเพื่อให้เข้ากับนานาชาติได้ เชื่อว่า ทีโอทีไม่ตกเกมโดยต้องหันไปทำความเข้าใจกับผู้ที่อยู่ในองค์กรและผู้บริหารระดับสูงที่จะต้องให้ความสำคัญเรื่องการทำR&D เพื่อให้สามารถเข้าไปรับใช้ประชาชนได้โดยเครือข่ายที่มีหน้าที่และศักยภาพทุกอย่างที่มี ต้องเอามาผนวกและคิดเพื่อประชาชน ทำตามกรอบและอำนาจหน้าที่เดิมที่ตัวเองได้รับมอบหมาย
อีกสิ่งที่เห็นได้จากการมาดูงานในครั้งนี้คือบริษัทญี่ปุ่นยึดหลักเดียวกับเราคือ ITUซึ่งเป็นตัวกำหนดกฏเกณฑ์สังคมโลก ทีโอทีเองก็ยึดหลักโทรคมนาคมโลกมาโดยตลอดจึงมีความคิดว่าให้คนที่มีความรู้ด้านนี้เฉพาะมาลงลึกให้ผู้ทำงานด้านนี้จริงๆมาดูเพื่อลงลึกสิ่งที่เขาทำด้านของโครงสร้างพื้นฐานอย่างไรให้ประชาชนญี่ปุ่นบ้าง
'ปีหน้าญี่ปุ่นจะเป็นเจ้าภาพกีฬาโอลิมปิกน่าจะมีกิจกรรมที่ญี่ปุ่นเอาไว้ดูแลคนต่างชาติดูแลสังคม เป็นการเผยแพร่ภาพลักษณ์ที่ดีของญี่ปุ่นน่าจะเป็นโอกาสเหมาะที่คนไทยควรมาดูและศึกษาไว้เพราะถ้าดูกรอบระยะเวลา 5Gของญี่ปุ่นมันสอดคล้องกับระยะเวลาของเรา'
***ทีโอทีไม่สน PPP
สำหรับบทบาทของทีโอทีในการให้บริการ 5G ควรเป็นอย่างไรนั้น น.อ.สมศักดิ์ กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าศักยภาพทีโอทีถูกยึดติดอยู่กับระบบราชการ ถ้าเปลี่ยนแปลงตัวเองไม่ได้ก็ต้องยึดหลักตามศักยภาพที่ตัวเองมีอยู่ และเพื่อให้ก้าวไปข้างหน้าโดยการร่วมกับพันธมิตรที่มีศักยภาพ โดยการใช้ศักยภาพของทีโอทีที่เป็นรัฐวิสาหกิจในการทำงาน แต่ทั้งนี้ก็ต้องไม่เอารัดเอาเปรียบผู้ให้บริการรายอื่นด้วย
'ตอนนี้แบบ PPP ไม่เหมาะสมกับการทำงานของทีโอทีหรือถ้าจะรวมตัวกันเป็นเป็นบริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติ ความรวดเร็วจะทันกับสถานการณ์ที่ผ่านไปอย่างรวดเร็วหรือไม่'
ที่เห็นสมควรคือร่วมกับพันธมิตร แล้วทีโอทีเช่าใช้ ถึงแม้จะเป็นการดำเนินการเองก็ตามก็ควรเป็นการเช่าใช้ เพราะเทคโนโลยีมันไปเร็วมาก ทีโอทีจะได้ไม่ต้องมาพัฒนาบุคลากรของทีโอทีเอง ศึกษาเองเพราะเกรงจะไม่ทันแล้ว คนอื่นไปถึงไหนกันแล้ว เหมาะที่สุดคือการเช่า และการหาพันธมิตรมาร่วมทำ ร่วมลงทุนโดยไม่ยึดหลัก PPP เพื่อทำให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพราะทีโอทีก็เห็นอยู่แล้วว่า เรื่องใด ใครมีศักยภาพทีโอทีก็ใช้ศักยภาพของพันธมิตร โดยไม่ต้องลงทุน ซึ่งที่ผ่านมาทีโอทีใช้วิธีซื้อของมาแล้วมาใช้ซึ่งก็ไม่ทันกับสถานการณ์
'วิธีเร็วที่สุดคือเอาศักยภาพของพันธมิตรมา แล้วแปะยี่ห้อทีโอที น่าจะดีที่สุด'
การลงทุนเรื่อง 5G ต้องใช้งบประมาณสูง ทีโอที กับ กสท โทรคมนาคม เป็นรัฐวิสาหกิจ ต้องร่วมกันลงทุนเพื่อเป็นตัวขับเคลื่อนให้รัฐบาล เพราะ 5G ส่วนหนึ่งเป็นการใช้งานเพื่อประชาชนในโรงพยาบาลหรือสถานที่ต้องใช้ดาต้าจำนวนมาก รวมทั้งในส่วนงานที่รัฐบาลเองไม่ต้องการให้ต่างชาติเข้ามารู้ข้อมูลของทางราชการ ก็จะมีทีโอทีเป็นตัวกั้นไว้ชั้นหนึ่งก่อน เพราะไม่ว่าข้อมูลส่วนบุคคลหรือข้อมูลของรัฐ ทีโอทีสามารถดูแลป้องกันได้
***TOT Mobile จิ๊กซอว์สำคัญ
ส่วนงานที่ลืมไม่ได้หากทีโอที จะมุ่งไป 5G คือ TOT Mobile ซึ่งมีศักยภาพหลายอย่างแต่ไม่เอามาใช้ TOT Mobile มีเบอร์ มีคลื่นความถี่ ทีโอทีร่วมกับเอไอเอส ร่วมกับดีแทค ทำให้เห็นว่าโครงข่ายทีโอทีมีศักยภาพ แต่ทีโอทีไม่บุก ทีโอทีมองว่าเรื่องศักยภาพการขาย การบริการทีโอทีสู้คนอื่นไม่ได้ทั้งที่จริงๆแล้วถ้าทีโอทีทำตรงนี้ทีโอทีมีศักยภาพมาก
'ถ้าทีโอทีคิดจะทำ 5G เราต้องคิดว่าตรงนี้มีศักยภาพ ที่ผ่านมาเรามีเบอร์จำนวนมหาศาล มีโครงข่าย เราหาพันธมิตรดีๆมาพัฒนา เราเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส ผนวกกับโครงสร้างพื้นฐานไฟเบอร์ออปติกที่มีอยู่ ใช้หลักการที่เรามีถนนของเรา เรามีโมบายยูนิตรับสัญญาณในพื้นที่ปลายทาง รับดาต้าเพื่อให้เกิดประโยชน์ ตรงนี้จะเกิดได้ สามารถนำศักยภาพไปใช้ให้เกิดประโยชน์ได้หลายอย่าง'
ทั้งนี้มีหลายเรื่องที่เป็นกลยุทธ์ย้อนกลับมาทำเป็นโมบายยูนิตได้เลยในทันที เช่นเรื่องการให้ข้อมูลข่าวสารภัยพิบัติธรรมชาติ ด้านบริการประชาชนเรื่องข้อมูลข่าวสารที่ประชาชนไม่มี ทีโอทีมีดาต้าให้บริการ ก็จะทำให้ความสำคัญกลับขึ้นมา มองว่าเป็นสิ่งที่จะทำให้ทีโอทีพลิกฟื้นขึ้นมาได้ แต่ก็ต้องไม่ขัดกับระเบียบหรือการแข่งขันเสรี หรือทำให้เกิดผลกระทบ 'คนที่เป็นคนของรัฐหันมาใช้โครงข่ายของรัฐ จะทำให้งบประมาณของรัฐลดน้อยลงไปได้ เราเป็นรัฐก็ให้บริการคนของรัฐกันเอง ก่อนขยายไปให้บริการคนอื่นๆต่อไป แต่ถ้าไม่ดีคนของรัฐก็ไม่มาใช้บริการเท่านั้นเอง'
ประธานบอร์ดทีโอที กล่าวย้ำว่าประเทศไทย ถ้าต้องการก้าวไปข้างหน้าแบบก้าวกระโดด ก็ต้องหาพันธมิตรที่ศักยภาพ ที่มีความรู้ มีความเชี่ยวชาญ ทั้ง 4 ด้านคือ ABCD ประกอบด้วย AI, Blockchain, Cloud และ Big Data ซึ่งพวกนี้เป็นตัวขับเคลื่อน ต้องนี้มีการเอาข้อมูลที่มีหลากหลายมาอยู่บนแพลตฟอร์มเดียวกัน เพื่อให้สามารถส่งต่อไปที่ประชาชนได้ง่ายๆ ไม่ใช้เป็นภาษาเทคนิค ต้องเป็นภาษาง่ายๆที่ประชาชนเอาไปใช้ได้เลย
***หมดเวลาทะเลาะกันแล้ว
เมื่อถูกถามว่าเวลานี้ทีโอทีต้องปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง เพื่อรับมือกับ 5G และรับมือการควบรวมกับบริษัท กสท โทรคมนาคม น.อ.สมศักดิ์กล่าวว่าในแง่บุคลากรทีโอที ต้องหันกลับมามองตัวเอง มองสังคมโลก มองการก้าวไปข้างหน้า เพราะหากยังยืนอยู่แบบนี้ ยึดหลักแบบที่เคยทำมาในอดีต ทีโอทีก็จะไม่สามารถก้าวผ่านตรงนี้ไปได้
'ต้องมีความสามัคคีในองค์กร ตัวเองต้องเปลี่ยนวิธีคิดให้ทันไปกับโลก และเห็นประโยชน์ประชาชนและสังคมเป็นสำคัญ ลดความขัดแย้งที่มีระหว่างกัน ซึ่งขณะนี้ก็ลดลงไปมากแล้ว ที่ผ่านมาเราต่างคนต่างทำตามหน้าที่ ที่ได้รับมอบหมายทำงานเป็นแท่งๆ แต่วันนี้เราเชื่อมโยงกัน ก้าวไปด้วยกันให้ได้ คลื่นความถี่กับโครงข่ายทุกวันนี้ต้องไปด้วยกัน ต้องเป็นแพลตฟอร์มเดียวกัน ผู้บริหารก็ต้องมีการพัฒนา คนที่มาทำหน้าที่กรรมการบริหารก็ต้องเสริมสร้างให้คนปฎิบัติหน้าที่ให้ได้ เรามาหล่อหลอมเป็นหนึ่งเดียวกันก็เชื่อว่าสามารถก้าวไปข้างหน้าได้'
นอกจากนี้ต้องมีความเข้าใจในการเปลี่ยนโครงสร้างของตัวเองให้เข้ากับยุคสมัย และต้องน้อมรับในสิ่งที่รัฐบาลมีความเห็นเพื่อให้ก้าวไปข้างหน้า เช่นการเปลี่ยนผ่านไปสู่บริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือที่ต้องการให้ควบรวมระหว่างทีโอทีกับ กสท โทรคมนาคม ต้องเป็นไปตามสิ่งที่รัฐบาลอยากให้เป็นแต่ควรศึกษาสิ่งที่จะทำให้เกิดประโยชน์กับองค์กร กับคนในองค์กร กำหนดกฏเกณฑ์เพื่อให้ก้าวไปข้างหน้า ทั้งผู้บริหาร สหภาพฯ และผู้ให้นโยบายต้องให้เป็นไปในแนวทางเดียวกัน คนทีโอทีและผู้บริหารต้องปรับตัวเองให้ทันกับการเปลี่ยนผ่านตรงนี้ไปได้ แต่ต้องไม่หยุดนิ่ง ต้องปรับตัวเองให้คู่ขนานกันไป
'บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้ แต่ถ้าไม่เปลี่ยนแปลงวันนี้คุณก็อยู่ต่อไปไม่ได้ ต่อไปตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการใหญ่จะเปลี่ยนเป็นแบบสัญญาจ้าง เพื่อกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ไม่เป็นแบบเดิมๆอีกต่อไป'
***กจญ.คนใหม่ต้องรอบรู้
ส่วนสเปกของกรรมการผู้จัดการใหญ่คนใหม่ของทีโอที ที่อยู่ระหว่างการสรรหานั้น ในมุมมองของน.อ.สมศักดิ์ เห็นว่า ต้องมีความรู้ ความเข้าใจว่าองค์กรของตัวเอง มีศักยภาพอะไรบ้างที่จะเอามาใช้ให้เกิดอินโนเวชั่นไปข้างหน้า กับสิ่งที่ประเทศชาติเจออยู่ ต้องเป็นคนที่มีเครือข่าย หรือเป็นคนที่สร้างพันธมิตรเป็น นำพันธมิตรมาขับเคลื่อน ต้องรู้ศักยภาพตัวเองก่อนว่ามีอะไร เก่งตรงไหน และจะเอาใครมาเสริมเติมแต่งได้อย่างไร
รวมทั้งต้องเข้าใจได้ว่าประเทศจะเคลื่อนไปทางไหน มองให้ไกล ไปให้ถึง มองตัวเองก่อนแล้วหาคนมาช่วยทำ ที่สำคัญต้องมีคุณธรรม มีความเชื่อมั่นคนในองค์กรเป็นอันดับหนึ่ง ทำให้ทุกคนมองแล้วมีความเชื่อมั่นได้ ไม่ใช่มองแล้วคนนี้เป็นคนของใคร ต้องเป็นคนที่ทำให้คนอื่นเห็นได้ว่าจะนำพาไปได้ซึ่งเชื่อว่ามี แล้วถ้าเป็นไปได้ควรเป็นคนรุ่นใหม่ที่สามารถทำงานกับคนรุ่นอื่นๆได้ ก็จะสามารถก้าวผ่านไปได้ ที่สำคัญต้องรู้ยุทธศาสตร์ชาติด้วย เพื่อให้เกิดแผนแม่บท ให้เกิดแผนยุทธศาสตร์ที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์โลกที่ก้าวไปอย่างรวดเร็วได้
'ควรเป็นคนที่สามารถนำสิ่งที่มีอยู่ไปประยุกต์ใช้ได้ คือควรรอบรู้ทั้งเรื่องบนดินไม่ว่าจะเป็นไฟเบอร์ออปติก เครือข่ายมือถือ บนอากาศอย่าง ดาวเทียมสื่อสาร หรือ ใต้น้ำ อย่างซับมารีน เคเบิล ที่สำคัญต้องบริหารจัดการเป็น ต้องรู้การเงิน การคลัง ไม่ใช่แค่จบวิศวะ แต่ไม่รู้เรื่องอื่น คือต้องมีความรู้หลากหลาย และนำมาประยุกต์ใช้ได้เป็น'