คลาวด์ไทยเริ่มเรียนรู้ เลือกใช้งานตามคุณภาพ เอ็นทีที (NTT) ได้เวลาบุกตลาดไทยเต็มรูปแบบ หลังเห็นโอกาสยังไม่มีคลาวด์มาตรฐานระดับโกลบอล เข้ามาตั้งให้บริการในไทย จับกลุ่มลูกค้าองค์กรธุรกิจที่ต้องการคลาวด์ประสิทธิภาพสูง พร้อมให้บริการแบบครบวงจร
นายสุทัศน์ คงดำรงเกียรติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารประจำประเทศไทย กัมพูชา เมียนมาร์ และลาว บริษัท เอ็นทีที จำกัด กล่าวว่า เนื่องจาไทยไม่ได้เป็นอินฟราสตรัคเจอร์ฮับของอาเซียน ทำให้ยากที่จะดึงนักลงทุนคลาวด์ระดับโลกเข้ามาได้ ทำให้การใช้งานคลาวด์ที่เกิดขึ้นจะมีข้อจำกัดในเรื่องของการเข้าถึงคลาวด์ที่อยู่ต่างประเทศ
ในจุดนี้ ทำให้ NTT นำคลาวด์ที่มีมาตรฐานระดับโลกเข้ามาให้บริการในประเทศไทย เพื่อแก้ปัญหาเรื่องของการซัพพอร์ต ความพร้อมของอินฟราสตรัคเจอร์ แบนด์วิดท์ต่างๆ อยู่ที่เมืองไทย การปรับปรุงต่างๆก็อยู่ในเมืองไทย
“การให้การบริการคลาวด์ในไทย จะช่วยให้องค์กรในไทยได้ใช้คลาวด์ที่มีมาตรฐานระดับโลก รองรับการทำงานร่วมกับพันธมิตรายใหญ่ๆ และช่วยให้องค์กรสามารถปรับเปลี่ยนได้ทัน เวลามีแอปพลิเคชันใหม่ๆ เข้ามาสามารถนำมาติดตั้งเพื่อใช้งานได้ทันที”
สุทัศน์ มองว่า ตลาดคลาวด์ไทยในเวลานี้อยู่ในช่วงที่ลูกค้าเริ่มมีความรู้ ทำให้มั่นใจว่าลูกค้าองค์กรที่ต้องการคุณภาพ ต้องการใช้แอปพลิเคชันที่ดี และเริ่มเรียนรู้แล้วว่าบริการคลาวด์ที่สำคัญต้องรองรับอะไรบ้าง เพื่อให้ขยายการใช้งานต่อไปในอนาคต
เบื้องต้น การให้บริการคลาวด์จะจับกลุ่มองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ทั้งในภาคการเงิน ธนาคาร ภาคอุตสาหกรรม ผู้ให้บริการศูนย์บริการข้อมูล (Contact Centre) ธุรกิจที่มีหลายสาขา และภาครัฐที่ต้องการความปลอดภัยในระดับสูง โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจที่ใช้งานบนแพลตฟอร์มของ SAP
“แนวโน้มความต้องการในการใช้บริการคลาวด์ในประเทศไทยเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะบนแพลตฟอร์ม SAP ซึ่งปัจจุบันมีการใช้งาน SAP บนคลาวด์ในปัจจุบันราว 24% ของการใช้ SAP ทั้งหมดทั่วโลก และมีแนวโน้มความต้องการใช้งานที่คาดว่าจะเติบโตในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และประเทศไทยเพิ่มขึ้น”
สำหรับในประเทศไทย เชื่อว่าแนวโน้มในการให้บริการคอนแทคเซ็นเตอร์ โดยคาดการณ์ขนาดตลาดรวมของศูนย์บริการข้อมูลจะเพิ่มขึ้นจาก 16.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2559 เป็น 27.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2566 โดยมีอัตราการเติบโตต่อปี 7.4% และเชื่อว่ามากกว่า 50% จะย้ายมาใช้บริการคลาวด์ในประเทศไทย
ในส่วนของรูปแบบการให้บริการคลาวด์ของ NTT จะให้บริการทั้งออกแบบ ย้ายระบบ และบริหารจัดการคลาวด์ ในรูปแบบการให้บริการครบวงจร (Full Service) เพื่อให้ลูกค้าองค์กรธุรกิจเดิมที่ใช้บริการคลาวด์หลากหลายอยู่แล้วสามารถย้ายมาใช้งานได้อย่างเหมาะสม
ทั้งนี้ เอ็นทีที ใช้เงินลงทุนสำหรับการสร้างดาต้าเซ็นเซอร์ ติดตั้งระบบคลาวด์ในประเทศไทยไปราว 200 ล้านบาท และพร้อมที่จะขยายเงินลงทุนต่อเนื่องตามปริมาณการใช้งานที่เพิ่มขึ้น ตามอัตราการเติบโตของคลาวด์ในประเทศไทย
การให้บริการคลาวด์ในประเทศนี้ เกิดขึ้นหลังจากที่ เอ็นทีที ประกาศควบรวม 28 บริษัทในเครือ เพื่อนำเสนอบริการคลาวด์แบบครบวงจร ในช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ชูจุดเด่นในเรื่องของการที่มีบริการที่หลากหลาย และครอบคลุมในการให้บริการไอทีแก่องค์กรธุรกิจ