กสทฯ เตรียมหาพันธมิตรยุติข้อพิพาท หวังสร้างรายได้พิเศษให้บริษัท หลังจากเจรจากับดีแทคสำเร็จคว้าเงินเข้าบริษัทกว่า 9,000 ล้านบาท คาดชัดเจนไม่เกิน ก.พ.ปีหน้า
พ.อ.สรรพชัย หุวะนันทน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ภายในไม่เกินเดือน ก.พ. 2563 บริษัทจะสามารถเจรจาระงับข้อพิพาทกับเอกชนได้อีกรายหนึ่งเหมือนกับที่ทำมาแล้วกับบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค และได้รับเงินจำนวน 8,000-9,000 ล้านบาทครบแล้วเมื่อเดือน ต.ค. ที่ผ่านมา เพื่อหวังว่าบริษัทจะมีกำไรเพิ่มขึ้น หลังจากที่บริษัทคาดว่าสิ้นปี 2562 บริษัทจะมีรายได้ 87,000 ล้านบาท กำไร 37,000 ล้านบาท จากการที่มีรายได้พิเศษเข้ามาคือรายได้จากดีแทคและรายได้จากการชนะคดีค่าเชื่อมต่อโครงข่าย 40,000 ล้านบาท
นอกจากการหาช่องทางรายได้จากการยุติข้อพิพาทใหม่แล้ว ปีนี้ คณะกรรมการบริษัทยังได้สำรองเงินจำนวน 5,000 ล้านบาท สำหรับจ่ายคดี FTTX 12 โครงการ ที่คาดว่าอาจจะแพ้คดีบางคดีและต้องจ่ายเงินในปีหน้าเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบด้านการเงินของงบประมาณปีหน้าด้วย
ทั้งนี้ เนื่องจากในปีหน้าหากบริษัทไม่มีรายได้พิเศษเข้ามา บริษัทคาดว่าจะมีรายได้ประมาณ 39,600 ล้านบาท แต่มีรายจ่าย 39,200 ล้านบาท ทำให้มีกำไรเพียง 400 ล้านบาท โดยรายได้ปี 2563 ส่วนใหญ่มาจากธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ 27,000 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จาก บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) 20,000 ล้านบาท รายได้จากบริการ มาย บาย แคท 2,000 ล้านบาท รายได้จากการให้บริการเช่าเสา 5,000 ล้านบาท ซึ่งรายได้จากบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ยังทรงตัว ดังนั้นในส่วนของ มาย บาย แคท จะไม่ใช้กลยุทธ์ในการหาลูกค้าจำนวนมากเพียงอย่างเดียว เพราะที่ผ่านมาพิสูจน์แล้วว่าจำนวนลูกค้าไม่ได้ทำให้กำไรเพิ่มขึ้น ดังนั้นในปีหน้าจึงต้องโฟกัสที่การเพิ่มแวลลูในการให้บริการเพื่อเพิ่มยอดการใช้งานต่อเดือนของลูกค้าเป็นหลัก
รองลงมาคือบริการ ดาต้า คอมมูนิเคชั่น รายได้ทรงตัวอยู่ที่ 3,600 ล้านบาท , บริการบรอดแบนด์รายได้เพิ่มขึ้นจาก 2,300 ล้านบาทในปี 2562 เป็น 2,700 ล้านบาท ,รายได้ ไอที เซอร์วิส 2,700 ล้านบาท โดยในส่วนนี้บริการดิจิทัล เซอร์วิส เพิ่มขึ้น จาก 850 ล้านบาท ในปี 2562 เป็น 1,200 ล้านบาท เนื่องจากจะมีรายได้จากการให้บริการคลาวด์ภาครัฐ ( GDCC) เข้ามา ส่วนบริการ ไอดีดี รายได้ในปี 2563 ลดลง จากปี 2562 ที่ 1,300 ล้านบาท เป็น 1,100 ล้านบาท เนื่องจากลูกค้าใช้งานน้อยลงตามเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป ที่เหลือมาจากรายได้อื่นๆ 2,500 ล้านบาท