หลังจากการที่แกร็บ เข้าซื้อกิจการของอูเบอร์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทำให้ถูกจับตามองว่า แกร็บ คือ บริการเรียกรถที่ผูกขาดตลาดเพียงรายเดียวหรือไม่ ทั้งค่าบริการก็เห็นได้ชัดว่าแพงขึ้น เพราะไม่ได้เกิดการแข่งขันเหมือนแต่ก่อน กระแสข่าวที่เกิดขึ้นคือหน่วยงานสิงคโปร์ ที่รับผิดชอบตรวจสอบดีลควบรวม คือ คณะกรรมาธิการแข่งขัน และผู้บริโภคแห่งประเทศสิงคโปร์ (CCCS) ออกแถลงการณ์ว่า ดีลนี้จะทำให้ตลาดมีนวัตกรรมน้อยลง และคุณภาพในการให้บริการต่ำลงหรือไม่
***ไม่ได้ผูกขาดตลาดรายเดียว
แน่นอนว่า “แอนโทนี่ ตัน” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้งแกร็บ ไม่เห็นด้วยกับการตั้งข้อสังเกตนี้ เขายืนยันว่า สิ่งที่แกร็บทำชัดเจนที่สุด สิ่งที่ทำไม่ได้เป็นการผูกขาดตลาด หรือทำให้การแข่งขันหรือนวัตกรรมของแกร็บน้อยลง แต่ยังคงมุ่งมั่นสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ โดยเมื่อเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา ก็เพิ่งเปิดตัว Grab Ventures ที่ทำงานร่วมกับบริษัท ภาคเอกชน และหน่วยงานภาครัฐในสิงคโปร์ และทั่วภูมิภาค เพื่อสนับสนุนบริษัทเทคโนโลยี สตาร์ทอัป ทั้งในเรื่องของปัญหาด้านการขนส่ง ลอจิสติกส์ อาหาร และการชำระเงินในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
“เรายังคงลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ โดยรถยนต์ไร้คนขับเป็นสิ่งที่เราเคยทดลองมาแล้ว และอาจจะมีโปรแกรมทดลองในสิงคโปร์”
ผู้บริหาร แกร็บ กล่าวว่า การแข่งขันจึงมีตลอด ถามว่าแกร็บเหมือนกับไลน์ไหม ต้องบอกว่า แกร็บไม่ได้โฟกัสที่คู่แข่ง แต่เราโฟกัสที่การให้บริการที่ดีกับลูกค้า เพราะการแข่งขันถือเป็นเรื่องปกติในแต่ละตลาดที่แกร็บดำเนินธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมนี้มีการแข่งขันกันสูง แกร็บเองเกิดมาจากการแข่งขันเช่นกัน การแข่งขันนับว่าเป็นสิ่งที่ดี เพราะแกร็บจะพยายามพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ อย่างรวดเร็ว หรือการเลือกทำงานกับพันธมิตรที่จะนำประสบการณ์การใช้งานมาสู่ผู้ใช้งานของเรา
“แม้แต่ในประเทศไทยเองก็มีคู่แข่ง ไม่ได้มีแกร็บเพียงรายเดียว เราให้ความสำคัญในการมอบมูลค่าเพิ่มให้กับลูกค้า เรามีการให้คะแนนสะสม และเราไม่ได้หยุดการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ ล่าสุดก็ยังได้ปรับโฉมแอปพลิเคชันรูปแบบใหม่ให้สามารถทำงานร่วมกับพันธมิตรในการให้บริการครอบคลุมหลายบริการครบวงจรมากกว่าการให้บริการเรียกรถเพียงอย่างเดียว”
ในส่วนของตลาดไทยเป็นตลาดที่มีบริการของแกร็บที่หลากหลาย อย่างแกร็บแท็กซี่, แกร็บคาร์, เกร็บไบต์, แกร็บ เอ็กซเพรส รวมถึงแกร็บฟู้ด โดยมองเห็นโอกาสต่างๆ ในไทย และจะเปิดตัวสิ่งใหม่ๆ อย่างแน่นอน พร้อมทั้งมีการพูดคุยในเรื่องนี้กับผู้เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด และเข้าพบพร้อมหารือกับ “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” รองนายกรัฐมนตรีอย่างใกล้ชิดในการให้บริการแต่ละด้าน ด้วยความเชื่อที่ว่า แต่ละรัฐบาลต่างต้องการให้เกิดการสร้างงาน โดยแกร็บ ไม่เพียงแต่เปิดโอกาสด้านอาชีพเท่านั้น รายได้ของผู้ขับขี่ก็เพิ่มขึ้นด้วย ด้วยเหตุนี้เอง แกร็บจะยังคงเปิดตัวบริการที่เหมาะกับแต่ละตลาด พร้อมกับมอบโอกาสในการสร้างงาน และรวมถึงพัฒนาระบบนิเวศของสตาร์ทอัปในไทยด้วย
***เน้นสร้างงานในภูมิภาค
“แอนโทนี่” ย้ำว่า อนาคตของแกร็บก็คืออนาคตของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แกร็บต้องการสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อสร้างงานให้คนทั่วภูมิภาคนี้ ในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา แกร็บทำงานกันอย่างหนักเพื่อปรับปรุงเทคโนโลยี และขยายการเข้าถึงผลิตภัณฑ์ของเรา
สิ่งที่แกร็บ มีได้ในวันนี้ได้รับการทดสอบผ่านทางการให้บริการของเราเอง โดยแกร็บได้เติบโตจากแพลตฟอร์มการจองรถแท็กซี่ จนมาเป็นผู้ให้บริการขนส่งสำหรับบริษัทในธุรกิจอีคอมเมิร์ซในปัจจุบัน จึงนับเป็นเวลาที่เหมาะสมในการนำสิ่งที่แกร็บมีความเชี่ยวชาญมาทำงานร่วมกับพันธมิตรที่ได้รับการคัดเลือกโดยท้ายที่สุด คือ การทำให้แพลตฟอร์มของแกร็บ เป็นแพลตฟอร์มเปิดสำหรับธุรกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ด้วยยอดการติดตั้งในโทรศัพท์มือถือ 100 ล้านเครื่อง เครือข่ายผู้ขับขี่ พันธมิตรผู้ขนส่ง ผู้ค้าและตัวแทนรวมกว่า 7.1 ล้านคน รวมถึงระบบการจ่ายเงินที่แข็งแกร่ง ขณะที่เทคโนโลยีที่เรามี ได้ทำให้แกร็บ เป็นที่หนึ่งในภูมิภาคที่สามารถให้การสนับสนุนการสร้างการเติบโตทางธุรกิจของสตาร์ทอัปอื่นๆ ธุรกิจของแกร็บ มีอยู่ใน 225 เมืองใน 8 ประเทศ
“เอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะเป็นภูมิภาคที่มีขนาดทางธุรกิจใหญ่เป็นอันดับ 4 ภายในปี พ.ศ. 2593 ประชากรจำนวนมากจะมีฐานะดีขึ้นในสังคมระดับกลาง ระบบสาธารณูปโภคทางเทคโนโลยีจะเดินหน้า บริษัทต่างๆ ต้องปรับตัวอย่างรวดเร็วให้สอดคล้องกับโอกาสทางธุรกิจที่กำลังเปลี่ยนแปลง การผสานกันระหว่างความแข็งแกร่งของแกร็บ และความเชี่ยวชาญของพันธมิตรจะเสริมศักยภาพของทั้งสองฝ่ายให้เติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพ และรวดเร็ว เพื่อตอบสนองต่อความต้องการทุกวันของลูกค้าในภูมิภาคนี้”
***ปรับโฉมแอปใหม่เป็นมากกว่าแอปเรียกรถ
แกร็บ มุ่งมั่นที่จะเป็นมากกว่า การให้บริการเรียกรถ จึงได้พัฒนาแกร็บรูปโฉมใหม่ เพื่อให้เป็นเสมือนซูเปอร์แอป ในการให้บริการที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น การชอปปิ้ง ข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับเมืองที่อยู่ การรีวิว สถานที่ และเทศกาลต่างๆ อย่างมัสยิดที่ใกล้ที่สุดระหว่างช่วงรอมฎอน หรือผลคะแนนฟุตบอลล่าสุด ตลอดจนเกม และความบันเทิงต่างๆ
ลูกค้าของแกร็บสามารถอ่านรีวิวร้านอาหาร หรือห้างสรรพสินค้า ที่กำลังจะเดินทางไปถึงก่อนได้ หรือแม้กระทั่งการดูหนังสั้นจากโปรดิวเซอร์ท้องถิ่น และเล่นเกม ซึ่งเนื้อหาจะปรับให้เหมาะสมกับช่วงเวลานั้น
นอกจากนี้ แกร็บยังจับมือกับพันธมิตรด้านเนื้อหากับ Yahoo เริ่มตั้งแต่เดือน ก.ค. นี้ ในสิงคโปร์ มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ ส่วนพันธมิตรด้านข้อมูลข่าวสารในประเทศอื่นๆ จะประกาศเพิ่มต่อไปในอนาคต
สำหรับแอปพลิเคชันโฉมใหม่นี้ แกร็บได้เริ่มเปิดบริการบน iOS แล้ววันนี้ในประเทศสิงคโปร์ และมาเลเซีย ส่วนแอนดรอยด์จะเปิดให้บริการวันที่ 18 ก.ค. นี้ สำหรับประเทศอื่น รวมถึงไทยจะเริ่มให้บริการหลังไตรมาส 3 ปีนี้
จากการเปิดตัวแอปพลิเคชันโฉมใหม่นี้ แกร็บได้ประกาศเปิดตัวพันธมิตรรายแรกอย่างแฮปปี้เฟรช (Happy Fresh) บริการซูเปอร์มาร์เกต แบบออนดีมานด์ ในชื่อแกร็บเฟรช ที่จะทดลองเปิดให้บริการในเมืองจาการ์ต้า ประเทศอินโดนีเซียในเดือน ก.ค. นี้ ก่อนจะเปิดตัวในประเทศไทย และมาเลเซีย ภายในสิ้นปีนี้
ลูกค้าในปัจจุบันใช้บริการแกร็บ เพื่อเดินทาง รับประทานอาหารกลางวัน ส่งพัสดุ รวมถึงชอปปิ้งอยู่แล้ว ทั้งยังสามารถซื้อสินค้าต่างๆ จากซูเปอร์มาร์เกตโดยไม่ต้องเสียเวลารอคิวด้วยแกร็บเฟรช
ด้วยการร่วมมือกับแฮปปี้เฟรช ลูกค้าแกร็บจะได้รับความสะดวกจากการซื้อสินค้าในซูเปอร์มาร์เกตได้จากบ้าน จากการที่ผู้บริโภคมักต้องการซื้อสินค้าสด และสินค้าแช่งแข็งอยู่เป็นประจำ ผู้ขับขี่และให้บริการขนส่งของแกร็บเอ็กซเพรสสามารถส่งสินค้าเหล่านั้นถึงประตูบ้านได้ภายใน 1 ชั่วโมง หรือตามเวลาที่นัดไว้
แกร็บเฟรช โดยแฮปปี้เฟรช มีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายกว่า 100,000 รายการจากเครือซูเปอร์มาร์เกต และร้านขายสินค้าเฉพาะทางกว่า 50 แห่ง ผู้ช่วยซื้อสินค้าส่วนตัวที่ได้รับการอบรมมาอย่างดี และมีความรู้ในการเลือกซื้อสินค้าทั่วไป และสินค้าเฉพาะ ซึ่งสามารถให้บริการตามความต้องการพิเศษด้วย โดยลูกค้าสามารถปฏิเสธการรับสินค้าในกรณีไม่พอใจได้ มอบความยืดหยุ่น และสะดวกสบายในการส่งสินค้าถึงประตูบ้านตามเวลาที่ต้องการ โดยพันธมิตรรายอื่นๆ จะทยอยเปิดตัวในอนาคต โดยจะเลือกพันธมิตรที่มีความโดดเด่น และตรงกับการใช้งานของแต่ละประเทศเป็นหลัก