xs
xsm
sm
md
lg

“ดีแทค” ระบุคลื่นย่านความถี่สูงเพียงพอ ไม่เข้าร่วมประมูล 1800 MHz

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ดีแทค ระบุเหตุผลไม่ยื่นประมูลคลื่นความถี่ 1800 MHz เนื่องจากมีคลื่นความถี่สูงเพียงพอแล้ว พร้อมให้ความสำคัญแผนคุ้มครองลูกค้าหลังหมดสัมปทาน กระตุ้นหน่วยงานกำกับดูแลจัดสรรคลื่นย่านความถี่ต่ำ (low-band spectrum) ในอนาคต

นายลาร์ส นอร์ลิ่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค กล่าวว่า ดีแทคได้พิจารณาการเข้าร่วมประมูลอย่างรอบคอบ โดยมีข้อสรุปถึงการถือครองคลื่นย่านความถี่สูง (high-band spectrum) มีปริมาณมากพอที่จะรองรับการใช้งานดาต้าที่เติบโตขึ้นในอนาคต

โดยการประมูลในครั้งนี้คงหลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ไม่เอื้อประโยชน์ให้บริษัทฯ สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ลูกค้า และผู้ถือหุ้นได้ในระยะยาว ดีแทคมั่นใจในการให้บริการอย่างต่อเนื่องจากจำนวนคลื่นความถี่ทั้งหมดที่ถือครองมากพอที่จะรองรับการเติบโตการใช้งานดาต้าของลูกค้า และเตรียมพร้อมสำหรับมาตรการคุ้มครองลูกค้าเพื่อไม่กระทบการใช้งานจากกรณีสิ้นสุดสัมปทานคลื่นความถี่

***ดีแทคมีคลื่นย่านความถี่สูงปริมาณมากเพียงพอ

ปัจจุบัน ดีแทคได้ถือครองความถี่ย่าน 2100 MHz จำนวน 15 MHz และมีคลื่นใหม่ความถี่ 2300 MHz จำนวน 60MHz ซึ่งเป็นคลื่นความถี่เดียวที่กว้างที่สุดในประเทศไทย ซึ่งถ้าหมดสัมปทานคลื่น 1800 MHz และสิ้นสุดระยะเวลาเยียวยาแล้ว ดีแทค ยังมีคลื่นย่านความถี่สูงเพิ่มมากกว่าอีกเดิม 10 MHz จากคลื่นใหม่ 2300 MHz ที่จะนำมาให้บริการสำหรับคลื่นย่านความถี่สูงอย่างพอเพียง

ทั้งนี้ คลื่น 2300 MHz ได้ถูกนำมาให้บริการ 4G TDD เพื่อตอบสนองการใช้งานดาต้าที่เน้นการดาวน์โหลด สอดคล้องต่อพฤติกรรมลูกค้าที่หันมานิยมการรับชมวิดีโอผ่านสมาร์ทโฟนจำนวนหลายชั่วโมงต่อวัน

ถึงแม้ว่าดีแทคจะสิ้นสุดสัมปทานคลื่น 1800 MHz และ 850 MHz ดีแทคยังมีปริมาณคลื่นความถี่ที่จะให้บริการต่อจำนวนลูกค้ามากกว่าผู้ประกอบการรายอื่น (ดีแทคมีจำนวนคลื่นเฉลี่ย 2.75 MHz ต่อจำนวนลูกค้า 1 ล้านราย ในขณะผู้ให้บริการรายอื่นมีจำนวน 1.37 MHz และ 1.99 MHz)

ขณะเดียวกัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพโครงข่าย ดีแทคยังเร่งขยายสถานีฐานอย่างรวดเร็วกว่าที่ผ่านมา โดยมีการขยายเพิ่มสถานีฐาน 3G/4G บนโครงข่าย 2100 MHz จำนวน 4,000 แห่งต่อปีในช่วง 2560-2561 ซึ่งขยายรวดเร็วกว่าเดิมถึง 2 เท่าเมื่อเทียบกับปีก่อน

ดีแทค ยังรุกขยายสถานีฐานสำหรับการใช้งานบนคลื่นความถี่ 2300MHz dtac TURBO ด้วยเทคโนโลยี 4G TDD ให้ได้อีกอย่างน้อย 4,000 แห่งในปีนี้ตามข้อตกลงกับทีโอที และหากดีแทคสามารถทำได้เต็มกำลังการติดตั้งสถานีฐานคาดว่าจะขยายได้มากถึง 7,000 แห่งในปลายปีนี้

***อุตสาหกรรมโทรคมนาคมต้องการคลื่นย่านความถี่ต่ำ (LOW-BAND SPECTRUM)


จากที่ประเทศไทยมีคลื่นย่านความถี่สูง (high-band spectrum) รองรับบริการ ดีแทคขอย้ำว่าภาพรวมอุตสาหกรรมโทรคมนาคมของไทยในขณะนี้ต้องการคลี่นความถี่ต่ำ (low-band spectrum) มากกว่า

เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนในต่างจังหวัด และพื้นที่ห่างไกลสามารถเข้าถึงบริการโทรคมนาคมขั้นพื้นฐาน และกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจในระดับชุมชน การสร้างนวัตกรรมที่ตอบสนองความต้องการ และปัญหาเฉพาะในแต่ละท้องถิ่น อันจะนำมาซึ่งการพัฒนาคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืน ตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ แต่ประเทศไทยยังขาดแผนการจัดสรรคลื่นความถี่ต่ำที่จะมาให้บริการ

นอกจากนี้ ประเทศไทยยังติดกับดักต้นทุนของคลื่นความถี่ที่สูงระดับโลก เมื่อรวมกับข้อกำหนดกรณีผู้เข้าร่วมประมูลมีจำนวนเท่ากับหรือน้อยกว่าจำนวนใบอนุญาต หรือ N-1 จะนำประเทศไปสู่สภาวะขาดคลื่นความถี่เพื่อนำมาใช้งาน

เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศในภูมิภาคเดียวกัน ประเทศไทยจ่ายค่าบริการอินเทอร์เน็ตที่สูงกว่าแต่กลับได้ใช้งานความเร็วอินเทอร์เน็ตที่ช้ากว่าประเทศอื่น การตั้งหลักเกณฑ์ที่ไม่เหมาะสมจะนำไปสู่ภาวะการขาดแคลนคลื่นความถี่ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การใช้งานอินเทอร์เน็ตที่ช้าลง โดยจะส่งผลเสียต่อภาพรวมในการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลของประเทศไทย

***มั่นใจให้บริการอย่างต่อเนื่อง

ในขณะเดียวกัน ดีแทค และ CAT ได้ร่วมยื่นแผนคุ้มครองลูกค้าใช้งานมือถือหลังหมดสัมปทานคลื่น 1800 MHz และ 850 MHz ต่อ กสทช. เมื่อวันที่ 7 มิถุนายนที่ผ่านมา

แผนความคุ้มครองลูกค้าในกรณีสิ้นสุดการอนุญาตสัมปทานดังกล่าวที่ยื่นต่อ กสทช. เพื่อให้ลูกค้าดีแทคที่ยังอยู่ในระบบสัมปทานเดิม จะต้องได้รับความคุ้มครอง และไม่กระทบการใช้งานตามที่เคยมีกรณีสิ้นสุดสัมปทานคลื่นความถี่กับผู้ให้บริการรายอื่น และยังมีลูกค้าคงค้างในระบบเช่นเดียวกันที่ผ่านมา ผู้ประกอบการที่หมดสัมปทานได้รับระยะเวลา 9-26 เดือนในช่วงเยียวยา ซึ่งได้สิ้นสุดเมื่อผู้ชนะการประมูลคลื่นได้ทำตามหลักเกณฑ์ และเปิดใช้งานคลื่น

ดีแทคยืนยันที่ลูกค้าจะต้องได้รับการคุ้มครองตามประกาศ กสทช. คลื่น 1800 MHz ควรนำมาสู่การใช้งานสำหรับมาตรการคุ้มครองผู้ใช้บริการเป็นการชั่วคราวในกรณีสิ้นสุดการอนุญาตสัมปทานจนกระทั่งผู้ชนะการประมูลได้ทำตามกฎเกณฑ์ และเปิดให้บริการวันแรก สำหรับคลื่น 850 MHz ที่ไม่ได้นำไปประมูลดีแทคจะต้องได้รับสิทธิจนกระทั่งคลื่นได้ถูกนำไปจัดสรรให้แก่ผู้ได้รับอนุญาตใช้งานต่อไป

จากการที่ดีแทคได้เร่งโอนย้ายลูกค้าที่ใช้บริการ 2G และเร่งขยายโครงข่ายทั้งคลื่น 2100 MHz และ 2300 MHz จะเป็นมาตรการยืนยันเพื่อลูกค้าดีแทคที่ใช้งานบนทุกคลื่นความถี่ทั้ง 2G, 3G และ 4G จะมั่นใจได้อย่างเต็มที่สำหรับการใช้งานอย่างต่อเนื่องไม่มีความเสี่ยงจากซิมดับ

***ดีแทคมุ่งสู่การสร้างโครงข่ายดาต้าที่ดีที่สุด

นายประเทศ ตันกุรานันท์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มเทคโนโลยี บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค กล่าวว่า ดีแทคยืนยันเต็มร้อยที่จะสร้างโครงข่ายการใช้งานดาต้าให้ดีที่สุดสำหรับประเทศไทย เราลงทุน 4,510 ล้านบาทต่อปี เพื่อให้บริการคลื่น 2300 MHz ตามสัญญาทางธุรกิจ และความร่วมมือกับทีโอที

นอกจากนี้ ดีแทคยังลงทุน 1.5-1.8 หมื่นล้านบาทในการขยายโครงข่ายคลื่น 2100 MHz และ 2300 MHz โดยการที่เป็นพันธมิตรคู่ค้ากับทีโอที ยังทำให้ดีแทคมีโอกาสทางธุรกิจใหม่ สู่การให้บริการบรอดแบนด์ไร้สายประจำที่ (Fixed Wireless Broadband) และการร่วมเป็นพันธมิตรกับ CAT ทำให้ดีแทคได้ใช้งานเสาสัญญาณโทรคมนาคมหลังจากสิ้นสุดสัมปทาน วันที่ 15 กันยายน 2561 ทั้งหมดนี้จะทำให้ลูกค้าดีแทคมั่นใจสามารถใช้บริการอย่างต่อเนื่อง และได้รับประสบการณ์ใช้งานที่ดีที่สุดอีกด้วย

นายลาร์ส กล่าวทิ้งท้ายว่า ลูกค้าดีแทคมั่นใจได้ในการใช้บริการอย่างต่อเนื่อง ดีแทคมีคลื่นย่านความถี่สูง (high-band spectrum) มากที่สุด และเราได้เร่งสร้างโครงข่ายเพื่อการใช้งานดาต้าที่ดีที่สุดในประเทศไทยไม่ใช่แค่เพื่อวันนี้แต่เพื่อรองรับอนาคต

โดยขณะนี้ผู้ให้บริการในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมต้องการมากที่สุด คือ การจัดสรรคลื่นย่านความถี่ต่ำ (low-band spectrum) ที่มีความชัดเจน เพื่อวางแผนในการให้บริการผู้ใช้งานดาต้าได้ครอบคลุมทั้งในเมือง และทุกพื้นที่ทั่วไทย



ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
หรือว่า 15 มิ.ย. จะไม่มีโอเปอเรเตอร์ยื่นซองร่วมประมูล 1800 MHz


กำลังโหลดความคิดเห็น