อูเบอร์ เจอตั้งคำถามเข้ม เหตุชนคนเสียชีวิตในอริโซน่า

จากกรณีอุบัติเหตุที่มีผู้เสียชีวิตจากการถูกรถยนต์อัตโนมัติของอูเบอร์ (Uber) ชนในอริโซน่า ได้มีสื่อตะวันตกอย่างนิวยอร์ก ไทม์ (New York Times) ลงไปขุดคุ้ยข้อมูลที่ลึกมากขึ้น และพบความแตกต่างของการทดสอบที่อูเบอร์ทำเมื่อเทียบกับการทดสอบรถอัตโนมัติของเวย์โม (Waymo) หรือค่ายจีเอ็ม (GM) หลายประการ

ประการแรกเป็นเรื่องของระยะทางที่รถวิ่งได้โดยเฉลี่ย โดยรถจากเวย์โม สามารถวิ่งได้ประมาณ 5,600 ไมล์ จึงจำเป็นต้องให้พนักงานควบคุมเข้าบังคับรถ ส่วนของจีเอ็ม สามารถวิ่งได้ที่ระยะทางเฉลี่ย 1,200 ไมล์ ขณะที่เอกสารของอูเบอร์นั้น พบว่าเป้าหมายขององค์กร (แบบเป็นการภายใน) อยู่ที่ 13 ไมล์

ต่อมา เป็นเรื่องของพนักงานที่ควบคุมรถ ซึ่งเปิดเผยโดย Jalopnik เว็บไซต์ข่าวด้านรถยนต์ที่พบว่า อูเบอร์มีการทดสอบเทคโนโลยีที่แตกต่างจากค่ายอื่น นั่นคือ อูเบอร์ใช้พนักงานเพียงคนเดียวสำหรับการมอนิเตอร์ด้านความปลอดภัย และประสิทธิภาพ ขณะที่โตโยต้า, นิสสัน, ฟอร์ด ต่างใช้พนักงานสองคนทั้งสิ้น

ส่วนเวย์โม ก่อนหน้านั้น ก็ใช้สองคน แต่นับตั้งแต่ปี 2015 เป็นต้นมา ที่บริษัทนำซอฟต์แวร์ และฮาร์ดแวร์ เข้ามาช่วยแล้ว ก็ลดพนักงานในส่วนนี้ลงเหลือแค่ 1 คน แต่เมื่อใดก็ตามที่มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงใหม่ หรือย้ายไปขับในเมืองใหม่ หรือเปลี่ยนถนนใหม่ บริษัทจะเพิ่มพนักงานควบคุมคนที่สองลงไปด้วยทุกครั้ง

นอกจากนี้ นิวยอร์กไทม์ ยังพบว่า ในอริโซน่า ไม่ต้องเปิดเผยรายงานการขับต่าง ๆ ต่อสาธารณะเหมือนที่แคลิฟอร์เนีย และรถจากอูเบอร์ ที่ทดสอบในแคลิฟอร์เนีย ก็ไม่ได้ทดสอบนานพอที่จะต้องทำรายงานเพื่อเผยแพร่ในแคลิฟอร์เนียด้วย

หลังจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ซีอีโอคนใหม่ของอูเบอร์อย่าง Dara Khosrowshahi ได้เคยเอ่ยปากว่าจะพิจารณายุติโปรแกรม

ข้อสงสัยอีกข้อ คือ เซ็นเซอร์ไลดาร์ (Lidar) ของตัวรถที่ตรวจจับสิ่งต่าง ๆ รอบตัวนั้น ทำงานได้เป็นปกติหรือไม่ และมันสามารถจับภาพของผู้เสียชีวิตก่อนจะถูกรถชนได้หรือไม่ ซึ่งโธมา ฮอลล์ (Thoma Hall) จากบริษัท Velodyne Lidar ผู้พัฒนาเซ็นเซอร์ดังกล่าว เผยว่า โดยปกติแล้ว เซ็นเซอร์ไลดาร์ของเขาจะสามารถจับภาพของเอเลน และจักรยานของเธอได้ แม้จะอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มืด อย่างไรก็ตาม เขามองว่า สัญญาณจากเซ็นเซอร์ต้องเชื่อมต่อกับตัวตัดสินใจในการเหยียบเบรก หรือหลบให้พ้นทาง

“ปัญหาอยู่ที่ตรงนี้ เพื่อความโปร่งใส อูเบอร์ต้องออกมาอธิบายว่า กระบวนการทำงานของรถในขณะนั้นเป็นอย่างไร เพื่อยุติความสับสน และความไม่มั่นใจของสาธารณชน ที่มีต่อการใช้งานรถอัตโนมัติในอนาคต” โธมา กล่าว