ซัมซุง มอง Galaxy S9 และ S9+ เป็นมากกว่าสมาร์ทโฟน ในแง่การใช้งานที่ตอบโจทย์ทุกรูปแบบของผู้ใช้ จึงเปรียบเหมือนสมาร์ทดีไวซ์ที่เชื่อมผู้บริโภคเข้าสู่ยุค IoT ที่กำลังมาในอนาคตอันใกล้ ขณะเดียวกันจากทั้งโครงสร้างพื้นฐานทางด้านเครือข่าย และพฤติกรรมผู้บริโภคไทย ช่วยดันให้กลายเป็นตลาดกลุ่มแรก (Tier 1) ของซัมซุงแล้ว
นายวิชัย พรพระตั้ง รองประธานองค์กร ธุรกิจโทรคมนาคมและไอที บริษัท ไทยซัมซุง อีเลคโทรนิคส์ จำกัด กล่าวว่า ในการวางจำหน่าย Samsung Galaxy S9 และ S9+ ในครั้งนี้ ประเทศไทยขยับขึ้นมาเป็นกลุ่มประเทศแรกที่ได้วางจำหน่ายเครื่อง ซึ่งเกิดจากความพร้อมหลาย ๆ อย่าง แต่ก็ยังไม่การันตีว่า ในรุ่นต่อ ๆ ไปจะยังได้ขายในกลุ่มแรกหรือไม่
“ทางไทยซัมซุง ทำงานค่อนข้างหนักกับบริษัทแม่ โดยเฉพาะการนำเสนอความพร้อมของประเทศไทย ทั้งในแง่ของโครงสร้างพื้นฐานอย่างเครือข่ายอินเทอร์เน็ตมือถือที่เข้าสู่ยุค 4G และเตรียมพร้อมไป 5G รวมถึงพฤติกรรมการใช้งานของผู้บริโภคในไทยที่มีการเปลี่ยนแปลงต่อเนื่อง”
ด้วยพฤติกรรมการใช้งานสมาร์ทดีไวซ์ของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ใช้งานยุคใหม่ที่เป็นมิลเลนเนียล ซึ่งจะไม่ได้ใช้งานดีไวซ์เพื่อเป็นโทรศัพท์ แต่ใช้ให้เป็นเครื่องมือในการสื่อสารผ่านช่องทางต่าง ๆ โดยเฉพาะโซเชียลเน็ตเวิร์กมากขึ้น โดยพบว่า 95% ของกลุ่มนี้มีการแชร์เรื่องราวผ่านสมาร์ทโฟนเป็นประจำ
ขณะเดียวกัน ซัมซุงนำผลสำรวจของ Hootsuite ที่ระบุว่า ผู้บริโภคชาวไทยมีการใช้งานอินเทอร์เน็ตเฉลี่ยวันละ 5 ชั่วโมงมาเสริม ทำให้เห็นถึงเทรนด์ที่เกิดขึ้นว่า คนไทยกำลังปรับตัวเข้าสู่ยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 แล้ว ที่ใช้สมาร์ทดีไวซ์มาเป็นตัวกลางในการสื่อสาร
นายวิชัย ยังกล่าวย้ำถึงการใช้งานสมาร์ทดีไวซ์ของผู้บริโภคว่า แน่นอนว่าเมื่อมีเครื่องรุ่นใหม่ออกมาวางจำหน่าย ในมุมหนึ่งก็อยากแนะนำให้ลูกค้าได้ลองสัมผัส และใช้งานนวัตกรรมที่เกิดขึ้น แต่ในอีกมุมหนึ่ง ก็ต้องถามตัวเองให้ได้ว่า เมื่อซื้อเครื่องรุ่นใหม่มาใช้งานแล้ว จะใช้ได้เต็มประสิทธิภาพหรือไม่
“ถ้าเป็นผู้ที่ใช้งานสมาร์ทโฟนคุ้มค่า มีการใช้งานอยู่กับตัวตลอดเวลา ซื้อมาแล้วทำให้ชีวิตดีขึ้น การเลือกเปลี่ยนสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ก็จะเข้ามาช่วยตอบโจทย์ในจุดนี้”
ในส่วนของการแข่งขันในตลาดสมาร์ทโฟน วิชัย มองว่า ยังเป็นอุตสาหกรรมที่มีการแข่งขันสูงเช่นเดิม เพียงแต่ซัมซุง จะปรับรูปแบบการนำเสนอให้แตกต่างออกไป อย่างที่เห็นกันว่า ตอนนี้แบรนด์อื่นยังคงพูดถึงสเปกมาแข่งกัน แต่ซัมซุง จะเน้นไปในมุมว่า เครื่องรุ่นใหม่เป็นมากกว่าสมาร์ทโฟน และนำเสนอในรูปแบบที่ว่าทำอะไรได้บ้าง นอกเหนือจากการใช้งานทั่ว ๆ ไป
“เราไม่ได้มองว่า Galaxy S9 เป็นแค่สมาร์ทโฟน แต่มองว่าเป็นสมาร์ท ไอโอที ดีไวซ์ ที่เชื่อมต่อผู้บริโภคเข้ากับบริการอื่น ๆ ที่เกิดขึ้น มีการนำ AI มาช่วยให้ชีวิตง่ายขึ้น ซึ่งซัมซุง พยามนำเสนอมาตั้งแต่รุ่น Galaxy S8 A8 และ Note 8 ในปีที่ผ่านมา”
สำหรับจุดเด่นหลักของ Samsung Galaxy S9 และ S9+ ที่ซัมซุงเน้นนำเสนอในช่วงเปิดตัว คือ เรื่องของกล้องที่สามารถปรับรูรับแสงได้ ระหว่าง f/1.5 และ f/2.4 ช่วยให้ถ่ายภาพได้คมชัดในที่แสงจ้า และเก็บรายละเอียดในที่แสงน้อยได้
ถัดมา คือ เรื่องการนำเสนอ AR Emoji ที่เป็นฟีเจอร์ใหม่ ในการนำเสนอรูปแบบของการสื่อสารยุคใหม่ ที่สร้างคาแร็กเตอร์แทนตัวตนของผู้ใช้ มีลำโพงสเตอริโอที่ปรับแต่งจาก AKG ที่เหลือก็จะเป็นจุดเด่นของซัมซุงอยู่แล้ว ทั้งเรื่องของหน้าจอ กันน้ำ กันฝุ่น รองรับการเชื่อมต่อ 4G ความเร็วสูงสุด 1.2 Gbps
ทั้งนี้ Samsung Galaxy S9 และ S9+ มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีดำ Midnight Black สีฟ้า Coral Blue และสีม่วง Lilac Purple โดย Galaxy S9 ขนาด 64 GB เริ่มต้นที่ราคา 27,900 บาท ส่วน Galaxy S9+ ขนาด 64 GB ในราคา 31,900 บาท และ 128 GB 33,900 บาท และ 256 GB วางขายร่วมกับโอเปอเรเตอร์ในราคา 37,900 บาท เริ่มวางจำหน่ายทั่วประเทศอย่างเป็นทางการในวันที่ 16 มีนาคมนี้