รองนายกฯ สมคิด ประกาศปรับโครงสร้างเศรษฐกิจดิจิทัล ช่วยหนุนจีดีพีเติบโตอย่างก้าวกระโดดตามแสโลกยุคใหม่ นำเทคโนโลยีปรับใช้กับการเลือกตั้ง
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวในงานสัมมนา “Digital Intelligent Nation 2018” โดยระบุว่า รัฐบาลตั้งเป้าหมายปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจของประเทศผ่านยุทธศาสตร์ Digital Drive Economy เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจทุกด้านผ่านดิจิทัลผลักดันชาวบ้าน ผู้ประกอบการสตาร์ทอัป เอสเอ็มอีนับล้านราย เอกชนรายใหญ่ ใช้ดิจิทัลทุกด้านทั้งการเรียนรู้ อมรม การผลิต การค้า การตลาดผ่านออนไลน์ เปลี่ยนโหมดจากการค้าพึ่งพา ส่งออกข้าว มันสำปะหลัง ยาง รถยนต์เพียงไม่กี่ชนิด เปลี่ยนเป็นเศรษฐกิจยุคใหม่ ขยายเป็นสินค้าทุกด้านด้วยแรงของชาวบ้านที่ขายได้เองโดยตรงไปต่างประเทศ จึงทำให้เศรษฐกิจเติบโตทวีคูณอย่างก้าวกระโดดไม่ใช่เพียงแค่จีดีพีขยายตัวร้อยละ 4.1 ในปัจจุบันตามที่คาดการณ์ เพราะทุกหมู่บ้าน ทุกองค์กร ทุกบริษัท เชื่อมโยงกับตลาดโลกได้โดยตรง
นายสมคิด กล่าวว่า รัฐบาลพร้อมสนับสนุนงบประมาณทุกด้านผ่านดิจิทัล Digital For All เพื่อใช้ลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม ผ่านกระทรวงวิทยาศาสตร์ กระทรวงดีอี เชื่อมอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงทุกหมู่บ้าน ทุกโรงเรียน โรงพยาบาล หน่วยงานภาครัฐทั้งส่วนกลาง และภูมิภาค เพื่อบริการประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ สถาบันการศึกษาต้องปรับหลักสูตรอรมรมบุคลากรอย่างจริงจัง หากไม่ตรงเป้าหมายรัฐบาลจะไม่ได้รับการส่งเสริม เพราะต้องการสร้างอนาคตของประเทศผ่านคนรุ่นใหม่ด้วยเศรษฐกิจยุคดิจิทัล เศรษฐกิจจากเดิมพึ่งพาบริษัทเอกชนรายใหญ่เพียงไม่กี่ราย จะเปลี่ยนมาเป็นทุกภาคส่วนร่วมกันขับเคลื่อน โดยรัฐบาลคอยส่งเสริม เมื่อนายกรัฐมนตรีประกาศให้ทุกหน่วยงานพัฒนาระบบ Big Data เพื่อนำข้อมูลที่จำเป็นมาใช้ประโยชน์ ทั้งภาครัฐ เอกชน เรียนรู้จากพฤติกรรมผู้บริโภค ไม่ใช่เป็นข้อมูลความลับเหมือนที่ผ่านมา
ที่สำคัญ รัฐบาลพร้อมนำระบบดิจิทัลพัฒนาไปสู่การเลือกตั้งผ่านระบบออนไลน์ Digital Political นำดิจิทัลมาพัฒนาการเมืองเหมือนกับต่างประเทศ เปิดให้ประชาชนแสดงความเห็น ความต้องการ สิ่งที่รัฐบาลออกมาตรการไปช่วยเหลือ ถูกใจ ต้องการหรือไม่ เพื่อให้รับรู้ทั้งสองฝ่าย เพื่อให้ชาวบ้านสื่อสารโดยตรงกับภาครัฐ โมเดลประชาธิปไตยจะไม่เหมือนเดิม จะถูกเทคโนโลยีผลักดันให้นำมาใช้ อย่างไรก็ตาม ต้องระวังความเสี่ยงเกิดขึ้นกับสิ่งเหล่านี้ ทั้งการปรับแก้ไขข้อมูล การใส่ร้ายป้ายสี การปลอมแปลงข้อมูล โลกโซเชียลทำให้คนในครอบครัวห่างเหิร เพราะเลือกจะคุยผ่านออนไลน์กับผู้อื่นไม่คุยกันในครอบครัว
นายสมคิด ยอมรับว่า ขณะนี้เศรษฐกิจผ่านจุดหลุมดำปรับมาเป็นฟื้นตัวอย่างยั่งยืน หลังจาก สศช. คาดการณ์จีดีพีในปีนี้เติบโตร้อยละ 4.1 การลงทุนภาครัฐผ่านหลายโครงการ 7 แสนล้านบาท ออกสู่ระบบ ความเชื่อมั่นของนักลงทุน การส่งออกเติบโตร้อยละ 17.6 สูงสุดในรอบ 62 เดือน หากประคับประคองทุกปัจจัยให้เดินต่อไปได้ จีดีพเติบโตได้สูงกว่าที่ สศช. คาดการณ์อย่างแน่นอน แต่ตัวเลขเหล่านี้จะมีข้อจำกัดในการเติบโต หากเรายังพึ่งพาการผลิตแบบเดิม ไม่ปรับเปลี่ยนไปสู่การผลิตโดยใช้นวัตกรรม เทคโนโลยี เนื่องจากต่างประเทศตื่นตัว ปรับตัวกันไปหมดแล้ว ยอมรับว่าไทยตื่นสาย แต่ยังปรับตัวทัน ช่วงนี้จึงเป็นโอกาสสำคัญในการปรับตัวของไทยก้าวไปสู่ยุคดิจิทัลใน “ยุครุ่งอรุณแห่งการปฏิวัติอุตสาหกรรมใหม่”
นายสมคิด กล่าวถึงความคืบหน้าของการดูแลสกุลเงินดิจิทัลว่า ขณะนี้ทั้ง 4 หน่วยงาน ประกอบด้วย ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. กระทรวงการคลัง สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. กำลังพิจารณาร่วมกัน ซึ่งคาดว่าจะได้รับความชัดเจนเดือนมีนาคมนี้อย่างแน่นอน
“ไม่ได้ห้ามว่าไม่ให้ แต่หากจะทำทุกอย่างมันต้องมีคนดูแล เหมือนการลงทุนในตลาดหุ้นก็ต้องมีคนกำกับดูแล มีกฎเกณฑ์ อันนี้ก็เช่นกัน ไม่ได้พูดว่าห้ามไม่ให้ทำ แต่จะต้องมีคนคอยกำกับดูแล เพราะต้องยอมรับว่ามันมีความเสี่ยง ดังนั้น ต้องมีหน่วยงานวางเกณฑ์วางระเบียบ” นายสมคิด กล่าว