แบน “ไม้เซลฟี่” เป็นเรื่องสากลที่ทั่วโลกทำ

ไม้เซลฟี่ หรือ selfie stick คือ ไม้ยาวที่ทำให้ผู้ใช้สมาร์ทโฟน หรือกล้องดิจิทัล สามารถถ่ายภาพตัวเองได้ในมุมกว้างกว่าการเหยียดแขนธรรมดา ไม้อาภัพนี้ถูกสั่งห้ามใช้งานในหลายประเทศทั่วโลก รวมถึงพระราชพิธีสำคัญ 26 ตุลาคม 2560

โดยทั่วไป ไม้นี้มักออกแบบให้ยืดขยายได้ ปลายด้านหนึ่งมีด้ามจับขณะที่ปลายอีกด้านหนึ่งมีที่หนีบยึดโทรศัพท์ หรือกล้องดิจิทัล ไม้บางรุ่นมีรีโมต หรือบลูทูธ ควบคุมให้ผู้ใช้ตัดสินใจถ่ายภาพในช่วงเวลาที่ดีที่สุด ความที่ไม้ต้องแข็งแรงพอจะรักษาเสถียรภาพของสมาร์ทโฟน หรือกล้อง ไม้จึงมีความหนา และแข็ง เพื่อให้ผู้ใช้จับได้ดี และสามารถยกขึ้นถ่ายภาพได้อย่างปลอดภัย

ที่สำคัญ ขณะถ่ายรูปตัวเองนั้น ผู้ใช้มักจะใส่ใจกับกล้องถ่ายรูปตรงหน้า และลืมมองรอบตัว เหตุนี้ทำให้ไม้เซลฟี่ถูกมองเป็นต้นตอให้หลายหน่วยงานกังวลในความปลอดภัย และความไม่สะดวกที่เกิดจากการใช้ไม้ ทำให้ไม้เซลฟี่ถูกห้ามใช้ในหลายสถานที่ ทั้งสวนสนุกดิสนีย์ทุกแห่ง แหล่งท่องเที่ยวอย่างยูนิเวอแซลสตูดิโอ ที่ออร์แลนโด และฮอลลีวู้ด

***ไม้เซลฟี่ ต้นกำเนิดเมื่อ 92 ปีที่แล้ว

ตามข้อมูลจากสารานุกรมวิกิพีเดีย พบว่า ไม้เซลฟี่มีต้นกำเนิดราวปี 1925 เนื่องจากมีการค้นพบว่า ภาพถ่ายหนึ่งในปีนั้น แสดงให้เห็นว่ามีชายคนหนึ่งกำลังถ่ายภาพตัวเอง และภรรยา โดยมีเสายาวเป็นผู้ช่วย เสายาวนี้เองที่ถูกยกเป็นไม้เซลฟี่ประดิษฐ์เองรุ่นแรก เพื่อแก้ปัญหาตากล้องมือสมัครเล่นไม่สามารถจับภาพตัวเองในโฟกัส เมื่อเหยียดแขนออกไป

หลายสิบปีผ่านไป ไม้เซลฟี่ถูกนิตยสารไทม์ (Time) ยกเป็นหนึ่งใน 25 สิ่งประดิษฐ์ที่ดีที่สุดแห่งปี 2014 แต่ความนิยมของไม้นี้กลับทำให้เกิดความกังวลในหลายประเทศ โดยหลายประเทศพบว่าเกิดอันตรายจากการที่ผู้ที่ถ่ายรูปด้วยไม้นี้ชนเข้ากับผู้คน และสิ่งของรอบข้าง

สถานที่จัดคอนเสิร์ตหลายแห่งในออสเตรเลีย และสหราชอาณาจักร ได้สั่งห้ามการใช้ไม้เซลฟี่อย่างเป็นทางการ พร้อมด้วยเทศกาลดนตรีในประเทศสหรัฐอเมริกา ที่บอกว่า การถ่ายรูปด้วยไม้เซลฟี่เป็น “การบันทึกที่ผิดกฎหมาย” นำมาสู่ความไม่สะดวก และปัญหาด้านความปลอดภัย

สถานที่ทางประวัติศาสตร์ก็มีกฎห้ามใช้ไม้เซลฟี่ เนื่องจากความกังวลว่า ไม้อาจสร้างความเสียหายกับงานศิลปะ และวัตถุอื่น

สวนสนุกดิสนีย์ทุกแห่งในทุกประเทศทั้งญี่ปุ่น ฮ่องกง สหรัฐอเมริกา ล้วนห้ามใช้ไม้เซลฟี่ เช่นเดียวกับการแข่งขันกีฬามากมายที่สั่งแบนไม้นี้ เนื่องจากนำความ “รำคาญ” จนรบกวนผู้ชมคนอื่น ขณะที่ประเทศออสเตรเลีย ห้ามใช้ไม้เซลฟี่ เพราะอาจเป็นอันตรายต่อนักปั่นจักรยาน และเจ้าหน้าที่บ้านเมือง เช่นเดียวกับเอมิเรตส์สเตเดียม (Emirates Stadium) สนามเจ้าบ้านสโมสรฟุตบอลอาร์เซนอล (Arsenal Football Club) นั้น รวมไม้เซลฟี่เข้าเป็นกลุ่ม “วัตถุที่สามารถนำมาใช้เป็นอาวุธ หรืออาจทำให้เกิดความเสียหายต่อความปลอดภัยของสาธารณชนได้”

ในปี 2014 หน่วยงานจัดการคลื่นวิทยุของเกาหลีใต้ ประกาศกฎห้ามขายไม้เซลฟี่เทคโนโลยีบลูทูธที่ไม่ได้ผ่านการลงทะเบียน โดยเกาหลีใต้ถือว่าไม้เซลฟี่บลูทูธเป็นอุปกรณ์สื่อสารโทรคมนาคมที่ต้องผ่านการทดสอบ และจดทะเบียน จึงจะสามารถจำหน่ายได้

***แบนอุตลุด

การแบนไม้เซลฟี่เจ้าปัญหายังไม่หยุดเท่านี้ แหล่งท่องเที่ยวหลายแห่งในญี่ปุ่น ออกมาตรการห้ามใช้ไม้เซลฟี่ โดยพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำชูราอุมิ ที่เกาะโอกินาวะ เป็นสถานที่แรกในญี่ปุ่น ที่ออกประกาศห้ามใช้ไม้เซลฟี่ หลังพบว่าผู้ที่ถ่ายรูปด้วยไม้เซลฟี่เกิดกระทบกระทั่งกับผู้คนรอบข้าง และยังมีนักท่องเที่ยวหลายคนใช้ไม้เซลฟี่ถ่ายรูปมุมสูงเหนือตู้เลี้ยงปลาจนโทรศัพท์มือถือตกลงไปในตู้หลายราย ทางพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำจึงได้ติดประกาศห้ามใช้ไม่เซลฟี่เป็นภาษาญี่ปุ่น, เกาหลี,จีน และอังกฤษ

เช่นเดียวกับศูนย์ศิลปะโตเกียวโอเปร่า ในเขตชินจุกุ ก็ได้ตัดสินใจห้ามใช้ไม้เซลฟี่ เฉพาะในนิทรรศการสำคัญ หลังจากผู้เข้าชมถ่ายรูปตัวเองกับงานศิลปะชื่อดังอย่างใกล้ชิดจนทำให้ชิ้นงานเสียหาย ขณะเดียวกัน สถานที่ท่องเที่ยวอีกหลายแห่งก็พิจารณาห้ามใช้ไม้เซลฟี่ เช่น สวนสัตว์อาซาฮิยามา ที่เกาะฮอกไกโด ที่กำลังจับตานักท่องเที่ยวที่ชอบใช้ไม้เซลฟี่ยื่นเข้าไปถ่ายภาพในกรงสัตว์ ซึ่งเป็นเรื่องที่อันตรายอย่างมาก

ปี 2015 ผู้ร่วมงานประชุมของแอปเปิล (Apple) ก็ยังได้รับคำสั่งห้ามใช้ไม้เซลฟี่ หากต้องการร่วมงานประชุมนักพัฒนา WWDC Dev ด้วย

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการแบนไม้เซลฟี่ กรณีคนไทยบางคนใช้ไม้เซลฟี่ถ่ายภาพการซ้อมริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศ งานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ จึงถือเป็นเรื่องไม่สมควรด้วยประการทั้งปวง.