สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา แอปเปิล (Apple) ประกาศเปิดตัวสินค้ารุ่นใหม่ในกลุ่ม iPod แต่ไม่สานต่ออุปกรณ์ฟังเพลงดิจิตอลรุ่นจิ๋ว iPod Nano และ iPod Shuffle พร้อมยืนยันว่า บริษัทจะไม่จำหน่าย iPod เก่าแก่ทั้ง 2 รุ่นอีกต่อไป สิ่งที่เราสามารถสรุปได้จากปรากฏการณ์นี้ คือ 4 เรื่องต่อไปนี้ที่จะบอกเล่าถึงตลาดเพลงดิจิตอลในอนาคตได้แบบชัดเจน
เรื่องแรกที่สะท้อนชัดเจนเมื่อ iPod Nano และ iPod Shuffle ถูกถอดออกจากหน้าเว็บไซต์หลักของแอปเปิลอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคมที่ผ่านมา คือ การหมดยุคของการพกอุปกรณ์จิ๋วที่เล่นเพลงจากสมาร์ทโฟนของตัวเอง เนื่องจากครั้งหนึ่งชาวดิจิตอลจำนวนมากทั่วโลกเลือกซื้อ iPod ทั้ง 2 รุ่นในการฟังเพลงระหว่างการออกกำลังกาย และการเดินทางโดยเฉพาะ
อย่างไรก็ตาม สินค้ากลุ่ม iPod ยังมีวางจำหน่ายอยู่ในขณะนี้ โดยแอปเปิล ระบุว่า จะยังจำหน่าย iPod Touch ที่สามารถออนไลน์ต่ออินเทอร์เน็ตได้ผ่านหน้าจอสัมผัส
เรื่องที่ 2 คือ แอปเปิลยังมีความหวังกับ iPod Touch เนื่องจากแอปเปิลจัดเต็มรุ่นท็อปของ iPod Touch ด้วยการเพิ่มความจุสูงสุดไว้ที่ 128 กิกะไบต์ เพื่อวางจำหน่ายในราคา 300 เหรียญสหรัฐ ซึ่งเกิน 1 หมื่นบาท ขณะที่ iPod Touch รุ่น 32 กิกะไบต์ วางจำหน่ายในราคา 200 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 7,000 บาท
เรื่องนี้นำไปสู่เรื่องที่ 3 นั่นคือ นโยบายราคา วิ่งที่แอปเปิลทำ คือ การตัด Nano และ Shuffle ออกไปจากระบบ ทั้งที่ 2 ผลิตภัณฑ์นี้เปิดตัวในจุดยืนสินค้าราคาประหยัด และเป็นทางเลือกที่ไม่หวือหวาเท่า iPod มาตรฐาน การโบกมือลาครั้งนี้แสดงว่า แอปเปิลโบกมือลาจากตลาดราคาประหยัดด้วย
นักวิเคราะห์มองว่า ประเด็นนี้ไม่ใช่เรื่องประหลาดใจ เนื่องจากแอปเปิลส่งสัญญาณด้วยการหยุดพัฒนา Nano และ Shuffle รุ่นใหม่มานานหลายปีแล้ว
เรื่องที่ 4 คือ แอปเปิลรู้อยู่แล้วว่าต้องมีวันนี้ วันที่ iPod ตายไป เพราะผู้คนหันไปฟังเพลงจาก iPhone หรือสมาร์ทโฟนเครื่องอื่นที่สามารถเล่นเพลงได้
จุดนี้มีข้อมูลน่าสนใจว่า iPod มียอดจำหน่ายสูงสุดเมื่อปี 2008 หรือกว่า 9 ปีมาแล้ว ช่วงนั้น iPod ทำเงินได้มากกว่า 9.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ ปีนั้นเป็นปีที่ iPhone ทำเงินได้ 1.8 พันล้านเหรียญสหรัฐเท่านั้น
แต่ปีที่ผ่านมา iPhone ทำเงินได้มากกว่า 1.36 แสนล้านเหรียญสหรัฐ แน่นอนว่า iPod จำหน่ายได้น้อยจนแอปเปิลไม่เปิดเผย
นี่จึงเป็นที่มาของกาลอวสาน iPod Nano และ iPod Shuffle