บริษัทบริหารจัดการน้ำอย่าง อีสท์วอเตอร์ นอกจากจะต้องพัฒนาการจัดหาแหล่งน้ำใหม่ๆ เพื่อมาป้อนให้แก่ลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรม และครัวเรือนแล้ว การบริหารจัดการภายในก็เป็นเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กัน เพราะธุรกิจนี้มีความเสี่ยงจากปัจจัยรอบด้าน ไม่แพ้ธุรกิจอื่นๆ แม้จะมีคู่แข่งน้อยราย แต่หากเกิดวิกฤตทางเศรษฐกิจก็อาจจะทำให้ลูกค้าลดกำลังการผลิต และลดการใช้น้ำลง หรือปัจจัยที่หลีกเลี่ยงไม่ได้อย่างปัญหาภัยแล้ง ก็ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ธุรกิจนี้หยุดนิ่งไม่ได้ การลดต้นทุนจึงเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยลดค่าใช้จ่ายที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ และจะสามารถสร้างกำไรให้แก่ธุรกิจในแต่ละปีได้
ทั้งนี้ ผลประกอบการครึ่งแรกของปี 2558 อีสท์วอเตอร์มีรายได้รวมอยู่ที่ 2,220.67 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน 805.10 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.41% โดยรายได้หลักมาจากธุรกิจน้ำดิบอยู่ที่ 1,524.08 ล้านบาท และน้ำประปา 524.30 ล้านบาท มียอดจำหน่ายน้ำดิบเพิ่มขึ้น 7.44% จากอัตราการเติบโตของกลุ่มอุปโภคบริโภคในพื้นที่จังหวัดชลบุรี และจังหวัดฉะเชิงเทรา ในขณะที่ธุรกิจน้ำประปาเพิ่มขึ้น 7.98% จากความต้องการน้ำประปาที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเรียกได้ว่ายังคงมีความสามารถในการทำกำไรในเกณฑ์ดี ถึงแม้ว่าสถานการณ์น้ำในหลายพื้นที่ต้องประสบปัญหาภาวะฝนทิ้งช่วงก็ตาม
***ลงทุนทั้งจัดหาแหล่งน้ำ และใช้ไอทีบริหารจัดการระบบ
เชิดชาย ปิติวัชรากุล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายปฏิบัติการและบริการลูกค้า บริษัทจัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรืออีสท์วอเตอร์ กล่าวว่า ภาพรวมครึ่งปีหลังบริษัทคาดว่าจะมีแนวโน้มการเติบโตของการใช้น้ำดิบ และน้ำประปายังคงเติบโตต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยหลักมาจากการขยายตัวของภาคการท่องเที่ยว และการขยายตัวของเมืองในภาคตะวันออก แต่ในปีหน้าคาดว่าจะเหลือประมาณ 5% เนื่องจากสภาวะทางเศรษฐกิจทำให้โรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ ไม่ขยายงาน
ปัจจุบัน สัดส่วนผู้ใช้น้ำในอุตสาหกรรมประมาณ 70% ส่วนอุปโภคบริโภค 30% ซึ่งคาดว่าในการใช้งานอุปโภคบริโภคนั้นจะมีการใช้งานเป็นปกติ ส่วนอุตสาหกรรมมีปัจจัยเสี่ยง โดยเฉพาะในเรื่องของฝนกับความแล้งซึ่งเป็นผลดีต่ออีสท์วอเตอร์ เช่นเดียวกับเศรษฐกิจดีอีสท์วอเตอร์ก็จะเติบโตดีด้วย
โดยที่ผ่านมา อีสท์วอเตอร์ได้มีการลงทุนขยายท่อจ่ายน้ำของประปาสัตหีบ ประปาบ่อวิน และประปาหนองขาม รวมถึงการปรับปรุงเพิ่มแรงดันระบบจ่ายน้ำของประปาฉะเชิงเทรา และประปานครสวรรค์ รวมไปถึงการขยายระบบไอทีเพิ่มเติม โดยได้ตั้งงบประมาณในส่วนนี้ไว้ที่ 30-40 ล้านบาทในอีก 3-4 ปีข้างหน้า เพื่อพัฒนาระบบออโตเมติกที่มีอยู่ให้เต็มรูปแบบมากขึ้น
“เรามุ่งเน้นการนำไอทีเข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพแทนคนโดยไม่จำเป็นต้องใช้บุคลากรเยอะ โดยที่ผ่านมา จะมีผู้จัดการแต่ละจังหวัดหลายคน แต่ตอนนี้จะเหลือแค่จุดละคน มาดูแลบำรุงรักษาระบบแทน เราจึงนำเรื่องโอเปอเรชันมาจัดการทำให้ต้นทุนต่ำที่สุดได้ โดยใช้ไอทีเข้ามาเป็นหลักเพราะระบบแบบแมนนวลไม่สามารถวางแผนแบบออนไลน์ได้”
ไอทีจะทำให้สามารถมอนิเตอร์ภาพรวม เช่น ท่อเกิดคอคอด เกิดการสูญเสียพลังงานเพราะใช้ต้นทุนไฟฟ้าในการสูบน้ำสูง แหล่งน้ำมีหลายแห่ง ต้นทุนการสูบน้ำแต่ละที่ไม่เท่ากัน ดังนั้น การรับรู้อย่างทันท่วงทีเพื่อแก้ปัญหาได้อย่างรวดเร็วจะทำให้ไม่ต้องจ่ายในส่วนที่ไม่จำเป็น โดยจะควบคุมต้นทุนที่แข่งขันได้ จำเป็นต้องมีระบบที่คอยควบคุมในแต่ละสถานี และศูนย์ควบคุมกลางให้ทำงานสอดคล้องกันทั้งระบบเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาด และอาจจะทำให้ผู้ใช้น้ำได้ปริมาณและแรงดันแปรปรวน หรือหยุดชะงัก ซึ่งจะกระทบต่อระบบผลิตน้ำประปา หรืออุตสาหกรรมได้ โดยเฉพาะหน้าแล้งที่ต้องมีการจัดการ และหาน้ำสำรองให้เพียงพอเพื่อให้รองรับต่อการใช้งานทุกภาคส่วนให้สามารถใช้น้ำอย่างมีเสถียรภาพ และมั่นคง
***ใช้ระบบ SCADA เข้ามาบริหารจัดการน้ำ
เชิดชาย กล่าวว่า ปัจจุบันอีสท์วอเตอร์มีค่าบำรุงรักษาทางด้านไอทีประมาณ 5% ของเงินลงทุนทั้งหมดในแต่ละปี โดยปัจจุบันการใช้ไอทีสามารถลดต้นทุนของธุรกิจได้ประมาณ 20-30% ยังไม่นับรวมการลดต้นทุนด้านบุคลากร กับการลดพลังงาน ซึ่งการใช้งานไอทีนั้นจะเน้นการรวมทุกอย่างไว้ที่ศูนย์กลางในรูปแบบของคอนโทรล เซ็นเตอร์ ที่กำลังจะพัฒนาให้เป็น Smart WaterGrid หรือโครงข่ายท่อส่งน้ำอัจฉริยะ เป็นระบบที่จะช่วยจัดการทุกอย่างให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
อีสท์วอเตอร์ ใช้ระบบโซลูชันบริหารจัดการน้ำที่ชื่อว่า SCADA (Supervisory Control And Data Acquisition) ของชไนเดอร์ อิเล็คทริค บริหารจัดการน้ำ รองรับลูกค้านิคมอุตสาหกรรมภาคตะวันออก ครอบคลุมจังหวัดระยอง ชลบุรี และฉะเชิงเทรา โดยระบบดังกล่าวมุ่งจะอินทริเกรดไอทีเข้าด้วยกัน ใช้ฐานข้อมูลจาก SCADA เป็นหลัก เชื่อมโยงบิลลิ่ง ซ่อมบำรุง โอเปอเรชัน บริการลูกค้า เชื่อมโยงทุกอย่างให้เป็นออโตเมติกทั้งหมด ดาต้า ต้นทุน ปลายทาง
SCADA จะเป็นการควบคุมสั่งการแบบเรียลไทม์จากศูนย์ควบคุมกลาง สามารถติดตามควบคุมระบบการสูบส่งได้อย่างมีประสิทธิภาพตลอดเวลา ทำให้สามารถควบคุม และทราบข้อมูลทั้งหมดของระบบสูบน้ำ โครงข่ายท่อส่งน้ำ และสถานีจ่ายน้ำแก่ผู้ใช้น้ำ รวมทั้งสถานะของแหล่งน้ำต่างๆ โดยส่งส่งตรงเข้าสู่ศูนย์ควบคุมกลาง ทำให้สามารถติดตาม รวบรวม ประมวลผลเพื่อการจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ และแม่นยำ อีกทั้งสามารถลดความสูญเสียต่างๆ ในระบบ เช่น ต้นทุนการสูบน้ำที่น้ำสูญหาย และยังสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างทันทีตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ ผู้ใช้น้ำสามารถตรวจสอบการใช้น้ำของตนเองผ่านระบบอินเทอร์เน็ตได้ตลอดเวลา ซึ่งจะเป็นการเพิ่มความมั่นใจ และความโปร่งใสในบริการ และคุณภาพการส่งน้ำของอีสท์วอเตอร์
***ลดการสูญเสียน้ำระหว่างทางจากเดิม 20% เหลือ 3%
ภายหลังจากการนำระบบ SCADA มาใช้นั้นช่วยให้อีสท์วอเตอร์สามารถติดตามผล และแก้ไขปัญหาการส่งน้ำได้ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งช่วยลดการสูญเสียน้ำในท่อส่งน้ำจาก 20% เหลือเพียงไม่เกิน 3% ทำให้การจัดการน้ำทั้งระบบเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ แม่นยำ และตรวจสอบได้ ซึ่งการสูญเสียดังกล่าวนับว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ เนื่องจากหากต้องการลดการสูญเสียให้เท่ากับศูนย์แล้ว จะต้องใช้งบประมาณอีกเป็นจำนวนมาก และไม่คุ้มต่อการลงทุน โดยส่วนประกอบในระบบที่สำคัญที่ทางอีสท์ วอเตอร์ นำมาประยุกต์ใช้ในการบริหารจัดการน้ำเข้ามาใช้งานผ่านโซลูชันจากชไนเดอร์ อิเล็คทริค ประกอบด้วย
PLC Quantum ระบบอัตโนมัติในการควบคุมและสั่งงานของสถานีสูบน้ำแต่ละสถานี โดยควบคุมการเปิด-ปิดปั๊มน้ำ อัตราการไหลของน้ำ ปรับแรงดันน้ำของแต่ละสถานี ซึ่งปัจจุบันสามารถใช้งานทั้งแบบอัตโนมัติ และใช้พนักงานควบคุมเพื่อให้มีเสถียรภาพสูงสุด และปลอดภัยมากที่สุด
SCADA Vijeo Citech โปรแกรมระบบควบคุมและประมวลผลแบบศูนย์รวม เพื่อควบคุม ตรวจสอบ บันทึกผล และวิเคราะห์ข้อมูลในกระบวนการสูบจ่ายน้ำแบบเรียลไทม์ทั้งระบบใน 15 สถานีสูบน้ำ นับตั้งแต่ข้อมูลแหล่งน้ำ คุณภาพน้ำ ระบบไฟฟ้า การสูบน้ำ ระดับน้ำ การส่งน้ำ แรงดันน้ำ และปริมาณการจ่ายน้ำให้กับลูกค้าแต่ละราย โดยข้อมูลทั้งหมดจะส่งตรงเข้าศูนย์ปฏิบัติการกลางที่มาบตาพุด และห้อง War room ที่กรุงเทพฯ ทำให้สามารถติดตามผลและแก้ไขปัญหาการส่งน้ำได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ปัจจุบัน อีสท์ วอเตอร์ มีสถานีควบคุมในการสูบ-ส่งน้ำประมาณ 15 สถานี ด้วยโครงข่ายท่อส่งน้ำที่สมบูรณ์ และทันสมัย และมีประสิทธิภาพ มีความยาวรวมประมาณ 400 กิโลเมตร เชื่อมโยงแหล่งน้ำสำคัญในภาคตะวันออก ได้แก่ อ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล ดอกกราย คลองใหญ่ และประแสร์ ในจังหวัดระยอง อ่างเก็บน้ำหนองค้อ และบางพระ ในจังหวัดชลบุรี ไปจนถึงแม่น้ำบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา ให้เป็นโครงข่ายท่อส่งน้ำ หรือ Water Grid
“การเป็นผู้ให้บริการบริหารจัดการน้ำให้แก่ภาคอุปโภคบริโภค และอุตสาหกรรมนั้นต้องมีการบริหารจัดการอย่างเพียงพอ และมีเสถียรภาพ สร้างคุณภาพการส่งน้ำตามที่ผู้ใช้น้ำต้องการ เพราะน้ำเป็นปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับภาคครัวเรือน และอุตสาหกรรม ซึ่งการขาดส่งน้ำแม้เพียงเวลาสั้นๆ ก่อให้เกิดความเสียหายได้”
การบริหารจัดการการสูบส่งน้ำจากหลายแหล่งครอบคลุมพื้นที่หลายจังหวัดเพื่อให้ผู้ใช้น้ำได้รับน้ำได้ตลอดเวลาตามแรงดัน และปริมาณที่ต้องการนั้นมีปัจจัยที่ต้องระมัดระวังหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการการเชื่อมโยงน้ำจากอ่างเก็บน้ำทั้งหมดที่ต้องควบคุมรักษาแรงดัน และปริมาณจ่ายน้ำอย่างเพียงพอต่อเนื่อง การรักษาเสถียรภาพจากการสูบน้ำจากหลายระบบหลายแหล่งเข้าสู่ระบบโครงข่ายท่อส่งน้ำ
***เล็งใช้เทคโนโลยีลดค่าไฟฟ้าลงอีก 5%
เชิดชาย กล่าวว่า นอกจากการใช้ระบบ SCADA มาบริหารจัดการระบบน้ำวางเป้าหมายในการสร้างสถานีน้ำให้เป็น Smart Station คือ ไม่มีคนควบคุมตามแต่ละสถานี แต่สามารถสั่งการจากส่วนกลางได้ผ่านทางระบบเครือข่าย และ SCADA แล้ว ทางอีสท์วอเตอร์ยังเลือกใช้งานตู้จ่ายไฟแรงดันสูง NEX จากชไนเดอร์ อิเล็คทริค เพื่อเป็นตู้จ่ายไฟสำหรับแต่ละสถานี
โดยตั้งเป้าในเฟสแรก อีสท์ วอเตอร์ ต้องการประหยัดพลังงานให้ได้ 5% จากพลังงานทั้งหมด ซึ่งได้ให้ทางชไนเดอร์ อิเล็คทริค ได้ทำการติดตั้งเพาเวอร์มิเตอร์ในกระบวนการทั้งหมดของจำนวน 76 จุด เพื่อใช้ในการประเมิน และวิเคราะห์การใช้พลังงานในส่วนต่างๆ คาดว่าน่าจะ ทำให้อีสวอเตอร์สามารถวางการควบคุมการใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพได้ในอนาคต