xs
xsm
sm
md
lg

รีทวีต-โพสต์ “ข่าวระเบิดราชประสงค์” เท็จ เสี่ยงคุก 5 ปี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เตือนชาวเน็ตรับ-ส่งข่าวสารเหตุระเบิดราชประสงค์อย่างรอบคอบ หากรีทวีต-โพสต์ “ข่าวเท็จ” อาจเสี่ยงคุกสูงสุด 5 ปี ปรับ 1 แสนบาท ขณะที่การส่งต่อภาพผู้เสียชีวิตมีความผิดในมุมจริยธรรม และความไม่เหมาะสม ด้านนายกฯ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีขอความร่วมมือชาวโซเชียลส่งต่อข่าวในทางสร้างสรรค์

นายไพบูลย์ อมรภิญโญเกียรติ ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายคอมพิวเตอร์ กล่าวถึงกรณีที่ผู้ใช้เฟซบุ๊กบางส่วนในประเทศไทยพบข่าวเกี่ยวกับเหตุระเบิดแยกราชประสงค์ที่เผยแพร่อย่างรวดเร็วจนเกิดความผิดพลาดไม่ตรงกับความจริงว่า การเผยแพร่ข่าวเท็จซึ่งทำให้ผู้อ่านเข้าใจผิดล้วนเข้าข่ายความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ หรือ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ดังนั้น ผู้รับและส่งข่าวบนโลกโซเชียลจึงควรตรวจสอบความถูกต้องของข่าวสารให้ดีก่อนเผยแพร่ต่อ

“การแชร์ข้อมูลเท็จบนโลกโซเชียลผิด พรบ.คอมพ์อยู่แล้ว ผู้สร้าง และเผยแพร่คอนเทนต์มีความผิดมาตรา 14 (2) โทษสูงสุดจำคุก 5 ปี ขณะที่ผู้ส่งต่อ หรือแชร์ข้อความเท็จจะมีความผิดตามมาตรา 14 (5) ความผิดกรณีนี้จะเป็นลหุโทษ คือ เข้าค่ายคดีอาญาตามมาตรา 384 ด้วย เนื่องจากบอกเล่าความเท็จจนทำให้เกิดความเสียหาย โทษสูงสุด คือ จำคุก 1 เดือน”

ก่อนเชื่อต้องตรวจสอบ

ทันทีที่คนร้ายลอบวางระเบิดบริเวณแยกราชประสงค์ บริเวณรั้วศาลพระพรหมเอราวัณ เมื่อช่วงหัวค่ำของวันที่ 17 ส.ค. ที่ผ่านมา จนเป็นเหตุให้ชาวไทย และต่างชาติจำนวนมากได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิต ข่าวสารมากมายถูกส่งต่อไปทั่วโลกออนไลน์ทั้งในรูปข้อความ ภาพ และวิดีโอ อย่างไรก็ตาม หลายข่าวสารถูกส่งต่อโดยไม่มีการตรวจสอบความถูกต้อง โดยเฉพาะข่าวของสื่อพลเมืองบางแห่งที่ทำให้ประชาชนบางส่วนเข้าใจผิด และส่งต่อข้อมูลจนเกิดความตื่นตระหนก

ข้อมูลเท็จที่ถูกส่งต่อผ่านเฟซบุ๊กนี้มีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มาตรา 14 ซึ่งระบุความผิดเกี่ยวกับ “เนื้อหา” ที่ถูกส่งต่อบนโลกออนไลน์เป็นหลัก ความผิดในมาตรานี้ครอบคลุมทั้งการนำเข้า การปลอม การแต่งความเท็จ การส่งต่อข่าวที่เป็นภัยต่อมั่นคง เนื้อหาลามก และการส่งต่อข้อมูลคอมพิวเตอร์ ซึ่งทำให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น หรือประชาชน เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน

ตัวอย่างข่าวเท็จที่ถูกส่งต่อโดยไม่มีการตรวจสอบ คือ จำนวนผู้เสียชีวิต บางสื่อโซเชียลระบุว่า 16 คน บางสื่อระบุว่า 8 คน ทั้งที่ผู้เสียชีวิต คือ 12 คน

สำหรับความผิดทางอาญา ประมวลกฎหมายอาญาภาค 3 ลหุโทษ มาตรา 384 มีเนื้อหาหลัก คือ ผู้ใดแกล้งบอกเล่าความเท็จให้เลื่องลือจนเป็นเหตุให้ประชาชนตื่นตกใจ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกิน หนึ่งพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

นอกจากข่าวเท็จ ภาพผู้เสียชีวิตมากมายยังถูกส่งต่อบนโลกโซเชียลโดยผิดจริยธรรมในการนำเสนอข่าวอาชญากรรม ซึ่งระบุว่าไม่ควรนำเสนอภาพศพ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ภาพที่มีลักษณะโหดร้าย อุจาด และมีลักษณะอนาจารที่สร้างรู้สึกสะเทือนใจต่อผู้อ่าน

ภาพเหล่านี้ยังผิดจริยธรรมสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ 2 ข้อ ซึ่งมีเนื้อหารวมถึงไม่ควรนำเสนอรายละเอียดทางการสอบสวน เพราะอาจจะเป็นการสรุปตีความไปเอง หรืออาจจะไม่ใช่ข้อเท็จจริงทั้งหมด และยังเสียรูปคดี

นายกขอความร่วมมือชาวโซเชียล

“ผมขอความร่วมมือสื่อมวลชนทุกแขนง โซเชียลมีเดียต่างๆ ช่วยเสนอข่าวในทางสร้างสรรค์ ไม่ขยายความรุนแรงออกไป ไม่ว่าจะด้วยภาพ เสียง คลิปวิดีโอ หรือคำวิพากษ์วิจารณ์ หรือการแสดงความคิดเห็นต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระหว่างที่การสืบสวนสอบสวนกำลังดำเนินการอยู่ ซึ่งอาจเป็นการชี้นำต่อรูปคดี และทำให้สังคมสับสนได้” บางส่วนของสารจากพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ประกาศเมื่อวันที่ 18 สิงหาคมที่ผ่านมา

เบื้องต้น ชาวโซเชียลควรระลึกว่า ขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะชี้ชัดว่าสาเหตุการก่อวินาศกรรมที่แยกราชประสงค์เมื่อค่ำวันที่ 17 ส.ค. คืออะไร และไม่ว่ามาตรการป้องกันเหตุร้าย และรักษาความปลอดภัยในกรุงเทพฯ จะไม่มีประสิทธิภาพเพียงใด นายกรัฐมนตรี แต่พวกเราจะต้องช่วยกันเยียวยาผลกระทบจากเหตุการณ์ระเบิดที่สี่แยกราชประสงค์ให้ดีที่สุด.
กำลังโหลดความคิดเห็น