เจริญ ลักษณ์เลิศกุล นั้นเป็นผู้มีประสบการณ์ด้านการบริหารเว็บไซต์และนักการตลาดออนไลน์นานกว่า 10 ปี ประสบการณ์ตลอด 10 ปีบอกเจริญว่าการจับกระแสเทรนด์สินค้าที่ผู้บริโภคออนไลน์ชื่นชอบนั้นเป็นสิ่งที่ทำได้ง่ายและใช้ประโยชน์ได้จริง โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการอีคอมเมิร์ชที่รุกตลาดกลุ่มผู้หญิงนักช้อป ซึ่งการได้รู้เทรนด์ความชอบของลูกค้าก่อนย่อมมีผลดีต่อการกำหนดยุทธศาสตร์ในการดำเนินธุรกิจต่อไป
ดังนั้น อย่าลืมจดจำและนำ 4 วิธีจับกระแสเทรนด์สินค้าออนไลน์ ที่เจริญบอกเล่าไว้ช่วงท้ายบทความไปทดลองใช้จริง
***จับกระแสผู้หญิงช้อปปิ้งออนไลน์
โดย เจริญ ลักษณ์เลิศกุล (@jarern)
กระแสของธุรกิจอีคอมเมิร์ซและการขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ในปี 2012 นี้ เรียกได้ว่าร้อนแรงไม่น้อยเลยทีเดียว เราได้เห็นการเข้ามาของ Google กับบริการอย่าง Google Trader ร้านค้าออนไลน์ของ Club21 สำหรับสินค้าแบรนด์เนม เว็บไซต์ SIAMism.com ที่มาพร้อมกับการรีโนเวทของห้างสรรพสินค้าสยามเซ็นเตอร์ของวัยรุ่นชาวกรุงเทพฯ ร้านค้าออนไลน์ของห้าง Big C หรือเว็บไซต์เจาะสินค้าพรีเมี่ยมแฟชั่นของคนไทยอย่าง SymbolsOfStyle.com และคงจะได้เห็นการเปิดตัวอีกหลายเว็บไซต์ภายในสิ้นปีนี้ ทำให้เห็นได้ว่าปี 2013 ต่อไปนั้น การแข่งขันของธุรกิจอีคอมเมิร์ซและการขายของออนไลน์นั้น จะร้อนระอุ มากขึ้นไปอีก เพราะดูเหมือนว่า จำนวนลูกค้าและตลาด ชักจะเติบโตไม่ทันการแข่งขันในช่วงนี้เสียแล้ว แต่คงไม่ใช่เรื่องน่าเป็นห่วง เพราะตลาดการซื้อขายสินของไทยเรายังเป็นเพียงช่วงเริ่มต้น ยังมีช่องว่างอีกมากที่ยังเปิดโอกาสให้ธุรกิจใหม่ๆ ได้เข้ามาจับจองพื้นที่ เราชาวไอทีเองก็สามารถ ใช้ประโยชน์จากกระแสของการทำอีคอมเมิร์ซนี้ เพื่อหารายได้ได้เช่นกัน
ดูตัวอย่างที่
http://www.google.co.th/local/trader/
http://eshop.club21global.com/
http://www.siamism.com/
จากตัวอย่างของธุรกิจที่กล่าวถึงข้างต้น จะเห็นว่ามีสินค้าอยู่หลายประเภท ทั้งเครื่องอุปโภคบริโภค ของแต่งบ้าน หรือเสื้อผ้า สินค้าแฟชั่น โดยเฉพาะอย่างหลัง ก็พบหลากหลายรูปแบบร้านค้าออนไลน์ หลากหลายชนิดของสินค้า ไม่ว่าจะเป็น เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า เครื่องสำอาง น้ำหอม แว่นตา นาฬิกา มีขายกันสารพัดแบรนด์ สารพัดระดับราคา ซึ่งพบว่า สินค้าแฟชั่น ส่วนใหญ่นั้น ลูกค้าจะเป็นผู้หญิง ทั้งนักศึกษา จนกระทั่ง สาวออฟฟิศ
ผู้เขียนได้มีโอกาสพูดคุยกับสาวนักช้อปออนไลน์หลายๆ ท่าน เกี่ยวกับเรื่องสินค้าแฟชั่นที่สาวๆ ชอบช้อปปิ้งกันนั้นคืออะไร ส่วนใหญ่จะตอบคล้ายๆ กันว่าคือ รองเท้า ที่ซื้อมากที่สุดจากช่องทางออนไลน์ เพราะว่าเลือกซื้อง่าย ไซส์มีความชัดเจน มีหลากหลายรูปแบบ ราคาไม่แพงมาก ต้องเปลี่ยนบ่อยๆ ให้เข้ากับชุด และบางส่วนก็มีความสุขเวลาได้ซื้อรองเท้าใหม่ๆ แม้บางครั้ง จะไม่ได้นำไปใส่ และบางครั้งก็ซื้อสิ่งที่คล้ายกับที่มีอยู่แล้ว ในขณะที่ก็มีสินค้าอีกกลุ่มหนึ่ง ที่ซื้อมากทางออนไลน์คือเสื้อผ้า เครื่องประดับ ตุ้กตา หรือกรอบโทรศัพท์ จากเกาหลีบ้าง ญี่ปุ่นบ้าง ที่เราไม่สามารถสั่งซื้อเองทางออนไลน์ได้ เพราะเขาไม่ส่งสินค้านอกประเทศ หรือค่าส่งจะค่อนข้างสูง ไม่คุ้มกับราคาสินค้า
เราจะมาดูที่เรื่องรองเท้ากันก่อนเป็นอันดับแรก รองเท้าผู้หญิงนับเป็นสินค้า ที่มีประเภทแยกย่อยเป็นจำนวนมาก เช่น รองเท้าส้นเตี้ย รองเท้าส้นสูง รองเท้าส้นเตารีด รองเท้าส้นตึก รองเท้าบู้ท รองเท้าประดับเชือกถัก เป็นต้น เราเน้นไปที่รองเท้าที่ไม่ใช่แบรนด์ดัง ซึ่งราคาจะอยู่ที่ประมาณ 200-300 บาทขึ้นไปจนถึง 800-900 บาท เนื่องจากไม่แพงจนเกินไป ง่ายต่อการตัดสินใจซื้อ ออนไลน์เข้ามามีบทบาท ทำให้เราสามารถหารายได้กับสินค้ากลุ่มนี้ ได้หลายรูปแบบ เช่น สำหรับท่านที่เดิมขายสินค้าประเภทนี้อยู่แล้ว หรือเป็นผู้ผลิต ก็ควรจะเปิดหน้าร้านบนเว็บไซต์ เพิ่มช่องทางการขาย ให้กับคนที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล ที่ไม่มีสินค้าประเภทนี้ขาย ปกติแล้ว การจะรู้ว่ามีรองเท้ารูปแบบ ลายอะไรบ้าง จะต้องไปเลือกกันตามร้าน เพราะผู้ผลิตส่วนใหญ่ ไม่มีเว็บไซต์ เนื่องจากอาจจะไม่มีความถนัดในการทำเว็บ และไม่เห็นประโยชน์ของมัน ยิ่งเป็นโอกาสที่ท่านที่เป็นผู้ผลิต จะเป็นคนแรกๆ ที่จะนำรองเท้าเหล่านี้ ขึ้นมาเป็นแคตตาล็อกบนเว็บ ให้คนเลือกซื้อได้
ทั้งนี้กลุ่มเป้าหมายที่น่าสนใจคือคนที่อยู่ในพื้นที่อื่น ที่อาจจะไม่มีรองเท้ารูปแบบนี้วางขาย รวมทั้งคนที่แม้จะอยู่ในพื้นที่ที่มีรองเท้ารูปแบบนี้วางขาย แต่ไม่สะดวกที่จะไปเดินเลือกซื้อ หรือไม่รู้ว่ามีขายที่ไหน ซึ่งนี่คือจุดเด่นสำคัญของการทำการค้าบนช่องทางออนไลน์นี้ทีเดียว
ดูตัวอย่างรองเท้าผู้หญิงในร้านค้าของเว็บไซต์ http://shopping.sanook.com/" CLASS="innerlink" TARGET="_blank">Shopping.co.th (ปัจจุบันเปลี่ยนแบรนด์เป็น Sabuy.com)
ในทางกลับกัน สำหรับท่านที่ไม่ได้เป็นผู้ผลิตรองเท้าเหล่านี้ สามารถจะจับโอกาสของการซื้อรองเท้าหลากหลายรูปแบบเหล่านี้ที่มีขายบนออนไลน์ ไปวางขายในต่างจังหวัด กับกลุ่มลูกค้าที่ไม่ได้ช้อปปิ้งผ่านเว็บไซต์ แบบมีหน้าร้าน หรือตามตลาดนัด ซึ่งธุรกิจแบบซื้อออนไลน์ไปขายออฟไลน์ แล้วบวกกำไรส่วนต่างเพิ่มแบบนี้ เริ่มมีให้เห็นเนื่องจาก สินค้ามีความแตกต่าง มีรูปลายใหม่ ที่ทันสมัย หาไม่ได้ในร้านค้าท้องถิ่น ประกอบกับในปีนี้ เราจะพบว่ามีร้านค้าออนไลน์บางเจ้า ที่ให้ส่วนลดกับสินค้ากลุ่มนี้ในระดับสูง แถมหลายๆ รายยังเสนอบริการส่งฟรี ทำให้โอกาสในการทำกำไรของพ่อค้าแม่ค้าลักษณะนี้ มีเพิ่มมากขึ้น ในขณะที่ไม่ต้องตั้งราคาขายสูงจนเกินไปด้วย ตลาดของลูกค้าในต่างจังหวัด ไม่ว่าจะผ่านทางช่องทางออนไลน์ หรือช่องทางออฟไลน์ ต่างก็สำคัญและน่าสนใจ
สำหรับสินค้าที่ต้องสั่งซื้อเข้ามาจากต่างประเทศ พบว่าปัจจุบันมีพ่อค้าแม่ค้าหัวใส ที่เปิดร้านในลักษณะของการ Pre-order คือให้จ่ายเงินก่อน แล้วจะสั่งของเข้ามาให้ พบว่าเป็นที่นิยมและมีลูกค้าเป็นจำนวนมาก เนื่องจากสินค้ามีลักษณะเฉพาะ บางส่วนก็มียี่ห้อของประเทศเกาหลี หรือญี่ปุ่น มีความทันสมัย ไม่ซ้ำแบบกับของในประเทศ เพราะไม่สามารถหาซื้อได้ในเมืองไทย นอกจากเสื้อผ้า กระเป๋า เครื่องประดับแล้ว เราจะเห็นว่า สินค้าอย่างปลั้กเสียบโทรศัพท์ไอโฟนน่ารักๆ เช่น รูปแมวจากการ์ตูนญี่ปุ่น หรือตัวการ์ตูนจากโปรแกรมแช็ท Line รวมไปถึงตุ๊กตาของ Line ก็เป็นที่นิยมที่ได้รับการสั่งซื้อ Pre-order กันเข้ามามาก ซึ่งปัจจุบันเทรนด์สินค้าที่คนนิยม จะพบเห็นบนอินทอร์เน็ตเร็วกว่าสมัยก่อน แล้วจึงจะเริ่มเห็นสินค้าเหล่านี้ถูกก้อปปี้วางขายตามช่องทางออฟไลน์อื่นๆ เป็นตัวสะท้อนให้เห็นว่ามันได้รับความนิยมสูงจริงๆ
ผู้เขียน เคยได้พูดคุยกับน้องนักศึกษาที่ขายของ Pre-order รูปแบบนี้ ทำให้ทราบว่า พ่อค้าแม่ค้ากลุ่มนี้ จะมีเพื่อนอยู่ที่ต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นคนในชาตินั้น หรือเป็นคนไทยที่พักอาศัยอยู่ที่นั่น เป็นผู้ไปจัดหาสินค้า และส่งมาให้ ทั้งนี้ข้อพึงระวังสำหรับพ่อค้าแม่ค้าทุกท่าน ก็คือการจัดการ เกี่ยวกับเรื่องของภาษีทั้งส่วนของการนำเข้า และส่วนที่เกิดจากรายได้จากการขาย ซึ่งผู้เขียนมองว่าเป็นเรื่องสำคัญ ที่ควรจะทำให้ถูกต้อง เพื่อไม่ทำให้เกิดค่าใช้จ่ายที่เราไม่คาดคิดจากค่าปรับที่อาจจะตามมาภายหลัง ไม่คุ้มกับกำไรที่ได้มาก็เป็นได้
การจับสินค้ามาขาย ไม่ว่าจะขายผ่านช่องทางออนไลน์หรือออฟไลน์ ก็มีสิ่งหนึ่งที่สำคัญเสมอก็คือ การหูไวตาไวรู้จักเทรนด์ของความต้องการของผู้บริโภคกำลังอยู่ที่สินค้าอะไร ใครเป็นกลุ่มเป้าหมายที่สนใจสินค้าเหล่านั้น สิ่งเหล่านี้เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ และเป็นสิ่งที่แบ่งแยกพ่อค้าแม่ค้ามืออาชีพ ออกจากมือสมัครเล่น อย่างไรก็ดี อินเทอร์เน็ตนั้น เข้ามาเปลี่ยนแปลงธุรกิจหลายๆ อย่าง รวมทั้งเพิ่มโอกาสทางการขาย และโอกาสหารายได้ ทำให้เกิดธุรกิจประเภทใหม่ๆ อย่างที่ได้ยกตัวอย่างไปบ้างแล้วข้างต้น และจะมีเพิ่มมากขึ้นอีกในอนาคตอย่างแน่นอน พ่อค้าแม่ค้าที่รู้จักใช้ประโยชน์จากมัน ก็ต้องอัพเดทตัวเองให้ทันกับเครื่องมือใหม่ๆ เหล่านี้ด้วย เข้าใจและใช้มันอย่างถูกวิธี ก็จะสามารถเพิ่มโอกาสในการหารายได้ให้ตนเองได้ไม่ยากครับ
ขอทิ้งท้ายด้วยเทคนิคและเครื่องมือที่เราใช้ในการจับกระแส เทรนด์สินค้าต่างๆ ทำได้ไม่ยากด้วยตนเอง
1) หมั่นดูหน้าเว็บไซต์ยอดนิยม และร้านค้าออนไลน์ชื่อดัง ไม่ว่าจะเป็น Tarad.com, Weloveshopping.com หรือ Sabuy.com ฯลฯ ว่าเขากำลังโปรโมทสินค้าอะไรช่วงนี้ บางเว็บจะมีอันดับสินค้าขายดีให้ชมด้วย
2) สมัครสมาชิกอีเมลของเว็บไซต์ร้านค้าต่างๆ คือการให้อีเมลของเรากับเว็บไซต์ บางเว็บเรียกว่า สมัคร e-Newsletter แม้เราจะได้รับอีเมลโฆษณาสินค้าเป็นจำนวนมาก บ่อยๆ แต่ก็เป็นตัวชี้ให้เห็นได้ว่า แต่ละร้านโปรโมทสินค้าชนิดใดกับลูกค้าของเขาอย่างง่ายและฟรีอีกด้วย
3) กด Like fanpage ของร้านค้าออนไลน์ และแบรนด์สินค้าต่างๆ จะทำให้เราเห็นว่าร้านค้าเหล่านั้นโปรโมทสินค้าอะไรในโลกของโซเชี่ยลเน็ทเวิร์ก ทั้ง Facebook และโซเซี่ยลเน็ทเวิร์กที่กำลังมาแรงอย่าง Google+ ด้วย (แบรนด์ใหญ่ๆ หลายแบรนด์เริ่มหา “แฟน” กันบน Google+ แล้วนะครับ)
4) ใช้เครื่องมือ Google Keyword Tool โดยเข้าไปที่ https://adwords.google.com/o/KeywordTool แล้วเลือกประเทศเป็น Thailand ภาษาเป็น All เลือก Category เป็นชนิดสินค้าที่ต้องการ เช่น Apparel > Footwear สำหรับหมวดรองเท้า แล้วลองใส่คีย์เวิร์ดลงไปในช่อง เช่น “รองเท้า” กดปุ่ม Search เราก็จะพบว่า มีคนในประเทศไทย ค้นหาคำว่า “รองเท้า” กันประมาณเท่าไร (ตรงกล่องที่เขียนว่า Search terms) โดยดูที่คอลัมน์ “Local Monthly Searches” และค้นคำอะไรคู่กันบ้าง (ตรงกล่อง Keyword ideas) เช่น เราจะพบว่าในช่วงเดือนที่ผ่านมา (โดยประมาณ) นี้ มีการค้นหาแบรนด์ “crocs” กันมากเป็นต้น
ดูตัวอย่างเว็บไซต์ Google Keyword Tool (เครื่องมือภายใต้บริการ Google Adwords) จากภาพด้านข้าง
เทคนิคและเครื่องมือต่างๆ บนโลกออนไลน์นั้น ก็มีเพิ่มและเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา (ที่แสนจะหมุนเร็วกว่าโลกปกติ) ดังนั้นอย่าลืมหมั่นติดตามข่าวสารทางด้านการตลาด และเทคโนโลยี ไอทีใหม่ๆ กันด้วยนะครับ ขอให้สนุก และมีกำไรจากการขายครับ :)
