xs
xsm
sm
md
lg

ล็อกซเล่ย์ผนึกพันธมิตรญี่ปุ่นตั้งMOCAP

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

แฟ้มภาพ : นายสุรพันธ์ ภาษิตนิรันดร์  รองประธานบริหาร กลุ่มธุรกิจเทรดดิ้ง บริษัท ล็อกซเล่ย์
กลุ่มล็อกซเล่ย์ผนึกกลุ่มมิตซุย และโมชิ โมชิ ฮอตไลน์ อิงก์ ตั้งบริษัทร่วมทุนภายใต้ชื่อ “MOCAP” รุกธุรกิจบริการคอนแทกต์ เซ็นเตอร์ในไทย หลังแนวโน้มตลาดโลกขยายตัว แต่เลี่ยงชนวันทูวันคอนแทกต์ในเครือสามารถ โดยโฟกัสไปที่ตลาดเอกชน  ตั้งเป้ารายได้ปีนี้ 190 ล้านบาท

นายสุรพันธ์ ภาษิตนิรันดร์  รองประธานบริหาร กลุ่มธุรกิจเทรดดิ้ง บริษัท ล็อกซเล่ย์ กล่าวว่า ปัจจุบันธุรกิจเอาต์ซอร์สซิ่งทั่วโลกมีอัตราขยายตัวมากขึ้น ล็อกซเล่ย์จึงได้ร่วมมือกับกลุ่มมิตซุย และโมชิ โมชิ ฮอตไลน์ อิ๊งค์ จัดตั้งบริษัทร่วมทุนภายใต้ชื่อเอ็มโอแค็ป (MOCAP) เพื่อนำเทคโนโลยี รวมทั้งความรู้ ทักษะ และเครือข่าย เพื่อผลักดันให้เอ็มโอแค็ปก้าวเป็นบริษัทผู้นำด้านคอลเซ็นเตอร์

สำหรับเอ็มโอแค็ปมีทุนจดทะเบียน 60.8 ล้านบาท โดยกลุ่มมิตซุยถือหุ้นในสัดส่วน 51% กลุ่มล็อกซเล่ย์ ถือหุ้นในสัดส่วน 24.64% และโมชิ โมชิ ฮอตไลน์ อิงก์ ถือหุ้นในสัดส่วน 24.01% นอกเหนือจากการให้บริการคอนแทกต์เซ็นเตอร์เอาต์ซอร์สซิ่งแล้ว เอ็มโอแค็ปยังให้บริการด้านการวิจัยตลาด โดยให้บริการคอนแทกต์เซ็นเตอร์ที่มีประสิทธิภาพ และทีมงานวิจัยที่มีประสบการณ์เชี่ยวชาญ
 
นาย คัทสึโนริ ซุซูกิ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ็มโอแค็ป จำกัด และผู้จัดการทั่วไป บริษัท มิตซุย แอนด์ โค (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดเอาต์ซอร์สซิ่งในประเทศไทยจะขยายตัวเพิ่มเป็น 5,000-6,000 ล้านบาท ในปี 2552 และเพิ่มเป็น 9,000-10,000 ล้านบาท ในปี 2554 ซึ่งคาดการณ์จากเทรนด์ที่เคยเกิดขึ้นในประเทศญี่ปุ่น จากความร่วมมือกับล็อกซเล่ย์ผู้มีบทบาทในประเทศไทยทั้งในภาครัฐและเอกชน โมชิ โมชิ ฮอตไลน์ อิงก์ ผู้ให้บริการคอนแทกต์เซ็นเตอร์ที่มีโนว์ฮาวที่ทันสมัย จึงมั่นใจว่าจะทำให้เอ็มโอแค็ปก้าวเป็นผู้นำด้านคอนแทกต์เซ็นเตอร์เอาต์ซอร์สซิ่งของประเทศไทย นอกจากนี้ กลุ่มมิตซุยยังมีแผนงานที่จะขยายธุรกิจ คอนแทกต์เซ็นเตอร์เอาต์ซอร์สซิ่งไปยังประเทศในอาเซียน เช่น เวียดนาม และจีนด้วย

นางปริญดา อุทัยเจริญพงษ์ กรรมการผู้จัดการ เอ็มโอแค็ป กล่าวว่า ธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภคในประเทศไทยเติบโตอย่างรวดเร็ว ซึ่งบริษัทเหล่านี้ให้ความสนใจที่จะใช้บริการคอนแทกต์เซ็นเตอร์เอาต์ซอร์สซิ่ง และบริการบริหารจัดการภายในองค์กร เช่น Data Entry และอื่นๆ  ซึ่งปัจจุบันธุรกิจเอาต์ซอร์สซิ่งในประเทศไทยมีมูลค่าประมาณ 3,500-4,000 ล้านบาท และกำลังเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว

ด้านกลยุทธ์ของเอ็มโอแค็ป จะมุ่งให้ความสำคัญเรื่องการพัฒนาบุคลากร ซึ่งเป็นปัจจัยแห่งความสำเร็จของผู้ให้บริการคอนแทกต์เซ็นเตอร์ การผสมผสานพนักงานคอนแทกต์เซ็นเตอร์ที่มีคุณภาพสูง กับการบริหารจัดการที่มีคุณภาพของญี่ปุ่น จะช่วยพัฒนาคุณภาพและผลผลิตของงานคอนแทกต์เซ็นเตอร์ ซึ่งจะสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้า ซึ่งปัจจุบันเอ็มโอแค็ปได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าหลายกลุ่ม เช่น  ธุรกิจเทคโนโลยีและการสื่อสาร ธุรกิจการเงิน ธุรกิจไอที ธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภค และอื่นๆ กว่า 20 ราย และตั้งเป้ารายได้ปีนี้ไว้ที่ 190 ล้านบาท จากปีที่ผ่านมาที่สามารถทำรายได้ไป 100 ล้านบาท

“ที่ทำธุรกิจในแบบเดียวกับเราคือวันทูวันคอนแทกต์ในกลุ่มบริษัทสามารถแต่เราเน้นตลาดราชการ ส่วนเราจะโฟกัสไปที่ตลาดเอกชนเป็นหลัก”

ปัจจุบันเอ็มโอแค็ปมีพนักงานให้บริการ 350 ที่นั่ง และจะเพิ่มอีก 200 ที่นั่งในปี 2553

Company Related Links :
LOXTRADE
MITSUI
ONETOONECONTACTS
กำลังโหลดความคิดเห็น