SUSCO เบรกแผนขยายปั๊มน้ำมันเพิ่มให้ครบ 200 แห่งทั่วประเทศปีนี้ หลังยอดการใช้น้ำมันลดฮวบช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ผลพวงราคาน้ำมันพุ่งและผู้ค้ารายใหญ่ถ่วงปรับขึ้นราคาขายปลีก เบนเข็มเพิ่มสถานีเอ็นจีวี และเน้นเปิดเฉพาะปั๊มที่ทำกำไร ยันรายได้ปีนี้เกินหมื่นล้าน
นายชัยฤทธิ์ สิมะโรจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามสหบริการ จำกัด (มหาชน) (SUSCO) เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทได้ปรับเปลี่ยนนโยบายการดำเนินธุรกิจน้ำมันใหม่จากเดิมที่มีแผนทำปั๊มใหม่เพิ่มเติมอีก 10 กว่าแห่ง เหลือเพียง 1-2 แห่งในปีนี้ เนื่องจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นมากส่งผลให้ยอดการใช้น้ำมันในประเทศปรับลดลงกระทบกับผู้ค้าน้ำมันทุกราย แต่ยังทยอยลงทุนปรับปรุงปั๊มเพื่อรีแบรนดิ้ง รวมทั้งเน้นทำตลาดเฉพาะปั๊มที่สร้างยอดขายและกำไรดี
ในอนาคต SUSCO มีเป้าหมายปั๊ม 150 แห่งจากปัจจุบันที่มีปั๊มอยู่ 180 แห่งทั่วประเทศ และหันไปร่วมมือกับ ปตท.ในการเปิดปั๊มบริการเอ็นจีวี ซึ่งปีนี้จะเปิดเพิ่มเป็น 6 แห่ง จากปัจจุบันมีอยู่ 3 แห่ง และอยู่ระหว่างการพิจารณาของ ปตท.อีก 20 แห่ง ส่วนปั๊มก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) สำหรับยานยนต์ ปีนี้จะเปิดเพิ่มอีก 2 แห่งจากที่มีอยู่ 5 แห่ง และจะไม่ขยายปั๊มแอลพีจีเพิ่มเติม
เนื่องจากยอดขายน้ำมันของ SUSCO ในช่วง พ.ค.-มิ.ย.ที่ผ่านมา ปรับตัวลง 10% จากเดิมที่มียอดขายอยู่ 200-300 ล้านลิตรต่อเดือน เหลือเพียง 200 กว่าล้านลิตร เป็นไปตามภาพรวมอุตสาหกรรมค้าปลีกน้ำมันที่หดตัวลง หลังราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นมาก รวมทั้งราคาขายปลีกน้ำมันของ SUSCO สูงกว่าผู้ค้าน้ำมันรายใหญ่ปรับขึ้นราคาช้ากว่าผู้ค้ารายอื่นๆ
“ธุรกิจค้าปลีกน้ำมันในครึ่งปีแรกพบว่าสถานการณ์น้ำมันแย่กว่าปีที่แล้ว เพราะราคาขายปลีกไม่สามารถปรับขึ้นให้ทันกับราคาน้ำมันตลาดโลกที่ปรับขึ้นไปแรง ส่วนทั้งปีจะเป็นอย่างไรคงต้องดูครึ่งปีหลังนี้”
สำหรับธุรกิจเทรดดิ้งประมูลขายน้ำมันให้ลาวนั้น คาดว่า ยอดขายจะลดลง 20%จากที่ตั้งเป้าหมายไว้ 400 ล้านลิตร เป็นผลจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น ทำให้ลาวมีการใช้น้ำมันลดลง แล้วหันไปใช้พลังงานทดแทนเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม ในปีนี้ บริษัทยังคงเป้าหมายรายได้ไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้านบาท เพราะมีปั๊มน้ำมันเพิ่มขึ้นจากการเข้าไปปรับเปลี่ยนปั๊มทีพีไอมาเป็นปั๊ม SUSCO 25 แห่ง ทำให้ปริมาณการขายน้ำมันเพิ่มสูงขึ้น โดยไตรมาส 2 ปีนี้ ยอดขายน้ำมัน SUSCO เติบโตขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 10% แต่ยอดขายรวมเติบโตขึ้น 30% จากปีก่อน เนื่องจากราคาน้ำมันและปริมาณการขายที่เพิ่มสูงขึ้น
นายชัยฤทธิ์ กล่าวต่อไปว่า หากมีการนำเข้าน้ำมันดีเซลกำมะถันสูง0.5%จากรัสเซียเข้ามาจำหน่ายถึงเดือนละ 3 แสนตัน คิดเป็น 25% ของความต้องการใช้ดีเซลทั้งประเทศ จะทำให้ยอดขายน้ำมันของ SUSCO ยิ่งปรับลดลงไป 5-10% เพราะปั๊ม SUSCO ส่วนใหญ่อยู่ต่างจังหวัด
นายชัยฤทธิ์ สิมะโรจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามสหบริการ จำกัด (มหาชน) (SUSCO) เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทได้ปรับเปลี่ยนนโยบายการดำเนินธุรกิจน้ำมันใหม่จากเดิมที่มีแผนทำปั๊มใหม่เพิ่มเติมอีก 10 กว่าแห่ง เหลือเพียง 1-2 แห่งในปีนี้ เนื่องจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นมากส่งผลให้ยอดการใช้น้ำมันในประเทศปรับลดลงกระทบกับผู้ค้าน้ำมันทุกราย แต่ยังทยอยลงทุนปรับปรุงปั๊มเพื่อรีแบรนดิ้ง รวมทั้งเน้นทำตลาดเฉพาะปั๊มที่สร้างยอดขายและกำไรดี
ในอนาคต SUSCO มีเป้าหมายปั๊ม 150 แห่งจากปัจจุบันที่มีปั๊มอยู่ 180 แห่งทั่วประเทศ และหันไปร่วมมือกับ ปตท.ในการเปิดปั๊มบริการเอ็นจีวี ซึ่งปีนี้จะเปิดเพิ่มเป็น 6 แห่ง จากปัจจุบันมีอยู่ 3 แห่ง และอยู่ระหว่างการพิจารณาของ ปตท.อีก 20 แห่ง ส่วนปั๊มก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) สำหรับยานยนต์ ปีนี้จะเปิดเพิ่มอีก 2 แห่งจากที่มีอยู่ 5 แห่ง และจะไม่ขยายปั๊มแอลพีจีเพิ่มเติม
เนื่องจากยอดขายน้ำมันของ SUSCO ในช่วง พ.ค.-มิ.ย.ที่ผ่านมา ปรับตัวลง 10% จากเดิมที่มียอดขายอยู่ 200-300 ล้านลิตรต่อเดือน เหลือเพียง 200 กว่าล้านลิตร เป็นไปตามภาพรวมอุตสาหกรรมค้าปลีกน้ำมันที่หดตัวลง หลังราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นมาก รวมทั้งราคาขายปลีกน้ำมันของ SUSCO สูงกว่าผู้ค้าน้ำมันรายใหญ่ปรับขึ้นราคาช้ากว่าผู้ค้ารายอื่นๆ
“ธุรกิจค้าปลีกน้ำมันในครึ่งปีแรกพบว่าสถานการณ์น้ำมันแย่กว่าปีที่แล้ว เพราะราคาขายปลีกไม่สามารถปรับขึ้นให้ทันกับราคาน้ำมันตลาดโลกที่ปรับขึ้นไปแรง ส่วนทั้งปีจะเป็นอย่างไรคงต้องดูครึ่งปีหลังนี้”
สำหรับธุรกิจเทรดดิ้งประมูลขายน้ำมันให้ลาวนั้น คาดว่า ยอดขายจะลดลง 20%จากที่ตั้งเป้าหมายไว้ 400 ล้านลิตร เป็นผลจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น ทำให้ลาวมีการใช้น้ำมันลดลง แล้วหันไปใช้พลังงานทดแทนเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม ในปีนี้ บริษัทยังคงเป้าหมายรายได้ไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้านบาท เพราะมีปั๊มน้ำมันเพิ่มขึ้นจากการเข้าไปปรับเปลี่ยนปั๊มทีพีไอมาเป็นปั๊ม SUSCO 25 แห่ง ทำให้ปริมาณการขายน้ำมันเพิ่มสูงขึ้น โดยไตรมาส 2 ปีนี้ ยอดขายน้ำมัน SUSCO เติบโตขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 10% แต่ยอดขายรวมเติบโตขึ้น 30% จากปีก่อน เนื่องจากราคาน้ำมันและปริมาณการขายที่เพิ่มสูงขึ้น
นายชัยฤทธิ์ กล่าวต่อไปว่า หากมีการนำเข้าน้ำมันดีเซลกำมะถันสูง0.5%จากรัสเซียเข้ามาจำหน่ายถึงเดือนละ 3 แสนตัน คิดเป็น 25% ของความต้องการใช้ดีเซลทั้งประเทศ จะทำให้ยอดขายน้ำมันของ SUSCO ยิ่งปรับลดลงไป 5-10% เพราะปั๊ม SUSCO ส่วนใหญ่อยู่ต่างจังหวัด