xs
xsm
sm
md
lg

ยุทธศาสตร์ ‘ยิบอินซอย’เติบโตสวนวิกฤต

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สุภัค ลายเลิศ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัท ยิบอินซอย
ภาวะวิกฤตเศรษฐกิจก่อให้เกิดผลกระทบทั่วโลก แต่ในแง่ของเทคโนโลยีกลับสวนทาง เช่นเดียวกัน ‘ยิบอินซอย’ ผู้ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการเป็นผู้ให้คำแนะนำและเป็นที่ปรึกษาในส่วนขององค์กร ไม่ว่าจะเป็น ภาครัฐ ภาคเอกชน ด้วยประสบการณ์ยาวนานกว่า 82 ปี เชื่อว่าตลาดการจัดเก็บและสำรองข้อมูลของเมืองไทยยังสามารถเติบโตโดยล่าสุดได้นำเทคโนโลยีด้านการจัดเก็บและสำรองข้อมูล (Virtualization) เพื่อผลักดันกระบวนการทำงานพร้อมช่วยลดต้นทุนได้เป็นอย่างดี

นายสุภัค ลายเลิศ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัท ยิบอินซอย กล่าวถึงความผันผวนของเศรษฐกิจว่าส่งผลกระทบทั่วโลกอย่างมากเมื่อเปรียบเทียบกับวิกฤตต้มยำกุ้งช่วงปี 2540 ในเมืองไทย ครั้งนี้ผลกระทบจากวิกฤตการณ์ทางการเงินของสหรัฐ เริ่มส่งผลกระทบต่อการลงทุนทางด้านไอทีในประเทศไทย สืบเนื่องจากองค์กรขนาดใหญ่ยังมีความต้องการที่จะลงทุนด้านไอทีแต่ต้องชะลอตัวในการลงทุน ทั้งนี้เพื่อปรับตัวให้เข้ากับวิกฤตเศรษฐกิจในตอนนี้ ควบคู่กับการปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงาน และไอทีเป็นเครื่องมือเชิงกลยุทธ์ที่ช่วยลดต้นทุนในการดำเนินงานได้ โดยเฉพาะการลงทุนด้านซอฟต์แวร์แอปพลิเคชันที่รองรับงานต่างๆ ถึงจะมีการชะลอตัว แต่ก็ยังไม่หยุดนิ่ง

ตลาดการจัดเก็บและสำรองข้อมูลของเมืองไทยยังสามารถเติบโตได้ต่อเนื่อง ตลาดด้านโซลูชันการจัดเก็บและสำรองข้อมูล (สตอเรจ) ยังมีพื้นที่การเติบโตอยู่อีกมาก ปัจจัยได้แก่ กลุ่มองค์กรขนาดใหญ่ ซึ่งคาดว่าน่าจะมีการลงทุนซื้อระบบเทคโนโลยีสตอเรจไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านบาท เป็นผลมาจากฤดูกาลการเปลี่ยนถ่ายเทคโนโลยี รวมทั้งความจำเป็นและความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป ความจำเป็นในการปรับตัวให้สอดรับกับกฎข้อบังคับต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น พ.ร.บ. ธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ และพ.ร.บ. อาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ ซึ่งจะสร้างความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น และเมื่อนำสองส่วนนี้มารวมเข้าด้วยกัน จะเห็นได้ถึงขนาดของตลาดที่ยังมีพื้นที่ในการขยายตัวอีกมาก ทั้งด้านความต้องการฮาร์ดแวร์และการบริการกำลังเติบโตขึ้นมาพร้อมๆ กับความซับซ้อนของความจำเป็นและความท้าทายขององค์กรที่ต้องการจัดการข้อมูลได้อย่างเหมาะสม

นอกจากนี้ ทิศทางการเติบโตของข้อมูลที่สื่อสารกันอยู่บนเครือข่ายองค์กรนั้นก็ทำให้องค์กรต้องหันมาบริหารจัดการข้อมูลกันอย่างจริงจังด้วยเช่นกัน รวมทั้งยังมีการขยายตัวของแอปพลิเคชันและบริการการสื่อสารรูปแบบใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลภาพ และ เสียง รวมทั้งเงื่อนไขของการใช้งานภายในองค์กรที่พัฒนามากขึ้นกว่าเดิมทุกวัน รวมทั้งการปรับตัวให้สอดคล้องกับกฎข้อบังคับและกฎหมายต่างๆ จึงเป็นแรงผลักดันให้ทุกองค์กรต้องปรับนโยบายการบริหารจัดการข้อมูลระยะยาว ทำให้ตลาดส่วนนี้มีอัตราการเติบโตต่อเนื่อง

ปัจจุบันระบบการจัดเก็บข้อมูลเป็นที่ต้องการมาก มีเวนเดอร์ให้บริการค่อนข้างมาก ในราคาที่แข่งขันกันรุนแรง ดังนั้น การลงทุนเรื่องการเก็บข้อมูลนั้นจึงไม่ใช่เรื่องของราคาต่อพื้นที่ในการจัดเก็บ หากแต่เป็นเรื่องของการให้บริการมากกว่า เป็นมุมมองกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจที่ผู้บริหารต้องพิจารณาด้านการบริหารข้อมูลของตน และการใช้ประโยชน์จากข้อมูลที่เก็บเอาไว้มากมาย การทำสำรองข้อมูล หรือกระทั่งการเรียกคืนข้อมูลเมื่อระบบล่ม

"เทคโนโลยีสตอเรจเกี่ยวกับการจัดเก็บข้อมูลที่นำมาใช้ในอนาคตนั้น เราจะได้เห็นแนวโน้มที่กลุ่มผู้บริหารองค์กรจะเปลี่ยนวิสัยทัศน์เรื่องระบบเก็บข้อมูลเป็นเชิงบริหาร และเป็นส่วนสำคัญต่อการนำไปใช้ในการบริหารในเชิงกลยุทธ์ทางธุรกิจ ซึ่งเป็นปัจจัยเงื่อนไขทางการบริหารและการลงทุนที่เกิดขึ้นในยุควิกฤตเศรษฐกิจเช่นนี้ ไม่ว่าเป็นเรื่องค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บ เวลาที่ใช้ในการทำสำรองเรียกคืนข้อมูล การหาข้อมูลที่ต้องการเมื่อเก็บไปแล้ว โดยเรื่องเหล่านี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารเงินลงทุนด้านสารสนเทศในองค์กรและช่วยเสริมประสิทธิภาพในการแข่งขันได้เป็นอย่างดี"

นอกจากนี้ นายสุภัค ได้กล่าวเสริมถึงอนาคตเทคโนโลยีการจัดเก็บและบริหารข้อมูลว่าจะเปลี่ยนรูปแบบการโอนถ่ายและลักษณะการจัดเก็บให้เป็นแบบเวอร์ชวล ( virtualization) มากขึ้นเพื่อช่วยในด้านการลงทุนตลอดจนความคล่องตัวในการใช้งานภายในองค์กร รับการเปลี่ยนแปลงนโยบายธุรกิจขององค์กรเพื่อการดำเนินงานได้ด้วย ทั้งนี้ องค์กรธุรกิจโดยมากเมื่อเกิดการลงทุนสารสนเทศมักต้องคำนึงถึง 3 ส่วนหลัก ได้แก่ ความสะดวกคล่องตัวในการบริหารจัดการ, ขนาดของการลงทุน และการใช้พลังงานเพื่อการดำเนินการ

“ลูกค้าจะเริ่มหันมามองด้านการลงทุนที่ให้ผลเชิงธุรกิจมากขึ้น ด้วยพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปจากปัจจัยรอบตัว ดังนั้น ทุกบาทที่ลงไปย่อมต้องสามารถที่สร้างรายได้คืนมา หรือลดรายจ่ายลงไป ซึ่งต้องอาศัยทั้งการเลือกเทคโนโลยีที่ถูกต้อง ผนวกกับความเข้าใจเชี่ยวชาญในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีให้ตอบโจทย์ได้ลงตัว โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจโทรคมนาคมและกลุ่มการเงินการธนาคารที่เราจะเห็นความเคลื่อนไหวด้านนี้ต่อเนื่อง แม้เศรษฐกิจจะชะลอตัวมาก แต่การลงทุนด้านนี้ ในขณะนี้ ถือว่าเป็นการต่อยอดสร้างความได้เปรียบไว้ เมื่อเศรษฐกิจกระเตื้อง ก็พร้อมที่จะกระโดดเข้าสู่การแข่งขันในทันที”

การนำองค์กรเข้าสู่ทิศทางการจัดเก็บข้อมูลแบบเวอร์ช่วลนั้น เป็นการสร้างประสิทธิผลบนจำนวนเซิร์ฟเวอร์ที่ลดลง แต่ทำงานได้ในปริมาณที่มากกว่า ด้วยแนวคิดของการแบ่งจำพวกกิจกรรม หรือข้อมูลไว้เก็บตามเซิร์ฟเวอร์ต่างๆ เสมือน มีหลายตัว ทั้งๆ ที่เซิร์ฟเวอร์ตัวจริงที่ใช้งานนั้นมีเพียงหนึ่งตัวเท่านั้น ถ้ามองการบริหารทรัพยากรข้อมูลและแอปพลิเคชันของบริษัทด้วยแนวคิดนี้แล้ว จะเห็นได้ว่า ประโยชน์ที่ได้รับนั้นมีมากมาย อาทิ ลดค่าใช้จ่าย, ลดอัตราการสูญเสียพลังงานสิ้นเปลืองไปกับเซิร์ฟเวอร์หลายๆ ตัว, ลดการใช้พื้นที่ในการจัดวางเซิร์ฟเวอร์, ลดค่าใช้จ่ายด้านบุคคลากร

เพิ่มประสิทธิภาพที่ได้รับจากการใช้งานเซิร์ฟเวอร์ที่ติดตั้งใช้งานให้รองรับการใช้งานได้เต็มขีดความสามารถ แทนที่แนวคิดแบบเดิมที่มีเซิร์ฟเวอร์ซ้ำซ้อนรองรับเฉพาะแอปพลิเคชัน เป็นการสิ้นเปลือง และใช้งานไม่เต็มประสิทธิภาพ,เพิ่มโอกาสในการใช้งานแอปพลิเคชันต่างๆ ที่ยังมีข้อมูลสำคัญๆ วิ่งอยู่ โดยใช้การทำงานแบบเวอร์ชวล คือ ไม่ต้องตั้งเซิร์ฟเวอร์ใหม่ขึ้นมาให้เฉพาะกิจ ,เพิ่มความคล่องตัวรองรับการขยายตัวทางธุรกิจที่นำมาซึ่งการขยายตัวของแอปพลิเคชัน เมื่อเป็นเวอร์ช่วลเซิร์ฟเวอร์ การบริหารจัดการทรัพยากรแอปพลิเคชันและข้อมูลต่างๆ ก็จะอยู่บนเซิร์ฟเวอร์เพียงตัวเดียวเท่านั้น

ลดความยุ่งยากซับซ้อนของการทำแบ็กอัปและกู้คืนข้อมูล ประหยัดเวลาของบุคลากรเรื่องการจัดเก็บแบ็กอัปเทป และเหลือเวลาที่จะใช้ทำงานอย่างอื่นที่เกิดประสิทธิผลแก่ธุรกิจได้มากกว่า

นายสุภัคกล่าวว่ายิบอินซอย ยังเล็งเห็นถึงความเติบโตของเทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อม หรือ Green Technology ที่ทุกองค์กรต่างให้ความสำคัญมากที่สุดในปี2552 เพราะเป็นเทคโนโลยีที่จะมีบทบาทในการช่วยพัฒนาประสิทธิภาพขององค์กรต่างๆ ในด้านการประหยัดพลังงาน พร้อมช่วยลดค่าใช้จ่ายและยังช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้เพื่อมุ่งสอดรับกับกระแสการช่วยลดภาวะโลกร้อนอีกด้วย

Company Related Links :
Yipintsoi
กำลังโหลดความคิดเห็น