พี่น้องประชาชนและพี่น้องสื่อมวลชนที่เคารพรักทุกท่าน วันนี้ จะเป็นบนเวทีนี้มากกว่าปกติหน่อย เพราะมีทั้งหมด 6 พรรค ก็ดูแล้วอุ่นหนาฝาคั่งกว่าทุกวัน ก็จากที่เป็นข่าวเป็นคราวหลายเรื่องที่ผ่านมา คิดว่า รัฐบาลซึ่งมีพรรคการเมืองร่วมกันทั้ง 6 พรรค ก็ควรจะได้มีการชี้แจงบางสิ่งบางอย่างให้พี่น้องประชาชนได้ทราบ ถึงการทำงานของรัฐบาล ความร่วมไม้ร่วมมือทั้ง 6 พรรคที่มีอยู่ด้วยกัน
ทั้งนี้ ผมคิดว่าการแถลงคราวนี้ เป็นเรื่องการแถลงต่อพี่น้องประชาชนและสื่อมวลชนตามปกติ ซึ่งผมคิดว่าถ้ามีเรื่องราวต่างๆ เกิดขึ้น และเป็นที่สนใจอยากรู้ความเคลื่อนไหว ความเป็นไปเป็นมาของการทำงานในภาครัฐบาลนั้น รัฐบาลควรจะแสดงให้พี่น้องประชาชนทราบ ทั้งนี้ เพราะว่ารัฐบาลชุดนี้ เป็นรัฐบาลที่เราเรียกได้เต็มปากเต็มคำว่า เป็นรัฐบาลที่มาในระบอบประชาธิปไตย มาจากการเลือกตั้งของพี่น้องประชาชนทั้งประเทศ เพราะฉะนั้นการทำสิ่งใดก็ควรรายงานให้พี่น้องประชาชนทั้งประเทศได้รับทราบ เพราะว่า เรามีความรับผิดชอบต่อบุคคลที่ส่งให้เราขึ้นมาเป็นผู้บริหารบ้านเมือง เพราะงั้นเป็นเรื่องปกติที่จะต้องมาพูดคุยกัน เป็นครั้งเป็นคราว
จากที่มีข่าวหลายเรื่องหลายราววันนี้ ผมอยากจะเรียนว่า การทำงานของรัฐบาลนั้น จุดมุ่งหมายเมื่อขึ้นมาแล้ว ไม่ได้มีเป้าประสงค์ว่า จะทำงานเฉพาะด้านการเมือง สิ่งที่สำคัญที่สุดที่เรากังวล คือการที่เราต้องดูแลพี่น้องประชาชน ทุกคนทุกภาคส่วนด้วยเสมอภาคกันทั้งประเทศ นโยบายของเราที่ได้แถลงไปนั้นคงจะเป็นที่ทราบว่ามีหลายอย่าง ทั้งนี้ ครอบคลุมถึงการทำมาหากินของพี่น้องประชาชนทุกคน ไม่ว่าจะอยู่ในชนบท อยู่ในเมือง หรือในเมืองหลวง ความสะดวก การอำนวยความสะดวก เช่น ตั้งแต่เรื่อง
น้ำ เรื่องไร่นา เรื่องราคาสินค้า จนกระทั่งมาถึงเรื่องถนนหนทาง เรื่องรถไฟฟ้าใต้ดิน บนดิน ก็แล้วแต่ ซึ่งครอบคลุมทุกภาคส่วน เพราะฉะนั้นผมคิดว่า อันนี้เป็นนโยบายที่ประกาศไว้ชัดเจน อยากจะพูดถึงเรื่องที่เราให้ความสนใจกันมากมายอีกเรื่องหนึ่งก็คือ ปัญหาเหตุที่เกิดการที่เป็นข่าวเป็นคราวกันที่ได้รับความสนใจกันจนถึงทุกวันนี้ ก็คือเหตุที่เกิดขึ้นจากการที่แถลงนโยบายของรัฐบาลว่า ตกลงเป็นอย่างไรกันแน่ ผมอยากจะเรียนอย่างนี้นะครับว่า เมื่อรัฐบาลได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งแล้ว ก็หลังจากถวายสัตย์ปฏิญาณแล้ว เป็นกฎข้อบังคับของกฎหมายรัฐธรรมนูญ ที่จะต้องแถลงนโยบายต่อรัฐสภาภายใน 15 วัน หลังจากถวายสัตย์ปฏิญาณ เพราะฉะนั้นท่านประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งทำหน้าที่ประธานรัฐสภาก็ได้เป็นผู้กำหนดนัดวันประชุม ผมเรียนให้ฟังว่าในกำหนดนัดวันที่ 7 นั้น ก็เป็นการนัดของท่านประธาน ในวันที่ 6 กลางคืนผมก็ได้รับข่าวว่ามีกลุ่มบุคคลที่จะไปปิดการเข้าไปในสภาฯ มีการใช้โซ่ไปร้อยประตู ใช้กุญแจไปล็อก และมีมวลชนเข้าไปปิดกั้นทาง ซึ่งผมก็แสดงความกังวลว่าถ้าเช่นนั้นจะดำเนินการอย่างไร
ในคืนนั้นผมเชิญคณะรัฐมนตรีทั้งคณะมาประชุมเป็นการเร่งด่วนฉุกเฉิน เรียกตรงนี้ว่าฉุกเฉิน เพราะเรียกประชุมท่านตอน 5 ทุ่ม ผมเกรงใจท่านอยู่มาก แต่ว่าภารกิจอย่างนั้น ผมคิดว่า ผมไม่อาจตัดสินใจและทำอะไรได้คนเดียว ก็เชิญท่านมาทั้งหมด
ในการประชุมคราวนั้น ผมได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า ได้ทราบว่ามีข่าว ได้ทราบจากข่าวว่าจะมีการดำเนินการอย่างที่บอกเนี้ยะ มีคนไปปิดไม่ให้เข้าประชุม ที่ประชุมก็ให้ความเห็นกันหลากหลาย หลายท่านบอกว่า เราน่าจะย้ายที่ประชุมซะ ประชุมที่อื่นได้ไหม ซึ่งจริงๆ ผมเห็นว่า ถ้าทำเช่นนั้นได้เป็นการดี เพราะจะต้องไม่ไปรบรากัน แต่เราไม่ได้เจตนาจะรบรากับใคร แต่มีเสียงส่วนหนึ่ง ซึ่งมีเหตุมีผลว่า การประชุมนั้น นัดโดยท่านประธานรัฐสภา เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเองได้ ต้องฟังท่านประธานว่า ท่านจะดำเนินการอย่างไร ถ้าประชุมไม่ได้ สุดท้ายก็ ได้สรุปในที่ประชุมว่า ถ้าเช่นนั้นเราต้องไปสภาตามนัด และจะดูว่า สามารถเข้าไปแถลงนโยบายได้หรือไม่ ถ้าเข้าไปไม่ได้หรือแถลงไม่ได้ ก็รอฟังท่านประธานว่า ท่านจะมีการเลื่อนไป หรือจะนัดหมายอย่างไร หรือจะย้ายที่อะไรก็แล้วแต่
อันนี้คือการปฏิบัติตามคำสั่งของท่านประธาน และในคืนนั้น เมื่อสรุปเช่นนั้นแล้ว ทาง ครม.ก็ได้มอบหมายให้ ท่านพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ซึ่งท่านเป็นรองนายกฯ ขณะนั้น เป็นผู้ซึ่งท่านก็รับภาระที่จะเป็นผู้ประสานงานดูแลส่วนที่มีการไปปิดล้อมสภาฯ อยู่ ซึ่งอันนี้เป็นสิ่งที่เล่าให้ฟังว่า การประชุม ครม.คืนนั้นก็จบลงตรงนี้ แต่เมื่อวันรุ่งขึ้นเกิดเหตุการณ์อย่างที่ทราบข่าวไปแล้ว ไม่ต้องไปทบทวนซ้ำ ผมคิดว่าสิ่งนี้หลายท่านไม่ทราบข้อเท็จจริงว่าตกลงว่าจะอย่างไรกันแน่ เหตุเกิดขึ้นได้อย่างไร ใครทำอะไรใครบ้าง ใครต้องรับผิด ไม่รับผิดตรงไหน ผมก็ได้ตั้งกรรมการขึ้น กรรมการที่ตั้งนั้นจริงๆ ที่ผมเป็นผู้เซ็นตั้งโดย ครม.นั้น เป็นการดำเนินการเพื่อให้ความสะดวกกับท่าน เช่น ต้องมีการใช้จ่ายงบประมาณ ต้องมีการบอกว่าท่านสามารถจะเรียกเอกสารจากบุคคลใดก็ได้ สอบสวนบุคคลใดก็ได้ อะไรอย่างนี้ อันนี้เป็นความจำเป็นที่ภาครัฐจะต้องอำนวยความสะดวกให้ แต่ตัวท่านประธานก็ดี กรรมการก็ดี เราไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยว เป็นเรื่องของความเป็นอิสระของท่าน เพราะฉะนั้นเมื่อตั้งขึ้นแล้ว ก็ถือว่าเป็นอำนาจหน้าที่ของท่านที่ต้องดำเนินการ อยากจะเรียนว่าคณะกรรมการดังกล่าวก็เป็นบุคคลซึ่งเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ ที่ได้รับความไว้วางใจที่จากประชาชนโดยทั่วไป เรื่องการสอบสวนเป็นหน้าที่ของท่าน แต่ผมได้เคยกราบเรียนกับท่านกรรมการว่าเราต้องการทำอยกาจะให้ผลปรากฏออกมาโดยเร็ว ซึ่งเท่าที่สนทนากันนั้น ก็คาดหมายว่า ภายใน 15 วัน น่าจะทราบผล และรายงานมาได้
ผมอยากจะกราบเรียนต่อพ่อแม่พี่น้องประชาชนว่า เมื่อเป็นเรื่องของกรรมการอิสระแล้ว ท่านย่อมมีสิทธิ์ที่จะดำเนินการไปตามอำนาจหน้าที่ และข้อวินิจฉัยของท่าน ผลจะออกมาประการใด รัฐบาลจะยอมรับตามผลที่ออกมานั้น ถ้ามีส่วนใดที่ใครต้องรับผิดชอบ เราต้องยอมรับไปตามนั้น ก็ขอเรียนให้ทราบว่านี่คือเจตนาที่แท้จริง ไม่มีความประสงค์ที่จะมีความรู้สึดที่หลีกเลี่ยง หรืออะไรทั้งสิ้น เพราะว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้น ไม่ใช่เป็นสิ่งที่เราอยากจะให้เกิดขึ้น และต้องไปดูว่ามีเหตุมีผลอย่างไร แต่ถ้ามีเหตุมีผลก็ต้องคอยฟังท่าน ในส่วนนี้ก็เป็นอย่างนี้
ในการทำงานนั้น รัฐบาลมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ไม่สามารถจะละทิ้งหน้าที่ได้ งานมีมากมายที่ผมได้เรียนไปแล้ว การดูแลทุกข์ของพี่น้องประชาชน เรามีงานใหญ่ๆอยู่ข้างหน้าอีก 3 งาน ผมได้เคยเรียนให้ทราบไปหลายครั้ง งานเหล่านั้นเป็นงานที่รัฐบาลต้องรับผิดชอบร่วมกับพ่อแม่พี่น้องประชาชน ผมจึงอยากจะกราบเรียนอีกครั้งหนึ่งว่า งาน 3 งานนั้น ผมอยากจะขอเรียนเชิญทุกๆท่านได้ร่วมกับรัฐบาลในการที่จะดำเนินการให้ลุล่วงไปได้ด้วยดี ก็คืองานแรก ที่เราจะมีขึ้นเป็นพระราชพิธี ในวันที่ 14 - 19 เดือนพฤศจิกายนนี้ อันนั้นคืองานพระราชพิธีถวายเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ซึ่งเป็นที่รักของปวงชนชาวไทย รัฐบาลได้ดำเนินการเตรียมงานนี้มาเป็นระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งได้ให้ข่าวไปเป็นระยะแล้ว ขณะนี้ก็ทุกอย่างทีเตรียมค่อนข้างที่จะพร้อม 100 เปอร์เซ็นต์ จะมีพิธียกฉัตรที่พระเมรุ โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ จะเสด็จพระราชดำเนินทรงเป็นประธานในการยกฉัตร วันที่ 20 เดือนนี้ เพราะฉะนั้นอยากจะขอเชิญชวนทุกท่านว่า ได้ร่วมมือร่วมใจกัน รัฐบาลเองก็จะทุ่มเทเพื่อทำงานนี้อย่างสมพระเกียรติ
งานที่ 2 ก็คือ งานเฉลิมพระชนมพรรษาที่ได้เคยเรียนไปแล้วว่า ทุกๆปีพี่น้องประชาชนก็จะรอคอยเพื่อจะได้ถวายพระพร และจะได้แสดงออกซึ่งความจงรักภักดีที่เรามีอยู่ทุกคน ที่เปี่ยมล้นในหัวใจของทุกๆ คนอยู่แล้ว เพราะงั้นก็เป็นสิ่งเราจะต้องมาเฉลิมฉลองในโอกาสที่เป็นมงคลนั้นๆ ก็อยากจะให้ทุกอย่างที่ดำเนินการไปเป็นไปโดยเรียบร้อย ดังที่เคยเรียนไปแล้วว่า งานที่เป็นศูนย์รวมดวงใจของคนไทยเหล่านี้ ผมอยากจะให้เราหยุดการวิวาทบาดหมาง ทะเลาะเบาะแว้งกันไว้ มาร่วมมือร่วมใจกันในการที่ถวายพระเกียรติ และดำเนินการเพื่อให้สมพระเกียรติในครั้งนี้ด้วย อันนี้ก็ขอเรียนย้ำอีกครั้งหนึ่ง
ถัดไปก็เป็นงานที่ต้องแสดงถึงความพร้อมและความมีเอกภาพ ความมีศักยภาพของประเทศไทยที่จะต้องไปอวดต่อสายตาชาวโลก ก็คืองานประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน บวกกับประเทศคู่เจรจาอีก 6 ประเทศ อันนี้เป็นเรื่องสำคัญ ท่านอาจจะคิดว่าเป็นเรื่องในอาเซียน แต่ทั่วโลกก็จับตามอง เพราะอาเซียนแถบนี้ก็เป็นตลาดใหญ่ เป็นแหล่งลงทุนแหล่งใหม่ และก็เป็นประเทศซึ่งกำลังพัฒนา บางประเทศประเทศคู่เจรจาก็เป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว งานนี้เป็นงานที่เป็นหน้าตารัฐบาล ผู้นำทุกประเทศที่มาในคราวนี้จะมีโอกาสได้เข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ซึ่งขณะนี้ได้นำเรื่องกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ อยู่ระหว่างรอหมายกำหนดการ อันนี้ก็สุดแล้วแต่จะโปรดประการใด
แต่ว่าอันนี้เป็นเรื่องที่เราต้องช่วยกันรักษาหน้าตาของเรา และงานนี้จะมีนักท่องเที่ยว มีคนเข้ามาใช้บริการ มีอะไรต่ออะไรมากมายมหาศาล เพราะฉะนั้นก็อยากให้เรามาร่วมมือกันเช่นเดียวกัน เพื่อจัดงานทั้งหมดนี้ให้ลุล่วงไปได้ด้วยดี เชิดหน้าชูตาประเทศของเรา ดีกว่าที่เขาจะไปนินทาว่าเรามัวแต่ทะเลาะกัน และไม่รักษาเกียรติภูมิของชาติเอาไว้เลย
ก็อยากจะเรียนอย่างนี้ว่า สิ่งที่เป็นเรื่องของการบ้านการเมืองทั้งหลาย ผมเองก็ไม่อยากจะไปเน้นตรงนั้น แต่บางครั้งบางคราวเราก็พูดกัน อย่างเช่นการปฏิรูปการเมืองจะทำอย่างไร อันนี้รัฐบาลเองก็เคยพูดไว้แล้วว่า เราสนับสนุนแนวทางที่จะจัดตั้ง ส.ส.ร. หรือสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญขึ้น ไม่ได้หมายความว่ารัฐบาลจะต้องอยู่เพื่อทำงานนั้น แต่สิ่งนั้นรัฐบาลก็มองเห็นว่าเป็นทางออก
ท่านประธานสภาผู้แทนราษฎรเอง ท่านได้เชิญท่านประธานวุฒิสภา และผู้นำ แกนนำพรรคการเมืองทุกพรรค เข้าไปประชุมและร่วมหารือกัน ซึ่งทุกฝ่ายก็เห็นตรงกันอย่างนั้น ผมก็คิดว่าเป็นนิมิตหมายที่ดีที่เราจะเอาสิ่งนั้นมาเป็นทางออกที่ดีให้พี่น้องประชาชนมีส่วนร่วมกันในการพัฒนาการเมืองของเขา ซึ่งก็ออกมาแล้ว สำเร็จเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว มีการปรับปรุงแก้ไขเรียบร้อย รัฐบาลก็พร้อมที่จะคืนอำนาจให้กับประชาชน ก็เป็นสิ่งที่คิดว่าเป็นเรื่องเป็นความชอบธรรม
ผมคิดว่ารัฐบาลเองก็มีความรู้สึกที่บางครั้งบางคราวก็ไม่สบายใจในการที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์อะไรต่ออะไร แต่ก็จะทำงานด้วยความเข้มแข็งและอดทน ทั้งนี้ เพราะว่าระบอบประชาธิปไตยนั้นมีที่มาที่ไป การมาการไปของรัฐบาลนั้น มีกำหนดกฎเกณฑ์ไว้ในรัฐธรรมนูญ แล้วก็เหนือสิ่งอื่นใดก็คือว่า จะไปจะมาจะต้องมองประโยชน์ของชาติและของประชาชนเป็นหลักสำคัญ อันนี้คือจุดยืนที่รัฐบาลทั้ง 6 พรรค ได้ปรึกษาหารือกันแล้วก็คิดว่าอันนี้เป็นแนวทางที่เราจะดำเนินการร่วมกัน และมาแถลงพร้อมกันในวันนี้
ถาม-ตอบ
ถาม- การที่ผู้นำเหล่าทัพออกมากดดันรัฐบาล ...
สมชาย- จะปิด จะเปิด ก็เป็นเรื่องที่ผมกับข้าราชการจะคุยกัน แต่ว่าผมก็เคยแถลงไปหลายครั้งว่าเราเป็นรัฐบาลที่มาจากประชาชนนั้น เรารับฟังความเห็น ข้อเสนอแนะ ข้อคิดเห็นของทุกๆ ฝ่ายอยู่แล้ว
ถาม-
สมชาย- ก็เรียนแล้วว่าเป็นความเห็น เราก็เป็นรัฐบาลที่ฟังความเห็น แต่ว่าสิ่งใดจะตัดสินใจอย่างไรนั้น ก็ขึ้นอยู่กับผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน ที่ผมได้เรียนแล้ว
ถาม-
สมชาย- ก็เรียนแล้วว่าเป็นความเห็น แต่ผมว่างานก็ต้องทำกันต่อไป งานต้องทำต่อไป
ถาม-
สมชาย- ก็ต้องรอดูนิดหนึ่ง ผมคิดว่าทุกๆ คน อย่างท่านที่เป็นข้าราชการ ท่านก็มีระบบ ระเบียบในการทำงานอยู่ เป็นขั้นตอนอยู่
ถาม- วันที่ 6 ที่มีการประชุมกัน ไม่ทราบว่าใครเป็นคนสั่งสลายการชุมนุม
สมชาย- เมื่อกี้ผมแถลงไปชัดแล้วนะ
ถาม- พอจะเปิดเผยรายละเอียดได้มั้ย
สมชาย- นี่ไง เปิดเผยแล้ว เมื่อกี้ก็เปิดเผยไปหมดแล้วว่า
ถาม- ท่านเป็นคนสั่งเองหรือเปล่า หรือว่า พล.อ.ชวลิต เป็นคนสั่งการ
สมชาย- อย่าถามอย่างนั้นนะครับ มันไม่มีใครไปสั่ง ก็เมื่อกี้บอกแล้วว่า ที่แถลงไปทั้งหมดน่ะ น้องจดแล้วไปอ่านทบทวนอีกครั้งหนึ่งนะ
ถาม- ท่านนายกฯ ครับ รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของท่านจะอยู่ยังไง ถ้ากองทัพไม่ให้การสนับสนุน
สมชาย- ยังไม่มีใครบอกว่าไม่สนับสนุนนะ
ถาม- ที่ท่านอนุพงษ์บอกว่าถ้าเป็นนายกฯ หากเกิดเหตุการณ์อย่าง 7 ตุลาฯ ท่านจะลาออก
สมชาย- ก็ผมเรียนแล้วว่าเป็นความเห็น
ถาม- อย่างนี้ถือว่ารัฐบาลกับกองทัพเดินขนานกันหรือเปล่า
สมชาย- ไม่ขนาน
ถาม- จะมีการเปลี่ยนตัว ผบ.ทบ.มั้ย
สมชาย- ไม่มีเรื่องอย่างนั้นหรอกครับ เรื่องที่ผมชี้แจงนี่คือเรื่องการทำงาน ไม่มีใครไปเปลี่ยนใครทั้งนั้น
ถาม- แสดงว่า ณ ตอนนี้ท่านนายกฯ ยังไม่ยุบสภา และไม่ลาออก
สมชาย- ก็ต้องฟังตามที่ผมแถลงไปแล้วนะ
ถาม-
สมชาย- เรื่องคุยกับท่านผู้บัญชาการเหล่าทัพ จะคุยในฐานะการทำงาน เมื่อมีงานที่เหมาะสมจะต้องคุยกันเมื่อไร ก็คุยกัน
ถาม-
สนั่น- ท่านนายกฯ ได้แถลงแล้วนะครับว่า ท่านตั้งกรรมการขึ้นสอบสวนแล้ว เพราะฉะนั้นก็รอฟังผลของกรรมการตัดสินว่า มีใครผิดใครถูกอย่างไร ท่านก็เรียนให้ทราบแล้วว่า ท่านจะรับผิดชอบในคำสั่งที่ตัดสิน เพราะฉะนั้นระหว่างนี้ ท่านก็เรียนไว้แล้วว่า อีกประมาณ 15 วัน คงจะรู้ผล
ถาม-
สนั่น- คำว่ารับผิดชอบมันกว้างทั้งหมดแหละ การเป็นรัฐบาลมันก็รับผิดชอบทั้งประเทศ มาบอกว่ารับผิดชอบแบบไหนก็ตอบไม่ถูก
ถาม-
สนั่น- ผมว่ารอกรรมการสอบสวนดีกว่าครับ คณะกรรมการสอบสวนออกมาแล้ว เราจะทราบว่าเหตุที่เกิดขึ้นมันเกิดขึ้นอย่างไร
ถาม-
สนั่น- มติต้องเรียนว่าไม่เคยให้ใช้ความรุนแรงนะครับ เพียงแต่ว่า เราจะไปประชุมตอนเช้าให้ได้เท่านั้นเอง เพราะถ้าไม่ไป
ถาม-
สนั่น- ประชุมก็ต้องผลัดไปอีก 1 วัน เพราะจะครบ 15 วัน
ถาม-
สมชาย - คือการทำงานในราชการมันเป็นระบบ มีกฎหมาย มีกติกาอยู่นะครับ ผมเคยเป็นทั้งข้าราชการประจำ และเป็นข้าราชการการเมือง ทุกคนที่เข้ามาอยู่ในรัฐบาลต้องทำงานร่วมกับข้าราชการ
ถาม-
สมชาย- คือถามยังไม่เข้าใจ คุณเป็นคนพูดเองนะ ไม่มีใครมาไล่รัฐบาลนะ ไม่เข้าใจคำว่า ปฏิวัติหน้าจอ เมื่อกี้ได้ตอบไปชัดเจนแล้วนะครับว่า การที่ใครจะพูดอะไร เป็นเรื่องของ ถ้าใครมีความเห็นอย่างไร รัฐบาลก็รับฟังและมาพิเคราะห์พิจารณา
ทั้งนี้ ผมคิดว่าการแถลงคราวนี้ เป็นเรื่องการแถลงต่อพี่น้องประชาชนและสื่อมวลชนตามปกติ ซึ่งผมคิดว่าถ้ามีเรื่องราวต่างๆ เกิดขึ้น และเป็นที่สนใจอยากรู้ความเคลื่อนไหว ความเป็นไปเป็นมาของการทำงานในภาครัฐบาลนั้น รัฐบาลควรจะแสดงให้พี่น้องประชาชนทราบ ทั้งนี้ เพราะว่ารัฐบาลชุดนี้ เป็นรัฐบาลที่เราเรียกได้เต็มปากเต็มคำว่า เป็นรัฐบาลที่มาในระบอบประชาธิปไตย มาจากการเลือกตั้งของพี่น้องประชาชนทั้งประเทศ เพราะฉะนั้นการทำสิ่งใดก็ควรรายงานให้พี่น้องประชาชนทั้งประเทศได้รับทราบ เพราะว่า เรามีความรับผิดชอบต่อบุคคลที่ส่งให้เราขึ้นมาเป็นผู้บริหารบ้านเมือง เพราะงั้นเป็นเรื่องปกติที่จะต้องมาพูดคุยกัน เป็นครั้งเป็นคราว
จากที่มีข่าวหลายเรื่องหลายราววันนี้ ผมอยากจะเรียนว่า การทำงานของรัฐบาลนั้น จุดมุ่งหมายเมื่อขึ้นมาแล้ว ไม่ได้มีเป้าประสงค์ว่า จะทำงานเฉพาะด้านการเมือง สิ่งที่สำคัญที่สุดที่เรากังวล คือการที่เราต้องดูแลพี่น้องประชาชน ทุกคนทุกภาคส่วนด้วยเสมอภาคกันทั้งประเทศ นโยบายของเราที่ได้แถลงไปนั้นคงจะเป็นที่ทราบว่ามีหลายอย่าง ทั้งนี้ ครอบคลุมถึงการทำมาหากินของพี่น้องประชาชนทุกคน ไม่ว่าจะอยู่ในชนบท อยู่ในเมือง หรือในเมืองหลวง ความสะดวก การอำนวยความสะดวก เช่น ตั้งแต่เรื่อง
น้ำ เรื่องไร่นา เรื่องราคาสินค้า จนกระทั่งมาถึงเรื่องถนนหนทาง เรื่องรถไฟฟ้าใต้ดิน บนดิน ก็แล้วแต่ ซึ่งครอบคลุมทุกภาคส่วน เพราะฉะนั้นผมคิดว่า อันนี้เป็นนโยบายที่ประกาศไว้ชัดเจน อยากจะพูดถึงเรื่องที่เราให้ความสนใจกันมากมายอีกเรื่องหนึ่งก็คือ ปัญหาเหตุที่เกิดการที่เป็นข่าวเป็นคราวกันที่ได้รับความสนใจกันจนถึงทุกวันนี้ ก็คือเหตุที่เกิดขึ้นจากการที่แถลงนโยบายของรัฐบาลว่า ตกลงเป็นอย่างไรกันแน่ ผมอยากจะเรียนอย่างนี้นะครับว่า เมื่อรัฐบาลได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งแล้ว ก็หลังจากถวายสัตย์ปฏิญาณแล้ว เป็นกฎข้อบังคับของกฎหมายรัฐธรรมนูญ ที่จะต้องแถลงนโยบายต่อรัฐสภาภายใน 15 วัน หลังจากถวายสัตย์ปฏิญาณ เพราะฉะนั้นท่านประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งทำหน้าที่ประธานรัฐสภาก็ได้เป็นผู้กำหนดนัดวันประชุม ผมเรียนให้ฟังว่าในกำหนดนัดวันที่ 7 นั้น ก็เป็นการนัดของท่านประธาน ในวันที่ 6 กลางคืนผมก็ได้รับข่าวว่ามีกลุ่มบุคคลที่จะไปปิดการเข้าไปในสภาฯ มีการใช้โซ่ไปร้อยประตู ใช้กุญแจไปล็อก และมีมวลชนเข้าไปปิดกั้นทาง ซึ่งผมก็แสดงความกังวลว่าถ้าเช่นนั้นจะดำเนินการอย่างไร
ในคืนนั้นผมเชิญคณะรัฐมนตรีทั้งคณะมาประชุมเป็นการเร่งด่วนฉุกเฉิน เรียกตรงนี้ว่าฉุกเฉิน เพราะเรียกประชุมท่านตอน 5 ทุ่ม ผมเกรงใจท่านอยู่มาก แต่ว่าภารกิจอย่างนั้น ผมคิดว่า ผมไม่อาจตัดสินใจและทำอะไรได้คนเดียว ก็เชิญท่านมาทั้งหมด
ในการประชุมคราวนั้น ผมได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า ได้ทราบว่ามีข่าว ได้ทราบจากข่าวว่าจะมีการดำเนินการอย่างที่บอกเนี้ยะ มีคนไปปิดไม่ให้เข้าประชุม ที่ประชุมก็ให้ความเห็นกันหลากหลาย หลายท่านบอกว่า เราน่าจะย้ายที่ประชุมซะ ประชุมที่อื่นได้ไหม ซึ่งจริงๆ ผมเห็นว่า ถ้าทำเช่นนั้นได้เป็นการดี เพราะจะต้องไม่ไปรบรากัน แต่เราไม่ได้เจตนาจะรบรากับใคร แต่มีเสียงส่วนหนึ่ง ซึ่งมีเหตุมีผลว่า การประชุมนั้น นัดโดยท่านประธานรัฐสภา เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเองได้ ต้องฟังท่านประธานว่า ท่านจะดำเนินการอย่างไร ถ้าประชุมไม่ได้ สุดท้ายก็ ได้สรุปในที่ประชุมว่า ถ้าเช่นนั้นเราต้องไปสภาตามนัด และจะดูว่า สามารถเข้าไปแถลงนโยบายได้หรือไม่ ถ้าเข้าไปไม่ได้หรือแถลงไม่ได้ ก็รอฟังท่านประธานว่า ท่านจะมีการเลื่อนไป หรือจะนัดหมายอย่างไร หรือจะย้ายที่อะไรก็แล้วแต่
อันนี้คือการปฏิบัติตามคำสั่งของท่านประธาน และในคืนนั้น เมื่อสรุปเช่นนั้นแล้ว ทาง ครม.ก็ได้มอบหมายให้ ท่านพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ซึ่งท่านเป็นรองนายกฯ ขณะนั้น เป็นผู้ซึ่งท่านก็รับภาระที่จะเป็นผู้ประสานงานดูแลส่วนที่มีการไปปิดล้อมสภาฯ อยู่ ซึ่งอันนี้เป็นสิ่งที่เล่าให้ฟังว่า การประชุม ครม.คืนนั้นก็จบลงตรงนี้ แต่เมื่อวันรุ่งขึ้นเกิดเหตุการณ์อย่างที่ทราบข่าวไปแล้ว ไม่ต้องไปทบทวนซ้ำ ผมคิดว่าสิ่งนี้หลายท่านไม่ทราบข้อเท็จจริงว่าตกลงว่าจะอย่างไรกันแน่ เหตุเกิดขึ้นได้อย่างไร ใครทำอะไรใครบ้าง ใครต้องรับผิด ไม่รับผิดตรงไหน ผมก็ได้ตั้งกรรมการขึ้น กรรมการที่ตั้งนั้นจริงๆ ที่ผมเป็นผู้เซ็นตั้งโดย ครม.นั้น เป็นการดำเนินการเพื่อให้ความสะดวกกับท่าน เช่น ต้องมีการใช้จ่ายงบประมาณ ต้องมีการบอกว่าท่านสามารถจะเรียกเอกสารจากบุคคลใดก็ได้ สอบสวนบุคคลใดก็ได้ อะไรอย่างนี้ อันนี้เป็นความจำเป็นที่ภาครัฐจะต้องอำนวยความสะดวกให้ แต่ตัวท่านประธานก็ดี กรรมการก็ดี เราไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยว เป็นเรื่องของความเป็นอิสระของท่าน เพราะฉะนั้นเมื่อตั้งขึ้นแล้ว ก็ถือว่าเป็นอำนาจหน้าที่ของท่านที่ต้องดำเนินการ อยากจะเรียนว่าคณะกรรมการดังกล่าวก็เป็นบุคคลซึ่งเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ ที่ได้รับความไว้วางใจที่จากประชาชนโดยทั่วไป เรื่องการสอบสวนเป็นหน้าที่ของท่าน แต่ผมได้เคยกราบเรียนกับท่านกรรมการว่าเราต้องการทำอยกาจะให้ผลปรากฏออกมาโดยเร็ว ซึ่งเท่าที่สนทนากันนั้น ก็คาดหมายว่า ภายใน 15 วัน น่าจะทราบผล และรายงานมาได้
ผมอยากจะกราบเรียนต่อพ่อแม่พี่น้องประชาชนว่า เมื่อเป็นเรื่องของกรรมการอิสระแล้ว ท่านย่อมมีสิทธิ์ที่จะดำเนินการไปตามอำนาจหน้าที่ และข้อวินิจฉัยของท่าน ผลจะออกมาประการใด รัฐบาลจะยอมรับตามผลที่ออกมานั้น ถ้ามีส่วนใดที่ใครต้องรับผิดชอบ เราต้องยอมรับไปตามนั้น ก็ขอเรียนให้ทราบว่านี่คือเจตนาที่แท้จริง ไม่มีความประสงค์ที่จะมีความรู้สึดที่หลีกเลี่ยง หรืออะไรทั้งสิ้น เพราะว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้น ไม่ใช่เป็นสิ่งที่เราอยากจะให้เกิดขึ้น และต้องไปดูว่ามีเหตุมีผลอย่างไร แต่ถ้ามีเหตุมีผลก็ต้องคอยฟังท่าน ในส่วนนี้ก็เป็นอย่างนี้
ในการทำงานนั้น รัฐบาลมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ไม่สามารถจะละทิ้งหน้าที่ได้ งานมีมากมายที่ผมได้เรียนไปแล้ว การดูแลทุกข์ของพี่น้องประชาชน เรามีงานใหญ่ๆอยู่ข้างหน้าอีก 3 งาน ผมได้เคยเรียนให้ทราบไปหลายครั้ง งานเหล่านั้นเป็นงานที่รัฐบาลต้องรับผิดชอบร่วมกับพ่อแม่พี่น้องประชาชน ผมจึงอยากจะกราบเรียนอีกครั้งหนึ่งว่า งาน 3 งานนั้น ผมอยากจะขอเรียนเชิญทุกๆท่านได้ร่วมกับรัฐบาลในการที่จะดำเนินการให้ลุล่วงไปได้ด้วยดี ก็คืองานแรก ที่เราจะมีขึ้นเป็นพระราชพิธี ในวันที่ 14 - 19 เดือนพฤศจิกายนนี้ อันนั้นคืองานพระราชพิธีถวายเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ซึ่งเป็นที่รักของปวงชนชาวไทย รัฐบาลได้ดำเนินการเตรียมงานนี้มาเป็นระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งได้ให้ข่าวไปเป็นระยะแล้ว ขณะนี้ก็ทุกอย่างทีเตรียมค่อนข้างที่จะพร้อม 100 เปอร์เซ็นต์ จะมีพิธียกฉัตรที่พระเมรุ โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ จะเสด็จพระราชดำเนินทรงเป็นประธานในการยกฉัตร วันที่ 20 เดือนนี้ เพราะฉะนั้นอยากจะขอเชิญชวนทุกท่านว่า ได้ร่วมมือร่วมใจกัน รัฐบาลเองก็จะทุ่มเทเพื่อทำงานนี้อย่างสมพระเกียรติ
งานที่ 2 ก็คือ งานเฉลิมพระชนมพรรษาที่ได้เคยเรียนไปแล้วว่า ทุกๆปีพี่น้องประชาชนก็จะรอคอยเพื่อจะได้ถวายพระพร และจะได้แสดงออกซึ่งความจงรักภักดีที่เรามีอยู่ทุกคน ที่เปี่ยมล้นในหัวใจของทุกๆ คนอยู่แล้ว เพราะงั้นก็เป็นสิ่งเราจะต้องมาเฉลิมฉลองในโอกาสที่เป็นมงคลนั้นๆ ก็อยากจะให้ทุกอย่างที่ดำเนินการไปเป็นไปโดยเรียบร้อย ดังที่เคยเรียนไปแล้วว่า งานที่เป็นศูนย์รวมดวงใจของคนไทยเหล่านี้ ผมอยากจะให้เราหยุดการวิวาทบาดหมาง ทะเลาะเบาะแว้งกันไว้ มาร่วมมือร่วมใจกันในการที่ถวายพระเกียรติ และดำเนินการเพื่อให้สมพระเกียรติในครั้งนี้ด้วย อันนี้ก็ขอเรียนย้ำอีกครั้งหนึ่ง
ถัดไปก็เป็นงานที่ต้องแสดงถึงความพร้อมและความมีเอกภาพ ความมีศักยภาพของประเทศไทยที่จะต้องไปอวดต่อสายตาชาวโลก ก็คืองานประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน บวกกับประเทศคู่เจรจาอีก 6 ประเทศ อันนี้เป็นเรื่องสำคัญ ท่านอาจจะคิดว่าเป็นเรื่องในอาเซียน แต่ทั่วโลกก็จับตามอง เพราะอาเซียนแถบนี้ก็เป็นตลาดใหญ่ เป็นแหล่งลงทุนแหล่งใหม่ และก็เป็นประเทศซึ่งกำลังพัฒนา บางประเทศประเทศคู่เจรจาก็เป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว งานนี้เป็นงานที่เป็นหน้าตารัฐบาล ผู้นำทุกประเทศที่มาในคราวนี้จะมีโอกาสได้เข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ซึ่งขณะนี้ได้นำเรื่องกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ อยู่ระหว่างรอหมายกำหนดการ อันนี้ก็สุดแล้วแต่จะโปรดประการใด
แต่ว่าอันนี้เป็นเรื่องที่เราต้องช่วยกันรักษาหน้าตาของเรา และงานนี้จะมีนักท่องเที่ยว มีคนเข้ามาใช้บริการ มีอะไรต่ออะไรมากมายมหาศาล เพราะฉะนั้นก็อยากให้เรามาร่วมมือกันเช่นเดียวกัน เพื่อจัดงานทั้งหมดนี้ให้ลุล่วงไปได้ด้วยดี เชิดหน้าชูตาประเทศของเรา ดีกว่าที่เขาจะไปนินทาว่าเรามัวแต่ทะเลาะกัน และไม่รักษาเกียรติภูมิของชาติเอาไว้เลย
ก็อยากจะเรียนอย่างนี้ว่า สิ่งที่เป็นเรื่องของการบ้านการเมืองทั้งหลาย ผมเองก็ไม่อยากจะไปเน้นตรงนั้น แต่บางครั้งบางคราวเราก็พูดกัน อย่างเช่นการปฏิรูปการเมืองจะทำอย่างไร อันนี้รัฐบาลเองก็เคยพูดไว้แล้วว่า เราสนับสนุนแนวทางที่จะจัดตั้ง ส.ส.ร. หรือสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญขึ้น ไม่ได้หมายความว่ารัฐบาลจะต้องอยู่เพื่อทำงานนั้น แต่สิ่งนั้นรัฐบาลก็มองเห็นว่าเป็นทางออก
ท่านประธานสภาผู้แทนราษฎรเอง ท่านได้เชิญท่านประธานวุฒิสภา และผู้นำ แกนนำพรรคการเมืองทุกพรรค เข้าไปประชุมและร่วมหารือกัน ซึ่งทุกฝ่ายก็เห็นตรงกันอย่างนั้น ผมก็คิดว่าเป็นนิมิตหมายที่ดีที่เราจะเอาสิ่งนั้นมาเป็นทางออกที่ดีให้พี่น้องประชาชนมีส่วนร่วมกันในการพัฒนาการเมืองของเขา ซึ่งก็ออกมาแล้ว สำเร็จเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว มีการปรับปรุงแก้ไขเรียบร้อย รัฐบาลก็พร้อมที่จะคืนอำนาจให้กับประชาชน ก็เป็นสิ่งที่คิดว่าเป็นเรื่องเป็นความชอบธรรม
ผมคิดว่ารัฐบาลเองก็มีความรู้สึกที่บางครั้งบางคราวก็ไม่สบายใจในการที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์อะไรต่ออะไร แต่ก็จะทำงานด้วยความเข้มแข็งและอดทน ทั้งนี้ เพราะว่าระบอบประชาธิปไตยนั้นมีที่มาที่ไป การมาการไปของรัฐบาลนั้น มีกำหนดกฎเกณฑ์ไว้ในรัฐธรรมนูญ แล้วก็เหนือสิ่งอื่นใดก็คือว่า จะไปจะมาจะต้องมองประโยชน์ของชาติและของประชาชนเป็นหลักสำคัญ อันนี้คือจุดยืนที่รัฐบาลทั้ง 6 พรรค ได้ปรึกษาหารือกันแล้วก็คิดว่าอันนี้เป็นแนวทางที่เราจะดำเนินการร่วมกัน และมาแถลงพร้อมกันในวันนี้
ถาม-ตอบ
ถาม- การที่ผู้นำเหล่าทัพออกมากดดันรัฐบาล ...
สมชาย- จะปิด จะเปิด ก็เป็นเรื่องที่ผมกับข้าราชการจะคุยกัน แต่ว่าผมก็เคยแถลงไปหลายครั้งว่าเราเป็นรัฐบาลที่มาจากประชาชนนั้น เรารับฟังความเห็น ข้อเสนอแนะ ข้อคิดเห็นของทุกๆ ฝ่ายอยู่แล้ว
ถาม-
สมชาย- ก็เรียนแล้วว่าเป็นความเห็น เราก็เป็นรัฐบาลที่ฟังความเห็น แต่ว่าสิ่งใดจะตัดสินใจอย่างไรนั้น ก็ขึ้นอยู่กับผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน ที่ผมได้เรียนแล้ว
ถาม-
สมชาย- ก็เรียนแล้วว่าเป็นความเห็น แต่ผมว่างานก็ต้องทำกันต่อไป งานต้องทำต่อไป
ถาม-
สมชาย- ก็ต้องรอดูนิดหนึ่ง ผมคิดว่าทุกๆ คน อย่างท่านที่เป็นข้าราชการ ท่านก็มีระบบ ระเบียบในการทำงานอยู่ เป็นขั้นตอนอยู่
ถาม- วันที่ 6 ที่มีการประชุมกัน ไม่ทราบว่าใครเป็นคนสั่งสลายการชุมนุม
สมชาย- เมื่อกี้ผมแถลงไปชัดแล้วนะ
ถาม- พอจะเปิดเผยรายละเอียดได้มั้ย
สมชาย- นี่ไง เปิดเผยแล้ว เมื่อกี้ก็เปิดเผยไปหมดแล้วว่า
ถาม- ท่านเป็นคนสั่งเองหรือเปล่า หรือว่า พล.อ.ชวลิต เป็นคนสั่งการ
สมชาย- อย่าถามอย่างนั้นนะครับ มันไม่มีใครไปสั่ง ก็เมื่อกี้บอกแล้วว่า ที่แถลงไปทั้งหมดน่ะ น้องจดแล้วไปอ่านทบทวนอีกครั้งหนึ่งนะ
ถาม- ท่านนายกฯ ครับ รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของท่านจะอยู่ยังไง ถ้ากองทัพไม่ให้การสนับสนุน
สมชาย- ยังไม่มีใครบอกว่าไม่สนับสนุนนะ
ถาม- ที่ท่านอนุพงษ์บอกว่าถ้าเป็นนายกฯ หากเกิดเหตุการณ์อย่าง 7 ตุลาฯ ท่านจะลาออก
สมชาย- ก็ผมเรียนแล้วว่าเป็นความเห็น
ถาม- อย่างนี้ถือว่ารัฐบาลกับกองทัพเดินขนานกันหรือเปล่า
สมชาย- ไม่ขนาน
ถาม- จะมีการเปลี่ยนตัว ผบ.ทบ.มั้ย
สมชาย- ไม่มีเรื่องอย่างนั้นหรอกครับ เรื่องที่ผมชี้แจงนี่คือเรื่องการทำงาน ไม่มีใครไปเปลี่ยนใครทั้งนั้น
ถาม- แสดงว่า ณ ตอนนี้ท่านนายกฯ ยังไม่ยุบสภา และไม่ลาออก
สมชาย- ก็ต้องฟังตามที่ผมแถลงไปแล้วนะ
ถาม-
สมชาย- เรื่องคุยกับท่านผู้บัญชาการเหล่าทัพ จะคุยในฐานะการทำงาน เมื่อมีงานที่เหมาะสมจะต้องคุยกันเมื่อไร ก็คุยกัน
ถาม-
สนั่น- ท่านนายกฯ ได้แถลงแล้วนะครับว่า ท่านตั้งกรรมการขึ้นสอบสวนแล้ว เพราะฉะนั้นก็รอฟังผลของกรรมการตัดสินว่า มีใครผิดใครถูกอย่างไร ท่านก็เรียนให้ทราบแล้วว่า ท่านจะรับผิดชอบในคำสั่งที่ตัดสิน เพราะฉะนั้นระหว่างนี้ ท่านก็เรียนไว้แล้วว่า อีกประมาณ 15 วัน คงจะรู้ผล
ถาม-
สนั่น- คำว่ารับผิดชอบมันกว้างทั้งหมดแหละ การเป็นรัฐบาลมันก็รับผิดชอบทั้งประเทศ มาบอกว่ารับผิดชอบแบบไหนก็ตอบไม่ถูก
ถาม-
สนั่น- ผมว่ารอกรรมการสอบสวนดีกว่าครับ คณะกรรมการสอบสวนออกมาแล้ว เราจะทราบว่าเหตุที่เกิดขึ้นมันเกิดขึ้นอย่างไร
ถาม-
สนั่น- มติต้องเรียนว่าไม่เคยให้ใช้ความรุนแรงนะครับ เพียงแต่ว่า เราจะไปประชุมตอนเช้าให้ได้เท่านั้นเอง เพราะถ้าไม่ไป
ถาม-
สนั่น- ประชุมก็ต้องผลัดไปอีก 1 วัน เพราะจะครบ 15 วัน
ถาม-
สมชาย - คือการทำงานในราชการมันเป็นระบบ มีกฎหมาย มีกติกาอยู่นะครับ ผมเคยเป็นทั้งข้าราชการประจำ และเป็นข้าราชการการเมือง ทุกคนที่เข้ามาอยู่ในรัฐบาลต้องทำงานร่วมกับข้าราชการ
ถาม-
สมชาย- คือถามยังไม่เข้าใจ คุณเป็นคนพูดเองนะ ไม่มีใครมาไล่รัฐบาลนะ ไม่เข้าใจคำว่า ปฏิวัติหน้าจอ เมื่อกี้ได้ตอบไปชัดเจนแล้วนะครับว่า การที่ใครจะพูดอะไร เป็นเรื่องของ ถ้าใครมีความเห็นอย่างไร รัฐบาลก็รับฟังและมาพิเคราะห์พิจารณา