“เทพเทือก” ไม่หนักใจ “ไข่แม้ว” ยื่น ป.ป.ช. โจมตี SMS ยันไร้นายทุนครอบงำ ด้าน “เสธ.หนั่น” เมิน “เสนาะ” ใส่ไข่เรียก “ครม.ไฮแจ็ก” ตอกกลับให้ย้อนไปอดีตก่อนพูด พร้อมขอแรง “เพื่อนเนวิน” กล่อม “เสื้อแดง” ยุติก่อเหตุวุ่นวาย ขณะที่ “วีระชัย” โต้ลั่นยันไม่เคยบริจาค 80 ล.ให้ ปชป. พร้อมเคลียร์ใจ “นิพิฏฐ์”
วานนี้ (22 ธ.ค.) นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการแบ่งงานตำแหน่งรองนายกฯ ว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะให้ดูแลงานด้านใดบ้าง ส่วนกระแสข่าวที่ว่าจะให้ตนไปดูแลกลุ่มคนเสื้อแดงนั้น คงต้องให้นายกฯ มอบหมายก่อน แล้วค่อยมาคุยกัน เมื่อถามว่าจะมาดูแลงานทางความมั่นคงหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ตนเข้ามาทำงานตรงนี้ อะไรที่นายกฯ มอบหมายก็จะทำ เพราะเราอยากให้นายกฯ เบาใจ สามารถบริหารราชการบ้านเมืองในเรื่องต่างๆ ได้สำเร็จ ฉะนั้นนายกฯ ใช้ให้เราทำอะไรก็ต้องทำ
เมื่อถามว่าจะต้องดูความมั่นคงภายในรัฐบาลด้วยหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวพร้อมกับหัวเราะว่า “ไม่มีปัญหาหรอกครับ เรื่องในรัฐบาลผมว่าไปได้” ส่วนกรณีที่นายสุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ยื่นเรื่องต่อ ป.ป.ช.ให้ตรวจสอบเรื่องเอสเอ็มเอส รวมทั้งจะไปยื่นเรื่องกรณีเงิน 80 ล้านบาท ต่ออัยการสูงสุดนั้น หนักใจหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่ได้หนักใจอะไร เพราะไม่ใช่เรื่องจริง ถ้า ป.ป.ช. และอัยการสูงสุดมาตรวจสอบ ตนก็จะแสดงหลักฐานข้อเท็จจริง เมื่อถามต่อว่าจะดำเนินการฟ้องกลับหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า คงไม่ดำเนินการอะไรกับนายสุรพงษ์มากมาย เพราะนายสุรพงษ์ไม่ค่อยมีราคาค่างวดอะไรอยู่แล้ว
“ผมขอกราบเรียนว่า พรรคประชาธิปัตย์อยู่มา 60 ปี แล้ว ต้องทำงานด้วยความโปร่งใส ชัดเจน เงินที่มีผู้บริจาคให้กับพรรค ทุกรายต้องลงบัญชีว่าใครเป็นผู้บริจาค ถ้าเป็นคนธรรมดาก็ต้องมีสำเนาบัตรประชาชน หากเป็นบริษัทห้างร้าน ก็ต้องมีทะเบียนผู้ถือหุ้นแนบอยู่ด้วย เราทำรายงานเสนอ กกต.หมด คนถึงได้ทราบว่าเรามีเงินบริจาคเท่าไหร่ ที่จริงเรื่องเงินมาจากการที่ผมจัดงานระดมทุน เพราะนึกว่าจะมีการเลือกตั้งทั่วไป จึงมีผู้แสดงความจำนงจะบริจาคเงินจำนวน 300 ล้านบาทเศษ ซึ่งเขาก็ทยอยบริจาคให้ แล้วแต่จิตศรัทธา โดยขณะนี้มีผู้บริจาคมา 100 กว่าล้านบาทแล้ว ที่เหลือก็ทยอยกันเข้ามา แต่ทุกรายที่บริจาค มีรายละเอียดชัดเจน ผมเรียนว่าไม่มีการซื้อขายตำแหน่งกันอย่างที่คนอื่นเอาไปพูดกัน และไม่ต้องกังวลใจว่าจะมีนายทุนมาครอบงำพรรค เพราะตอนพรรคเป็นของประชาชน ใครก็ครอบงำไม่ได้” นายสุเทพ กล่าว
เมื่อถามว่า หากตัวเลขที่ออกมาเป็นข้อมูลเดียวกับที่นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง กล่าวไว้ จะมีการเรียกมาร่วมหารือกันหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ยังไม่ได้เรียกหารือ เพราะยังทำงานอื่นอยู่ แต่เข้าใจว่าหัวหน้าพรรค และนายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรค คงได้พูดจากับนายนิพิฏฐ์ บ้างแล้ว แต่ไม่เป็นไร เดี๋ยวอีกหน่อยนายนิพิฏฐ์ก็คงได้ทราบข้อเท็จจริงเองว่า ไม่มีเงิน 80 ล้าน ตนยังไม่เข้าใจเรื่องเงิน 80 ล้านบาทว่ามาจากไหน ถ้าหากมีการสอบสวนเรื่องนี้จริง ก็จะได้โอกาสในการพิสูจน์
ด้าน พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความรู้สึกของตัวเองหลังสื่อบอกระบุเป็นคนหน้าเดิมว่า ตนรู้สึกเหมือนเดิม เพราะเป็นหน้าเก่า และปีนี้เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณมา 3 ครั้งแล้ว เมื่อถามว่า มั่นใจหรือไม่ว่ารัฐบาลใหม่จะยุติปัญหาต่างๆ ได้ พล.ต.สนั่น กล่าวว่า ยังเชื่อมือเรื่องการบริหาร แต่รัฐบาลต้องจัดการเรื่องบุคคลให้ได้เท่านั้นเอง เมื่อถามว่า มั่นใจในความเป็นเอกภาพของรัฐบาลแค่ไหน พล.ต.สนั่น กล่าวว่า ฝากนายกฯ ไว้แล้ว โดยได้ฝากให้จัดการกับบุคคลแต่ละพรรค หากสามารถที่จะดำเนินการได้ การบริหารประเทศก็จะราบรื่น
ส่วนกรณีที่นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช มองว่า ครม.นี้ เป็น ครม.ไฮแจ็ก พล.ต.สนั่น กล่าวว่า ตนก็เคยทำอย่างนี้ การโน้มน้าวให้คนมาร่วมได้ ถือว่าเก่งแล้ว เขาไม่เรียกว่าไฮแจ็ก นายเสนาะเป็นผู้อาวุโส ก็คงจะมีความคิดเห็นอะไร แต่ให้ท่านย้อนไปดูเมื่อก่อนในอดีต เมื่อถามถึงเรื่องที่มีข่าวการซื้อตัว ส.ส.กลางอากาศ พล.ต.สนั่น กล่าวว่า คืนนั้นมันเกิดหมู่บ้านไหนก็ไม่รู้ คืนหมาหอนไม่รู้เกิดขึ้นตรงไหน ไม่รู้หมู่บ้านใคร
เมื่อถามว่า มองกลุ่มคนเสื้อแดงอย่างไร เพราะวันที่ 28 ธ.ค.นี้ จะมีการนัดชุมนุมใหญ่ พล.ต.สนั่น กล่าวว่า กลุ่มเสื้อแดงก็ยังไม่มีอะไรที่เกิดความรุนแรงขึ้น มีครั้งเดียวที่ทุบรถของ ส.ส. ซึ่งตนยังคิดว่า เขาคงไม่ก่อความรุนแรง แต่ทั้งนี้รัฐบาลก็ต้องเตรียมการป้องกัน อย่าให้เกิดเหตุร้ายขึ้นมา เมื่อถามว่า จะให้ ส.ส.กลุ่มเพื่อนเนวิน ที่เคยอยู่กับกลุ่มเสื้อแดงมาช่วยคุยหรือไม่ พล.ต.สนั่น กล่าวว่า ก็ส่วนหนึ่ง เพราะเห็นหนังสือพิมพ์ลงข่าวว่ากลุ่มเสื้อแดงมาแสดงความยินดีที่ จ.นครราชสีมา ก็คงจะเป็นพวกเดียวกัน น่าจะช่วยกันระงับยับยั้งได้
ขณะที่ นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีลงนามในคำสั่งขณะเป็นรักษาการนายกฯ ขอตัว พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุววรณ กลับมาเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ว่า เนื่องจากนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกฯ ในขณะนั้น ได้ลงนามคำสั่งให้ พล.ต.อ.พัชรวาท ไปช่วยราชการที่สำนักนายกฯ เมื่อวันที่ 28 พ.ย. เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจ ตนจึงขอตัวกลับมา ซึ่งเมื่อดูตามกฎหมายแล้วไม่มีปัญหา เมื่อถามว่า ทำไมไม่รอให้รัฐบาลใหม่เป็นคนดำเนินการเอง นายชวรัตน์ กล่าวว่า รัฐบาลใหม่ต้องรอการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภาก่อน ถึงจะสั่งการได้
ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวเรื่องการได้รับการร้องขอจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม พี่ชายของ พล.ต.อ.พัชรวาท หรือไม่ นายชวรัตน์ กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกัน แต่เพราะท่านเสร็จราชการจากสำนักนายกรัฐมนตรีแล้ว ตนจึงส่งคืนมาให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวมทั้ง พล.ต.อ.พัชรวาท ก็ไม่มีความผิดอะไร
เมื่อถามถึงความเหมาะสม เนื่องจาก พล.ต.อ.พัชรวาท ถูกคณะกรรมการสิทธิมนุยชนแห่งชาติ ตั้งคณะกรรมการสอบสวนเหตุการณ์ 7 ต.ค. นายชวรัตน์ กล่าวว่า คนละเรื่องกัน เพราะกรณีดังกล่าว นายสมชาย ลงนามให้ พล.ต.อ.พัชรวาท ไปช่วยราชการ และเมื่อสำนักนายกฯ แจ้งมาว่า พล.ต.อ.พัชรวาท เสร็จสิ้นภารกิจแล้ว จึงได้ขอตัวกลับมา เมื่อถามถึง พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ ผบ.ตร. จะไปช่วยงานที่ใด นายชวรัตน์ กล่าวว่า ก็คงกลับไปเป็นจเรตำรวจเหมือนเดิม
ด้าน นายวีระชัย วีระเมธีกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ กล่าวถึงกรณีที่ถูกระบุว่าจ่ายเงิน 80 ล้านบาทให้พรรคประชาธิปัตย์ว่า ตนยืนยันว่าไม่เคยบริจาคเงิน 80 ล้านบาทให้กับพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าจะเป็นบนโต๊ะ หรือใต้โต๊ะ ตนคิดว่าทุกคนเมื่อถึงเวลาทำงาน ก็อยากจะได้รับคำชม ไม่มีใครอยากจะถูกตำหนิติเตียน แต่งานด้านการเมืองเกี่ยวข้องกับคนจำนวนมาก บางทีสิ่งที่เราทำ ตนก็เข้าใจ แต่บางทีสิ่งที่เราทำ คนก็ไม่เข้าใจ ซึ่งก็ต้องชี้แจง และอดทน
เมื่อถามว่า อยากให้ดูผลการทำงานก่อนที่จะมาวิจารณ์ใช่หรือไม่ นายวีระชัย กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ใช่แต่เฉพาะตน แต่คงเป็นรัฐบาลทั้งชุด เมื่อถามต่อว่าเป็นไปได้หรือไม่ ที่มีกระบวนการกลั่นแกล้งปล่อยข่าวเรื่องเงิน 80 ล้านบาท นายวีระชัย กล่าวว่า เป็นธรรมดาของการเมือง เรามายืนอยู่ตรงนี้ ก็ต้องทำใจ ต่อข้อถามที่ว่า มีจุดยืนในการทำงานทางการเมืองอย่างไร เพราะพรรคประชาธิปัตย์ และสังคมจับตาดูอยู่ นายวีระชัย กล่าวว่า ตนยินดีได้รับการตรวจสอบ และคิดว่าไม่ใช่ตนคนเดียว แต่คงเป็นรัฐมนตรีทุกคนที่ก้าวมาทำงาน ไม่ว่าจะสมัยใดก็ตาม ก็ต้องได้รับการตรวจสอบ ซึ่งตนก็ไม่ได้รับการยกเว้น
นายวีระชัย กล่าวต่อด้วยน้ำตาคลอเบ้าว่า “สิ่งที่เกิดขึ้นกับผมใน 2-3 วันที่ผ่านมา ถ้าไม่ได้เกิดขึ้นกับตัวท่านเอง ผมคิดว่าคงยากที่จะเข้าใจ เรื่องการทำงานในรัฐบาลที่ผ่านมา อยากจะขอให้สื่อหยุดคิดกันสักนิดถึงสภาพความเป็นจริงทางการเมืองของไทย การตั้งรัฐบาลทุกครั้งที่ผ่านมา หรือเกือบทุกครั้ง จะเป็นลักษณะรัฐบาลผสม บางครั้งพรรคนี้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล บางครั้งก็เป็นอีกพรรคมาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และผู้ที่เข้ามาร่วมกับรัฐบาลส่วนใหญ่ จะเคยทำงานกับรัฐบาลทั้ง 2 ข้างมาก่อน ซึ่ง ครม.ชุดนี้ก็ไม่ได้เป็นข้อยกเว้น หลายท่านจำนวนไม่น้อย เคยทำงานในรัฐบาลอีกข้างหนึ่งมาก่อน” นายวีระชัย กล่าว
เมื่อถามว่า รู้สึกบั่นทอนกำลังใจในการทำงานหรือไม่ รมต.ประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า ตนไม่ท้อแท้ ตราบใดที่ตนยังได้รับความไว้วางใจจากนายกฯ อยู่ ก็จะตั้งใจทำงานเต็มที่ ไม่ถอดใจ อย่างไรก็ตาม ตนอยากขอโอกาสแสดงฝีมือสักระยะหนึ่ง ให้สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์เห็น ซึ่งตนเชื่อว่าสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์จะเข้าใจในวิธีการทำงานของตน เพราะความเป็นจริงแล้ว ตนอยู่ในการเมืองมานานพอสมควร ตั้งแต่ปี 2544 ก็รู้จักสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์หลายคน ส่วนสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ตนได้รับกำลังใจจากสมาชิกพรรคจำนวนมาก ซึ่งบางคนนั้นตนแทบจะไม่รู้จักเลย ก็ต้องกราบขอบคุณ
ต่อข้อถามที่ว่าจะไปพูดคุยกับนายนิพิฏฐ์หรือไม่ นายวีระชัย กล่าวว่า ตนยินดีพูดคุยกับนายนิพิฏฐ์ ทั้งนี้ ตนเป็น ส.ส.ครั้งแรกเมื่อปี 2544 ไม่สนิทสนมกับนายนิพิฏฐ์ แต่เคยรับฟังการอภิปรายของนายนิพิฏฐ์ในสภาฯ ซึ่งตนก็มีความชื่นชม และถ้าตนได้มีโอกาสพบนายนิพิฏฐ์จะเดินเข้าไปชี้แจงและทำความเข้าใจ ซึ่งไม่รู้สึกติดขัดอะไรเลยที่ได้มีโอกาสทำงานร่วมกับทุกคนที่มีความสามารถ โดยเฉพาะการอภิปรายในสภาฯ ของนายนิพิฏฐ์
เมื่อถามว่า การที่จะได้รับมอบหมายให้ดูแลเรื่องเศรษฐกิจ แล้วมีคณะทำงานที่ชัดเจนหรือไม่ นายวีระชัย กล่าวว่า ตอนที่ตนได้รับการชักชวนให้มาร่วมรัฐบาล พรรคประชาธิปัตย์ที่เป็นแกนนำ อยากให้ตนมาช่วยนายกฯ ในด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศ โดยเฉพาะดูแลประเทศจีนเป็นหลัก ซึ่งตนกำลังตั้งคณะทำงานอยู่ว่า ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะขอให้นายกฯ มอบหมายงานอย่างเป็นทางการก่อน แล้วจะเปิดเผยทีมงาน พร้อมทั้งชี้แจงวิธีการทำงานของตน
“ผมจะเป็นรัฐมนตรีประสานงานมากกว่า โดยดูแลด้านเศรษฐกิจ และด้านต่างประเทศ และผมเข้าใจว่า ที่ได้รับมอบหมายในลักษณะเช่นนี้ เพราะเกี่ยวข้องกับการทำงานของผมในอดีต ถ้าจะให้พูดถึงตัวเองว่าเก่ง หรือดีอย่างไร ก็อาจจะไม่ค่อยเหมาะสม แต่ผมเคยเป็นที่ปรึกษา รมว.ต่างประเทศ นอกจากนี้ ผมไม่ใช่คนใหม่สำหรับทำเนียบรัฐบาล เพราะการเข้ามาทำงานที่ทำเนียบรัฐบาลครั้งนี้ ถือเป็นครั้งที่ 3 แล้ว” นายวีระชัย ระบุ