ส.ส.เพื่อไทย ยื่น อสส.ตรวจสอบเงินบริจาค 80 ล้าน ส่งศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคประชาธิปัตย์ แนะ “นายกฯ มาร์ค” เปลี่ยนคำขวัญวันเด็กเป็น “ด้านได้ อายอด งดเกณฑ์ทหาร”
วันนี้ (23 ธ.ค.) เมื่อเวลา 13.00 น.ที่สำนักงานอัยการสูงสุด สนามหลวง นายสุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ และ นางนฤมล ธาดาธำรงค์ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย เข้ายื่นหนังสือคำร้องพร้อมเอกสารพยานหลักฐาน ต่อ นายชัยเกษม นิติสิริ อัยการสูงสุด (อสส.) ขอให้ตรวจสอบกระแสข่าวที่มีผู้บริจาคเงินจำนวน 80 ล้านบาท ให้พรรคประชาธิปัตย์ และส่งต่อให้กับศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์ ตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 ม.68 โดยมี นายถาวร พานิชพันธ์ รอง อสส.เป็นตัวแทนรับหนังสือ
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า เชื่อว่า ถ้าเรื่องเงินบริจาคนอกระบบจำนวน 80 ล้านบาท ไม่มีมูลความจริงแล้ว “หมาคงไม่ขี้” การที่ นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ ออกมาให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวถือเป็นเรื่องที่เชื่อถือได้ เพราะนายนิพิฏฐ์เป็นคนที่ตนเคารพยึดถือ เนื่องจากเป็นผู้ที่ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย เมื่อเห็นอะไรไม่ถูกต้องจึงออกมาทักท้วง ส่วนที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้สัมภาษณ์ว่าไม่พบหลักฐานการโอนเงินนั้น ตนไม่แปลกใจ เพราะหากโจรทำผิดมักจะไม่ทิ้งหลักฐานไว้ จึงต้องยื่นเรื่องต่อ อสส.ให้พิจารณาตรวจสอบ เพื่อส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย และคิดว่า พรรคประชาธิปัตย์มีสิทธิถูกยุบพรรค เรื่องนี้เชื่อว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และแก๊งออฟโฟร์ในพรรค รู้เรื่องดี จึงขอถามหาคุณธรรมจาก นายอภิสิทธิ์ ว่าจะดำเนินตรวจสอบและรับผิดชอบอย่างไร และขอเสนอให้นายอภิสิทธิ์เปลี่ยนคำขวัญวันเด็กในปี 2552 เสียใหม่เป็น “ด้านได้ อายอด งดเกณฑ์ทหาร” เพราะคำขวัญเดิมที่มอบให้เด็กนั้นมันสวยหรูและยากเกินไป
“ผมได้ขอเอกสิทธิ์จากพรรคเพื่อไทย ที่จะไม่เข้าร่วมประชุมสภาในการแถลงนโยบายของรัฐบาล เพราะรับไม่ได้ที่จะต้องสังฆกรรมกับรัฐบาลที่มาจากการปล้นประชาชน มีการซื้อเสียงในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี” นายสุรพงษ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่มีกระแสข่าววันที่ 25 ธ.ค.จะมีบุคคลสำคัญของอดีตพรรคไทยรักไทยเดินทางกลับประเทศใช่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หรือไม่ นายสุรพงษ์ กล่าวว่าเท่าที่ตนได้โทรศัพท์ไปปรึกษากับ พ.ต.ท.ทักษิณ เกี่ยวกับเรื่องทั่วไป เมื่อวันที่ 22 ธ.ค.ที่ผ่านมา ไม่มีการพูดถึงเรื่องเดินทางกลับมา ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ ได้กล่าวให้กำลังใจตนให้สู้ตามแนวทางประชาธิปไตยต่อไป โดยเชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ คงไม่เดินทางกลับมาเพราะกระบวนการยุติธรรมไทยยังไม่เป็นธรรม