แถลงการณ์ของ แอลพีจีเอ หรือ สมาพันธ์กอล์ฟอาชีพสตรีต่อสื่อมวลชนเมื่อสัปดาห์ก่อน กับกฎใหม่ที่บังคับให้โปรสตรีทุกรายในแอลพีจีเอทัวร์ต้องเป็นผู้ที่มีความรู้ภาษาอังกฤษในระดับที่สามารถสื่อสารได้ โดยจะทำการทดสอบภาษาอังกฤษนักกอล์ฟทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่โดยไม่มีการยกเว้นไม่ว่าพวกเธอเหล่านั้นจะเป็นโปรมือระดับต้นๆของวงการโดยกฎเหล็กภาษาอังกฤษเพื่อสิทธิ์เล่นกอล์ฟนั้นจะเริ่มต้นนับตั้งแต่ฤดูกาล 2009 เป็นต้นไป
ภายหลังการประกาศกฎข้อบังคับดังกล่าวได้ถูกสื่อตีแผ่ข่าวกระจายไปทั่วโลกเหล่าคอลัมนิสต์ ในแวดวงสวิง ร่วมไปถึงบรรดานักกอล์ฟไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย พากันตั้งข้อสังเกตว่ากฎดังกล่าวนั้นถูกตั้งขึ้นมาเพื่อกีดกันเหล่าสวิงสาวจากเอเชีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งโปรจากเกาหลีใต้ที่กำลังโชว์ฟอร์มจนแทบจะครองพื้นที่เกือบทั้งหมดของ แอลพีจีเอ ในเวลานี้หรือไม่
เริ่มจาก คอลัมนิสต์ ของ "ฟ็อกซ์สปอร์ต" มาร์ค ครีเจล ได้กล่าวถึงกฎดังกล่าวว่า "เป็นกฎที่ยากจะทำใจให้ยอมรับได้ ที่สำคัญโปรสตรีมีสิทธิให้ทนายฟ้องร้องต่อแอลพีจีเอ เพราะกฎข้อบังคับดังกล่าวนั้นขัดกับบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญแห่งสหรัฐอเมริกา แต่ก็ต้องพยายามเข้าใจว่าคนที่ตั้งกฎนี้ขึ้นมาก็เพื่อแสดงความตั้งใจอันดีที่อาจจะแฝงผลประโยชน์ที่เกี่ยวโยงกันกับบรรดาผู้ให้ความสนับสนุนการแข่งขัน”
ทั้งนี้ มาร์ค ครีเจล ได้กล่าวถึงความคิดเห็นของ “ฮิลารี่ย์ ลันเค” ประธานของสหพันธ์กอลฟ์หญิง หรือ แอลพีจีเอ ที่ตั้งกฎเหล็กดังกล่าวนี้ขึ้นมาว่า “การที่ผู้คว้าชัยชนะหรือนักกอล์ฟสตรีที่มีชื่อเสียงสามารถพูดภาษาอังกฤษได้ดี จะช่วยให้เหล่าสินค้าหรือผู้ให้สนับสนุนพอใจมากขึ้นไปด้วย" เป็นความคิดเห็นในทำนองเดียวกับ เคท ปีเตอร์ส ประธานจัดการแข่งขันรายการ สเตท ฟาร์ม คลาสสิก ที่ได้ให้สัมภาษณ์กับ “กอล์ฟ แมกกาซีน”มีใจความว่า
"ก่อนอื่นคงต้องทำความเข้าใจกับผู้ที่ได้สิทธิลงสนามในทัวร์นาเม้นท์แอลพีจีเอก่อนว่า นี่คือรายการกอล์ฟหญิงอาชีพที่มีลิขสิทธิ์อยู่ในสหรัฐอเมริกาดังนั้นผู้สนับสนุนรายการส่วนใหญ่ก็เป็นสินค้าในสหรัฐอเมริกา เมื่อพวกเขายินดีที่จะจ่ายเงินเพื่อสนับสนุนทัวร์นาเม้นท์ บรรดาเจ้าของผลิตภัณฑ์ก็ต้องการให้เหล่านักกอล์ฟสตรีที่ลงทำการแข่งขันสามารถโต้ตอบหรือพูดคุยถึงสินค้าของพวกเขาได้เป็นอย่างดีซึ่งนับเป็นการสร้างประสบการณ์ทางด้านบวกให้กับเหล่าสปอนเซอร์ทั้งหลาย”
นอกจากเรื่องเอาใจผู้สนับสนุนการแข่งขันแล้ว อีกประการที่เห็นจะหลีกเลี่ยงไม่ได้สำหรับการใช้กฎเรื่องภาษาอังกฤษคือ ความรู้สึกที่คนในวงการกอล์ฟสตรีเห็นว่านี่คืออีกหนึ่งความพยายามที่แอลพีจีเอ ต้องการจำกัดจำนวนนักกอล์ฟสตรีจากประเทศอื่น โดยปัจจุบันมีโปรหญิงอยู่ในทัวร์ฯ 120 รายซึ่งในจำนวนนี้มีสัญชาติคละกัน 26 ประเทศ และ 45 คนใน 120 คือโปรสาวจากเกาหลีใต้ ขณะที่ผลงานของพวกเธอก็มิใช่ย่อยเมื่อการแข่งขันจำนวน 25 รายการของฤดูกาลนี้มีโปรสาวชาวสหรัฐฯที่ได้ครองแชมป์อยู่เพียงสามราย นั่นก็คือ พอลล่า เครเมอร์, คริสตี้ เคอร์ และ เลต้า ลิดลี่ย์ ผู้ซึ่งเป็นลูกครึ่ง อเมริกัน - เวียดนาม
ทางด้านโปรหญิงหมายเลขหนึ่งของโลกชาวเม็กซิโก ลอเรน่า โอชัว ได้แสดงความคิดเห็นถึงกฎบังคับดังกล่าวผ่านทางสำนักข่าวเอพีว่า "กฎใหม่ของแอลพีจีเอทัวร์ที่ให้นักกอล์ฟหญิงต้องสามารถใช้ภาษาอังกฤษได้ดีถึงจะได้สิทธิลงทำการแข่งขันในฤดูกาล 2009 นั้นออกจะเป็นเรื่องที่บีบบังคับกันมากไปหน่อย”
โดยโอชัว กล่าวว่า ความสามารถของนักกอล์ฟนั้นน่าจะวัดกันที่ผลงานว่าเล่นได้ดีเพียงอย่างใด ดีกว่าจะมาวัดกันด้วยความสามารถด้านภาษาอังกฤษ ขณะเดียวกันเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าเธอรู้สึกบ้างไหมว่ากฎข้อดังกล่าวจะเป็นการจำกัดสิทธิ์นักกอล์ฟหญิงจากประเทศอื่นนอกสหรัฐอเมริกา ซึ่งโปรสาวหมายเลขหนึ่งของโลกตอบอย่างเป็นกลางว่า " นี่คือโลกแห่งความเป็นจริง เมื่อเราต้องลงทำการแข่งขัน ก็ต้องยอมรับในกฎที่ทางทัวร์นาเมนท์ตั้งขึ้น แม้ว่าฉันเองก็ไม่ได้รู้สึกดีนักที่ต้องใช้ภาษาอังกฤษตลอดเวลา แต่ก็คิดว่ากฎข้อนี้เป็นความเข้มงวดที่พอจะทำใจรับได้"
ส่วนเรื่องการจำกัดสิทธิ์นักกอล์ฟหญิงจากประเทศอื่นโดยเฉพาะอย่างยิ่งเกาหลีใต้ที่เวลานี้มีผู้ที่ได้รับสิทธิเล่นอยู่ในแอลพีจีเอทัวร์ถึง 45 รายนั้น โปรสาวหมายเลขหนึ่งของโลกชาวเม็กซิกันตอบว่า "สำหรับฉันแล้วคิดในทางกลับกันนะ เหล่าโปรชาวเกาหลีนั้น ทำผลงานได้ดีในสนามและที่สำคัญคือพวกเธอก็พยายามที่จะพูดคุยกับผู้เล่นรายอื่นโดยการใช้ภาษาอังกฤษ สำหรับฉันนี่คือเหตุผลที่ดีที่สุดที่น่าจะทำให้พวกเธอยังคงได้สิทธิในแอลพีจีเอต่อไป"
แม้จะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ออกมามากมาย แต่แอลพีจีเอ ดูจะยังคงมุ่งมั่นที่จะใช้กฎเหล็กภาษาอังกฤษอย่างเต็มที่ โดยความตั้งใจของคณะกรรมการบริหารทัวร์ฯนั้นตั้งความหวังไว้ว่าฤดูกาล 2009 พวกเขาจะได้เห็นสวิงสาวสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้เข้าใจมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นช่วงแข่งขัน ขึ้นรับถ้วยรางวัล และการให้สัมภาษณ์กับสื่อในห้องแถลงข่าว ซึ่งทั้งหมดนี้จะช่วยยกระดับทัวร์เพื่อให้เกิดภาพลักษณ์ทีดีขึ้นอย่างที่พวกเธอได้ให้สัมภาษณ์ไว้ หรือกฎดังกล่าวจะเป็นเครื่องมือสำคัญเพื่อทำหมันสวิงสาวจากเกาหลีใต้ แฟนกอล์ฟก็คงต้องคอยติดตามกันต่อไป