บิสซิเนส อ็อบเจ็กต์ประกาศรุกตลาดบีไอในกลุ่มเอสเอ็มอีของไทยเต็มที่ มั่นใจตลาดมีศักยภาพและโอกาสเปิดสูงถึง 85% โดยอาศัยแขนขาที่เป็นโลคัล พาร์ตเนอร์เป็นหัวหอกในการรุกตลาด
นายทอดด์ โรว์ รองประธานและผู้จัดการทั่วไป ดูแลตลาดขนาดกลางทั่วโลก บริษัท บิสซิเนส อ็อบเจ็กต์ ผู้พัฒนาโซลูชันระบบธุรกิจอัจฉริยะ (บีไอ) กล่าวว่า บริษัทได้เข้ามาทำตลาดในไทยประมาณ 5-6 ปี โดยการทำตลาดผ่านคู่ค้า และมีลูกค้าที่เป็นองค์กรขนาดใหญ่หลายราย ไม่ว่าจะเป็นธนาคารทหารไทย บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น หรือดีแทค ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย แต่นโยบายของบริษัทในรอบปีนี้คือต้องการโฟกัสตลาดองค์กรขนาดกลางและเล็ก หรือเอสเอ็มอี ที่มี่พนักงานต่ำกว่า 1,000 คน
โซลูชันบีไอจะช่วยให้ลูกค้าสามารถลดต้นทุน และมีศักยภาพในการแข่งขันในตลาดมากขึ้น เพราะบีไอสามารถวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อความสะดวกในการทำตลาด และสร้างผลิตภัณฑ์ให้ตรงใจลูกค้า เช่น ธุรกิจร้านอาหาร ภัตตาคาร โซลูชันนี้จะบอกได้ว่ามีลูกค้าเข้าร้านช่วงเวลาไหนมาก ลูกค้าส่วนใหญ่ชอบกินอะไร ซึ่งจะช่วยให้เจ้าของธุรกิจสต๊อกสินค้า และสร้างแพกเกจอาหารได้ตรงใจลูกค้า หรืออย่างธุรกิจผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ ก็จะสามารถรู้ได้ว่าช่วงนี้แต่ละค่ายจะออกรถยนต์รุ่นอะไร ลูกค้าชอบแบบไหน ก็สามารถสต๊อกสินค้าได้ตรงความต้องการของตลาด
“สิ่งที่เกิดขึ้นขณะนี้คือองค์กรใหญ่ๆ ที่มีงบประมาณการลงทุนมากๆ สามารถลงทุนสำหรับโซลูชันนี้ได้ แต่เอสเอ็มอีไม่สามารถหาซื้อได้ เราจึงพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อเข้ามาทำตลาดตรงนี้โดยตรง เพื่อให้กลุ่มเอสเอ็มอีสามารถเป็นเจ้าของโซลูชันบีไอได้”
ผู้บริหารบิสซิเนส อ็อบเจ็กต์ย้ำว่า ขณะนี้มีเพียงบิสซิเนส อ็อบเจ็กต์เท่านั้นที่เป็นผู้ออกแบบโซลูชันบีไอสำหรับเอสเอ็มอีในไทยโดยเฉพาะ โดยโซลูชันสำหรับลูกค้ากลุ่มนี้ จะแตกต่างจากองค์กรขนาดใหญ่คือ 1.ราคาที่ถูกลงจากสินค้าขององค์กรขนาดใหญ่ถึง 60% 2.คุณสมบัติการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบมาเฉพาะที่รวบรวมองค์ประกอบหลายๆ อย่างให้อยู่ในโซลูชันหนึ่งเดียว เพื่อให้การทำงานง่ายขึ้น นอกจากนี้ ก็ไม่ได้ดึงฟังก์ชันอะไรออก แต่กลับเพิ่มฟังก์ชันใหม่ๆ เข้าไป เพื่อให้คนที่ไม่เคยใช้บีไอสามารถใช้งานได้ง่าย ขณะเดียวกันก็มีการออกแบบโซลูชันรองรับการขยายธุรกิจในอนาคตด้วย
ส่วนการทำตลาดบิสซิเนส อ็อบเจ็กต์จะขายผ่านคู่ค้าในไทย 5 ราย ประกอบด้วย สหแสนสิริ เอ็มเฟค เมจิกซอฟท์แวร์ คอนเนอร์สโตน และซอฟท์ไอที รวมถึงการอาศัยฐานลูกค้าของเอสเอพี (ประเทศไทย) ที่ทำตลาดในส่วนนี้อยู่แล้วบันเดิลสินค้าไปด้วยกัน หลังจากที่เอสเอพีเข้าซื้อกิจการของบิสซิเนส อ็อบเจ็กต์ไปก่อนหน้านี้
“ขณะนี้ไทยมีแค่ 15% ที่ใช้บีไอ เราจึงมีโอกาสถึง 85% ที่จะนำเสนอโซลูชันนี้เข้าไปในตลาด และแนวโน้มของบีไอปัจจุบันเอสเอ็มอีโตมากกว่าเอนเตอร์ไพรซ์ทั่วทั้งเอเชียแปซิฟิกรวมถึงไทยด้วยกว่า 50%”
Company Related Links :
Businessobjects
นายทอดด์ โรว์ รองประธานและผู้จัดการทั่วไป ดูแลตลาดขนาดกลางทั่วโลก บริษัท บิสซิเนส อ็อบเจ็กต์ ผู้พัฒนาโซลูชันระบบธุรกิจอัจฉริยะ (บีไอ) กล่าวว่า บริษัทได้เข้ามาทำตลาดในไทยประมาณ 5-6 ปี โดยการทำตลาดผ่านคู่ค้า และมีลูกค้าที่เป็นองค์กรขนาดใหญ่หลายราย ไม่ว่าจะเป็นธนาคารทหารไทย บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น หรือดีแทค ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย แต่นโยบายของบริษัทในรอบปีนี้คือต้องการโฟกัสตลาดองค์กรขนาดกลางและเล็ก หรือเอสเอ็มอี ที่มี่พนักงานต่ำกว่า 1,000 คน
โซลูชันบีไอจะช่วยให้ลูกค้าสามารถลดต้นทุน และมีศักยภาพในการแข่งขันในตลาดมากขึ้น เพราะบีไอสามารถวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อความสะดวกในการทำตลาด และสร้างผลิตภัณฑ์ให้ตรงใจลูกค้า เช่น ธุรกิจร้านอาหาร ภัตตาคาร โซลูชันนี้จะบอกได้ว่ามีลูกค้าเข้าร้านช่วงเวลาไหนมาก ลูกค้าส่วนใหญ่ชอบกินอะไร ซึ่งจะช่วยให้เจ้าของธุรกิจสต๊อกสินค้า และสร้างแพกเกจอาหารได้ตรงใจลูกค้า หรืออย่างธุรกิจผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ ก็จะสามารถรู้ได้ว่าช่วงนี้แต่ละค่ายจะออกรถยนต์รุ่นอะไร ลูกค้าชอบแบบไหน ก็สามารถสต๊อกสินค้าได้ตรงความต้องการของตลาด
“สิ่งที่เกิดขึ้นขณะนี้คือองค์กรใหญ่ๆ ที่มีงบประมาณการลงทุนมากๆ สามารถลงทุนสำหรับโซลูชันนี้ได้ แต่เอสเอ็มอีไม่สามารถหาซื้อได้ เราจึงพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อเข้ามาทำตลาดตรงนี้โดยตรง เพื่อให้กลุ่มเอสเอ็มอีสามารถเป็นเจ้าของโซลูชันบีไอได้”
ผู้บริหารบิสซิเนส อ็อบเจ็กต์ย้ำว่า ขณะนี้มีเพียงบิสซิเนส อ็อบเจ็กต์เท่านั้นที่เป็นผู้ออกแบบโซลูชันบีไอสำหรับเอสเอ็มอีในไทยโดยเฉพาะ โดยโซลูชันสำหรับลูกค้ากลุ่มนี้ จะแตกต่างจากองค์กรขนาดใหญ่คือ 1.ราคาที่ถูกลงจากสินค้าขององค์กรขนาดใหญ่ถึง 60% 2.คุณสมบัติการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบมาเฉพาะที่รวบรวมองค์ประกอบหลายๆ อย่างให้อยู่ในโซลูชันหนึ่งเดียว เพื่อให้การทำงานง่ายขึ้น นอกจากนี้ ก็ไม่ได้ดึงฟังก์ชันอะไรออก แต่กลับเพิ่มฟังก์ชันใหม่ๆ เข้าไป เพื่อให้คนที่ไม่เคยใช้บีไอสามารถใช้งานได้ง่าย ขณะเดียวกันก็มีการออกแบบโซลูชันรองรับการขยายธุรกิจในอนาคตด้วย
ส่วนการทำตลาดบิสซิเนส อ็อบเจ็กต์จะขายผ่านคู่ค้าในไทย 5 ราย ประกอบด้วย สหแสนสิริ เอ็มเฟค เมจิกซอฟท์แวร์ คอนเนอร์สโตน และซอฟท์ไอที รวมถึงการอาศัยฐานลูกค้าของเอสเอพี (ประเทศไทย) ที่ทำตลาดในส่วนนี้อยู่แล้วบันเดิลสินค้าไปด้วยกัน หลังจากที่เอสเอพีเข้าซื้อกิจการของบิสซิเนส อ็อบเจ็กต์ไปก่อนหน้านี้
“ขณะนี้ไทยมีแค่ 15% ที่ใช้บีไอ เราจึงมีโอกาสถึง 85% ที่จะนำเสนอโซลูชันนี้เข้าไปในตลาด และแนวโน้มของบีไอปัจจุบันเอสเอ็มอีโตมากกว่าเอนเตอร์ไพรซ์ทั่วทั้งเอเชียแปซิฟิกรวมถึงไทยด้วยกว่า 50%”
Company Related Links :
Businessobjects