ไทคอนฯ เตรียมศึกษาออกหุ้นกู้วงเงิน 500-1,000 ล้านบาท เพื่อจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้น คาดสรุปได้อย่างเป็นทางการ เม.ย.- พ.ค.นี้ เปิดแผนเตรียมเพื่อขยายพื้นที่โรงงงานอีก 1.2 - 1.3 แสนตารางเมตร ตั้งงบลงทุน 3 พันล้านบาท ด้านเป้ารายได้คาดเติบโต 10% จากปีที่ผ่านมีรายได้ 3.5 พันล้านบาท พร้อมเตรียมเพิ่มทุนกองทุน TFUND อีก 2.7-2.8 พันล้านบาท คาดไดรูดประมาณ 17-18%
นายวีรพันธ์ พูลเกษ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TICON เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาในการออกหุ้นกู้เพื่อนำเงินไปในการจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นจำนวนประมาณ 800 ล้านบาท โดยคาดว่าจะสรุปความชัดเจนในเรื่องดังกล่าวได้ภายในเดือน พ.ค. 2551
ทั้งนี้ วงเงินเบื้องต้นในการออกหุ้นกู้คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 500-1,000 ล้านบาท ซึ่งมีอายุ 3-5 ปี โดยสาเหตุที่บริษัทเลือกที่จะออกหุ้นกู้เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยในการออกหุ้นกู้ต่ำกว่าการกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงิน
นอกจากนี้ บริษัทมีแผนที่จะเพิ่มพื้นที่โรงงานอีกประมาณ 1.2 -1.3 แสนตารางเมตร โดยคาดว่าจะต้องใช้เงินลงทุนประมาณ 3 พันล้านบาท รวมทั้งตั้งเป้าที่จะเพิ่มพื้นที่โรงงาน คลังสินค้าในปีนี้ให้ขยายตัวประมาณ 30% จากปีที่ผ่านมา โดยในปี 2550 บริษัทมีพื้นที่ทั้งโรงงานและคลังสินค้ารวมกันอยู่ที่ 6.85 แสนตารางเมตร
"เราอยู่ระหว่างการศึกษาออกหุ้นกู้จำนวนเงินประมาณ 500-1,000 ล้านบาทคาดว่าเดือนเม.ย.-พ.ค.น่าจะรู้ผล ส่วนดอกเบี้ยตอนนี้ถือว่าอยู่ในระดับค่อนข้างจะต่ำ โดยหากออกหุ้นกู้ 500 ล้านบาทหรือ 1,000 ล้านบาท ดอกเบี้ยไม่น่าจะเกิน 4%"นายวีรพันธ์ กล่าว
สำหรับเป้าหมายรายได้ของบริษัทในปีนี้ตั้งเป้าคาดว่าจะเติบโตประมาณ 10% จากปีที่ผ่นมาซึ่งมีรายได้อยู่ที่ 3,521 ล้านบาท โดยคาดว่ากำไรสุทธิจะเติบโตใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมาซึ่งมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 869.17 ล้านบาท ในส่วนของกำไรที่คาดว่าจะเติบโตในระดับใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมาเรื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองมีความชัดเจนมากขึ้น แต่ในช่วงปีที่ผ่านมาบริษัทมีการบันทึกกำไรจากการขายกองทุน TFUND ซึ่งในปีนี้จะไม่มี
อย่างไรก็ตาม สัดส่วนรายได้ของบริษัทในปีนี้น่าจะใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมาซึ่งมีรายได้มาจากค่าเช่าประมาณ 20% การขายสินทรัพย์ให้กองทุน TFUND ประมาณ 60% การขายโรงงานให้เช่าประมาณ 12% และกำไรจากการถือหุ้นลงทุนในกองทุน TFUND ประมาณ 2% โดยลูกค้าหลักของบริษัทที่เช่าพื้นที่โรงงานส่วนใหญ่ยังเป็นกลุ่มผู้ประกอบการด้านอิเล็กทรอนิกส์ ชิ้นส่วนรถยนต์โลจิสติกส์ อาหาร และอื่นๆ โดยมาจากประเทศญี่ปุ่น สิงคโปร์ สหรัฐฯ แคนาดา ยุโรป ไทย และไต้หวัน
นายวีรพันธ์ กล่าวอีกว่า ในช่วงครึ่งปีหลัง 2551 บริษัทมีแผนที่จะเพิ่มขนาดกองทุน TFUND อีกประมาณ 2.7 -2.8 พันล้านบาทเพื่อนำไปใช้ซื้อสินทรัพย์ของผู้ประกอบการธุรกิจโรงงานอื่นๆซึ่งมีมูลค่าประมาณ 400- 500 ล้านบาท ส่วนที่เหลือนำมาใช้สำหรับการซื้อสินทรัพย์ของ TICON
"การเพิ่มทุนของกองทุนจะส่งผลกระทบให้เกิดไดรูทชั่น 17-18% ซึ่งคาดว่าจะมีการเพิ่มทุนในช่วงครึ่งปีหลัง โดยบริษัทตั้งเป้าสินทรัพย์ของกองทุนในปีนี้เพิ่มขึ้นอีก 10% จากมูลค่าปัจจุบันอยู่ที่ 6,000 ล้านบาท"นายวีรพันธ์ กล่าว
นายวีรพันธ์ พูลเกษ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TICON เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาในการออกหุ้นกู้เพื่อนำเงินไปในการจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นจำนวนประมาณ 800 ล้านบาท โดยคาดว่าจะสรุปความชัดเจนในเรื่องดังกล่าวได้ภายในเดือน พ.ค. 2551
ทั้งนี้ วงเงินเบื้องต้นในการออกหุ้นกู้คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 500-1,000 ล้านบาท ซึ่งมีอายุ 3-5 ปี โดยสาเหตุที่บริษัทเลือกที่จะออกหุ้นกู้เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยในการออกหุ้นกู้ต่ำกว่าการกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงิน
นอกจากนี้ บริษัทมีแผนที่จะเพิ่มพื้นที่โรงงานอีกประมาณ 1.2 -1.3 แสนตารางเมตร โดยคาดว่าจะต้องใช้เงินลงทุนประมาณ 3 พันล้านบาท รวมทั้งตั้งเป้าที่จะเพิ่มพื้นที่โรงงาน คลังสินค้าในปีนี้ให้ขยายตัวประมาณ 30% จากปีที่ผ่านมา โดยในปี 2550 บริษัทมีพื้นที่ทั้งโรงงานและคลังสินค้ารวมกันอยู่ที่ 6.85 แสนตารางเมตร
"เราอยู่ระหว่างการศึกษาออกหุ้นกู้จำนวนเงินประมาณ 500-1,000 ล้านบาทคาดว่าเดือนเม.ย.-พ.ค.น่าจะรู้ผล ส่วนดอกเบี้ยตอนนี้ถือว่าอยู่ในระดับค่อนข้างจะต่ำ โดยหากออกหุ้นกู้ 500 ล้านบาทหรือ 1,000 ล้านบาท ดอกเบี้ยไม่น่าจะเกิน 4%"นายวีรพันธ์ กล่าว
สำหรับเป้าหมายรายได้ของบริษัทในปีนี้ตั้งเป้าคาดว่าจะเติบโตประมาณ 10% จากปีที่ผ่นมาซึ่งมีรายได้อยู่ที่ 3,521 ล้านบาท โดยคาดว่ากำไรสุทธิจะเติบโตใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมาซึ่งมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 869.17 ล้านบาท ในส่วนของกำไรที่คาดว่าจะเติบโตในระดับใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมาเรื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองมีความชัดเจนมากขึ้น แต่ในช่วงปีที่ผ่านมาบริษัทมีการบันทึกกำไรจากการขายกองทุน TFUND ซึ่งในปีนี้จะไม่มี
อย่างไรก็ตาม สัดส่วนรายได้ของบริษัทในปีนี้น่าจะใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมาซึ่งมีรายได้มาจากค่าเช่าประมาณ 20% การขายสินทรัพย์ให้กองทุน TFUND ประมาณ 60% การขายโรงงานให้เช่าประมาณ 12% และกำไรจากการถือหุ้นลงทุนในกองทุน TFUND ประมาณ 2% โดยลูกค้าหลักของบริษัทที่เช่าพื้นที่โรงงานส่วนใหญ่ยังเป็นกลุ่มผู้ประกอบการด้านอิเล็กทรอนิกส์ ชิ้นส่วนรถยนต์โลจิสติกส์ อาหาร และอื่นๆ โดยมาจากประเทศญี่ปุ่น สิงคโปร์ สหรัฐฯ แคนาดา ยุโรป ไทย และไต้หวัน
นายวีรพันธ์ กล่าวอีกว่า ในช่วงครึ่งปีหลัง 2551 บริษัทมีแผนที่จะเพิ่มขนาดกองทุน TFUND อีกประมาณ 2.7 -2.8 พันล้านบาทเพื่อนำไปใช้ซื้อสินทรัพย์ของผู้ประกอบการธุรกิจโรงงานอื่นๆซึ่งมีมูลค่าประมาณ 400- 500 ล้านบาท ส่วนที่เหลือนำมาใช้สำหรับการซื้อสินทรัพย์ของ TICON
"การเพิ่มทุนของกองทุนจะส่งผลกระทบให้เกิดไดรูทชั่น 17-18% ซึ่งคาดว่าจะมีการเพิ่มทุนในช่วงครึ่งปีหลัง โดยบริษัทตั้งเป้าสินทรัพย์ของกองทุนในปีนี้เพิ่มขึ้นอีก 10% จากมูลค่าปัจจุบันอยู่ที่ 6,000 ล้านบาท"นายวีรพันธ์ กล่าว